PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ธรรมะพระอ.มั่น บันทึกโดยหลวงปู่หลุย



*8q*
12-01-2008, 02:38 PM
บันทึกโดยหลวงปู่หลุย

" ธรรมมะ ธัมโม เรียนมาจากธรรมชาติ เห็นความเกิด ความแปรปรวนของสังขาร ประกอบด้วยไตรลักษณ์"

"อย่าเชื่อหมอมากนัก ให้เชื่อธรรมมากจึงดี เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม"

"อรหันต์ก็เป็นคุณอนันต์ นับหาประมาณมิได้ พระอรหันต์ ตรัสรู้ในตัว เห็นในตัว มีญาณแจ่มแจ้งดี ล้วนแต่เล่าเรียนธรรมชาติทั้งนั้นฯ"

"ธรรมะชี้เข้ากายกับจิตเป็นคัมภีร์เดิม"

"ภูเขาสูงที่กลิ้งมาบดสัตว์ให้เป็นจุรณไปนั้น อายุ 70 ปีแล้วไม่เคยเห็นภูเขา เห็นแต่ชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ เท่านั้นแล ทิฐิมานะเป็นภูเขาสูงหาที่ประมาณมิได้"

"ธรรมะเป็นต้น เอโกมีอันเดียว แต่แสดงอาการโดยนัย 84,000 ธาตุ 4 ธาตุ 6 ธาตุ18 ให้เห็นด้วยจักษุด้วย ให้เห็นด้วยญาณ คือปัญญาด้วย "นโม" ดิน น้ำ บิดา มารดา ปั้นขึ้นมา"

"84,000 เป็นอุบายที่ให้พระองค์ทรมานสัตว์ สัตว์ย่อมรู้แต่ 84,000 เท่านั้น จะรู้ยิ่งไปกว่านั้นเป็นไม่มี เว้นแต่นิสัยพุทธภูมิฯ รู้อนันตนัย หาประมาณมิได้ พ้นจากนิสัยของสาวก สาวกรู้แต่ 84,000 เท่านั้น จะรู้ยิ่งไปกว่านั้นมิได้"

"ให้รู้ ..นโม.. *นะ* น้ำ *โม* ดิน (อิ อะ) อิติปิโสฯ อรหัง เมื่อรู้แล้ว ความรู้หาประมาณมิได้ อะ อิ สำคัญนัก เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์ฯ"

"ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ นี้เอง ทำให้บุคคลเป็นพระอรหันต์"

"..ญาณ.. ของพระพุทธเจ้า ท่านหมายเอา สกนธ์กาย เช่น นิมิตธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน และอาการ 32 เป็นนิมิต ท่านบอกว่า รู้เห็นเช่นนี้ บรรดาท่านเจ้าคุณทั้งหลายไม่คิดค้านเลยฯ

"สัตว์เกิดในท้องมารดาทุกข์แสน กามเป็นของต่ำช้า เป็นของที่นำทุกข์เดือดร้อนฯ"

"โลกสันนิวาส มีความแปรปรวนตั้งเที่ยงอยู่เช่นนั้น แต่จิตของเรารักษาไว้ให้ดี อย่าให้ติด ถ้าไม่ติดก็ได้ชื่อว่าเป็นสุข ในตอนนี้ ท่านแสดงทบไปทบมาเพื่อให้ศิษย์รู้"

"พิจารณาค้นกาย ตรวจกายถูกดีแล้ว ไม่เป็นปัญหาขึ้นมาได้ ถ้าไม่ถูกย่อมเป็นปัญหาขึ้นมา"

"ค้นดูกายถึงหลัก แลเห็นอริยสัจของจริงแล้ว เดินตามมรรค เห็นตัวสมุทัย เห็นทุกขสัจ"

"ต้องทำจิตให้เป็นเอก ต้องสงเคราะห์ธรรมให้เป็นเอกเสมอฯ"

"อริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มรรคคือ กาย วาจา ใจเป็นมรรค เข้าไปดับทุกข์ ดับสมุทัย ดับนิโรธ นิโรธดับไม่เอา เอาที่ไม่ดับ คือดับนั้น ยังเป็นตัวมรรค เอาสิ่งที่ไม่ดับ สิ่งที่ตั้งอยู่นั้นแหละเป็นตัวให้สิ้นทุกข์"

"ปฏิภาค.. นั้นอาศัยผู้ที่มีวาสนา จึงจะบังเกิดขึ้น ..อุคหนิมิต.. นั้นเป็นของที่ไม่ถาวร พิจารณาให้ชำนาญแล้วเป็น ..ปฏิภาคนิมิต.. ชำนาญทาง.. ปฏิภาค.. แล้วทวนเข้ามาเป็นตน ปฏิภาคนั้นเป็นส่วนวิปัสสนาฯ"

"ท่านพิจารณาร่างกระดูกได้ 500 ชาติมาแล้ว ตั้งแต่เกิด เป็นเสนาบดีเมืองกุรุราช เป็นอุบาสก ถึงพระรัตนตรัย"

"เจริญทางจิตอย่างเดียว ตั้งแต่ ..อุปจารสมาธิ.. รู้วาระจิตของผู้อื่นได้ แก้นิวรณ์ได้ แต่โมหะคุมจิต ถ้าเจริญวิปัสสนา ถึง..อัปปนาสมาธิ.. ท่านอาจารย์บอกเช่นนั้น และบอกว่าทำความรู้ให้พอเสียก่อนจึงไม่หวั่นไหว"

"ให้รู้ที่จะแก้จิตของตน ให้รู้จักภพของตนที่จะไปเกิดฯ ท่านอาจารย์ได้พิจารณาวัฏฏะ 500 ชาติ"

"ต้องผ่านความผิดมาเสียก่อน จึงปฏิบัติถูก ความผิดเป็นเหตุความถูกเป็นผลของความดีทั้งหลาย ต้องเดินมรรค 8 ให้ถูกจึงจะแก้ได้ เดินตามสายหนทางของพระอริยเจ้า ใช้ตบะอย่างยิ่งคือความเพียร จึงจะสอนตนได้โลกีย์ โลกุตระ 2 อย่างประจำอยู่ในโลก 3 ภพ"

"ปัญญามีสัมปยุตทุกๆภูมิ กามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร โลกุตระ เหล่านี้ ล้วนแต่มีปัญญาประกอบ ควรที่เป็นเสียมก็เป็น ควรที่เป็นขวานก็เป็น ส่วนที่เฉยๆ เรื่อยๆนั้น เช่นเหล็กเป็นแท่งกลม จะเอามาใช้อะไรก็ไม่ได้ นี้ฉันใด"

"จะบอกการดำเนิน วิปัสสนา และ สมถะ โดยเฉพาะนั้นมิได้ เพราะมันไปหน้าเดียว จริตของคนต่างๆกัน แล้วแต่ความฉลาด ไหวพริบของใคร เพราะดำเนินจิตหลายแง่แล้วแต่ความสะดวก"

"อย่าให้จิตเพ่งนอก ให้รู้ในตัว เห็นในตัว เมื่อรู้ในตัวแล้ว รู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ"

"เทศน์เรื่องมงคลวิเสส ที่มนุษย์ เทวดามีความสงสัย มิได้แก้อัตถะแปลได้เหมือนพระพุทธองค์ มนุษย์เป็นสถานกลาง อะไรดี หรือชั่วก็ต้องกลั่นออกไปจากมนุษย์นี้ทั้งนั้น ทำให้เป็นดีก็มนุษย์ ทำให้ชั่วก็มนุษย์ จะเป็นบุถุชนก็มนุษย์ จะเป็นพระพุทธเจ้าก็มนุษย์"

"ท่านเทศน์ให้สงเคราะห์เข้าตนทั้งนั้น สุภะ เป็นธาตุบูดเน่า เป็นธรรมชาติของเขา ร้ายแต่มนุษย์ จิตติดสุภะ ดื่มสุรา ท่านยกพระโพธิสัตว์ ยศเป็นกษัตริย์ มีเมีย 6 หมื่น บุตรราหุล ท่านก็ไม่เมา ไหนเรามีเมียตาเปียกคนเดียว ติดกันจนตาย ธาตุเมาอันนี้เป็นธรรมชาติไม่ให้คนสิ้นทุกข์ไปได้"

"บุคคลรักษาจิต ได้แล้วทั้งศีล แม้รักษาทางปัญญา ได้แล้ว ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ดุจข้าวสุกที่สำเร็จแล้ว เราจะตวงกิน ไม่ต้องไปกังวล ทำนาเก็บเกี่ยว และข้าวเปลือก ข้าวสารเลย กินข้าวสุกแล้วก็เป็นพอนี้ก็ฉันนั้น เป็นสถานที่สำรวม"


"ภายนอกให้ละเอียดเสียก่อน แล้วภายในจึงละเอียด"

"ครั้งพุทธกาล บางองค์ติดทางสมาธิ 50 ปี จึงได้สำเร็จก็มี"

"พระอานนท์ เป็นคลังแห่งพระธรรม อะไรท่านรู้หมด ทำเนิ่นช้า เพราะท่านติดพระสูตร อภิธรรม ไม่น้อมลงมาปฏิบัติ จึงสำเร็จช้า อายุ 80 ปี หลังพุทธปรินิพพาน 3 เดือน"

"พระอานนท์ทำความเพียรในกายวิปัสสนา กำหนดจิต โดยมิได้ละ จนขาตรงทีเดียว จึงได้ทอดกายด้วยสติ หัวยังไม่ถึงหมอน จิตก็เข้าสู่ภวังค์ ภวังค์หายไป เกิดความรู้ เญยธรรม ทั้งหลาย ฯ"

"พระโมคคัลลาน์ สารีบุตร ล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์ สั่งสอนแม่ไม่ได้เลยทีเดียวฯ"

"เหตุปจจโย โหติ ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุ ดับเพราะเหตุฯ"

"อย่าเชื่ออภิญญาฯ ปฏิบัติเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นอาบัติทุกกฏ"

"ธรรมเป็นของเย็น พระกรรมฐานอยู่ที่ไหน สัตว์ป่าต้องอาศัยอยู่ หมูป่าเห็นคฤหัสถ์เป็นยักษ์เป็นมาร เบียดเบียนสัตว์ ยิงจนไม่มีเหลือ เสือภูวัว ท่านอาจารย์ทำอุโบสถ มันมาร้อง เมื่อฟังปาติโมกข์ จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์มั่นคุ้นเคยสัตว์เหล่านี้ ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่านี้ เป็นมิตรสหายกันด้วยธรรมเครื่องเย็นใจ"

"สัตว์เดจัจฉาน เขาก็มีสัญญา ปัญญา นามธรรม รู้เหมือนกับมนุษย์ แต่เขาพูดไม่ได้"

"ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเอง ท่านเตือนท่านมหาบัว ฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้า ละกิเลสส่วนใดได้แล้ว ท่านไม่กลับมาละอีก เพราะมรรคประหารสิ้นไปแล้ว เดินหน้าแก้กิเลสใหม่เรื่อยไป จนละกิเลสรอบ ไม่เกิดอีก นี้ก็เป็นอัศจรรย์"

"ให้ม้างกายเป็นนิจนั้นดี อย่าให้มันหุ้ม"

"สถานที่เข็ดขวาง ท่านบอกว่าเป็นพวกเปรต ต้องทำบุญให้ทานอุทิศถึง เขาก็ได้รับ อนุโมทนา หายไปเกิด ณ ที่อื่นฯ"

"ท่านไม่ชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาให้สิ้นกิเลส ฤทธิ์ทั้งหลายเกิดด้วยกำลังสมถะ ฌานสมาบัติทั้งนั้น ใช้วิปัสสนาอย่างเดียวไม่มีฤทธิ์ สำเร็จอรหันต์"

"ฝึกหัดจิตดีแล้ว จิตเข้มแข็งมีอำนาจมาก ย่อมกระทำจิตสารพัดได้ทุกอย่าง เมื่อเห็นอำนาจของจิตแล้ว และเห็นกายเป็นของอ่อน จิตบังคับกายได้ฯ"

"เขาโกรธเรา แต่เราอย่าตอบ ให้พิจารณาความบริสุทธิ์ละลาย แล้วยกธงชัยขึ้น และ มีอะไรก็สงเคราะห์เขาผู้ประมาท ไม่นาน เขากลับคืนดี ไม่กลับคืนดีก็วิบัติถึงตายทีเดียว"

"ใครจะไปบังคับจิต นั้นไม่ได้เลย ต้องสอนจิตให้อยู่ด้วยอุบาย แม้คำสั่งสอนของพระองค์ ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนั้น เหตุนั้น ท่านจึงไม่ชี้อุบายตรงๆ ลงไปทีเดียว จึงชักอื่นมาเปรียบเทียบฯ"

"นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียว ที่แสดงเป็นนิมิตออกมา อย่าหลงตามนิมิต ให้ทวนกระแสเข้าจิตเดิม เพราะนิมิต เป็นของไม่เทียง หลงเชื่อนิมิต ประเดี๋ยวเป็นบ้า"

"ปฏิภาคนิมิตเกิดเฉพาะผู้ที่มีวาสนาอย่างเดียว การภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิต นี้เป็นกรรมฐานเดิม แต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด จึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ"

"ให้เป็นมหาสติ มหาปัญญา รอบกาย รอบจิต มรณะร้ายมาถึงแล้ว ต้องเข้าแย่งกันในช่องแคบ แม้โพธิสัตว์ชนะมาร ชนะในช่องแคบ"

"สนิมมันเกิดในเนื้อเหล็ก กิเลสมันเกิดในดวงจิต ต้องประหารจิตให้เป็นธรรม"

"ในโลกนี้เป็นอัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขา วิปัสสนา ลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลกชื่อว่า ..โลกุตระ.. "

*8q*
12-01-2008, 02:39 PM
เรื่องกรรมฐาน 5 ภาวนาให้มาก ในร่างกายเห็นอสุภะเป็นยาปรมัตถ์แก้จิตพระเณรที่บรรพชาอุปสมบท ล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน 5 มาทั้งนั้นเป็นหลักสำคัญที่กุลบุตร จะภาวนารู้แจ้งในรูปธรรมเป็นสันทิฏฐิโกเห็นเองเบื่อหน่ายรูปธรรม อรูปธรรม และเห็นนามธรรม ไปพร้อมกัน"

"การนอนการสงบเข้าฌาน เป็นอาหารของจิต และร่างกายอย่างหนึ่งสมถะต้องพักจิตสอบอารมณ์ส่วนวิปัสสนาจิตเดินไตรลักษณ์ ให้รู้อริยสัจเหนื่อยแล้วเข้าพักจิตพักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีก ดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิตการเดินจิตทั้งวิปัสสนาและสมถะ พระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ชำนิชำนาญทั้งสองวิธี จึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิเป็นมหาปัญญา มีศีลทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิต เจตสิกพร้อมทั้งกรรมบถ 10 ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้งสว่างทั้งภายในและภายนอกมีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์ วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติ เป็นจิตพระอรหันต์สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ บุถุชนติเตียน เกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็น ชาตินิพพาน นิพพานมี 2 อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ 1 นิพพานตายแล้ว 1 พระอรหันต์รอขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานฉะนั้น"

"สุทโธทนะห้ามพระองค์ไม่ให้ไปบิณฑบาตกรุงกบิลพัสดุ์ เราไม่อดพระองค์ตอบว่าไปตามประเพณีพระพุทธเจ้าสุทโธทนะฟังโอวาทแล้วได้โสดาบัน"

"ให้เห็นปัจจุบันธรรมอย่าส่งจิตอนาคตและอดีตฯ"

"ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน พิจารณากาย จิตความไม่เที่ยงของสังขารเป็นธรรมะส่อให้เห็นเรื่อยๆ ทำความรู้ในนั้นเห็นในนั้นฯ"

"ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น ให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุฯ"

"มหาสติเรียนกายจิตให้มากๆ ให้เห็นจริงธรรมะจริง สมมุติอย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้นฯ"

"ธาตุ 84,000 ธาตุออกมาจากจิตหมดฯ"

"นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้วจิตไม่เกิดยินดียินร้าย ดับไป เช่นนี้ชื่อว่านิโรธฯ"

"ฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญจิตต่อๆไปฯ"

"ให้เอากายวาจาใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เป็นปกติฯ"

"มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นนั้นเป็นปริยายฯ"

"ให้รู้ธรรม และอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเองฯ"

"พระอานนท์ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม ว่าเป็นของภายนอกต่อหันเข้ามาปฏิบัติภายในจึงสำเร็จฯ"

"หนังคนในโลกยินดีในหนังและเครื่องอุปโภคบริโภค หนังอันนี้ทำให้มนุษย์หลงยินดีพากันตกทุกข์กันมากฯ"

"ธรรมธาตุ สัตว์หลงธาตุ ชมธาติ ยินดีธาตุ ยินร้ายธาตุจึงได้กรรมไปต่างๆฯ"

"เรียนแบบตำราเป็นของที่ไม่แน่นอนสู้เรียนทางกายและจิตให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ ฉะนั้น ผู้เรียนกายวาจาจิตไม่ใคร่สึกปฏิบัติแต่ธรรมที่รู้ยิ่งเห็นจริงฯ"

"ปัจจุบันให้รู้ทางจิตฯ"

"ปฏิภาคเป็นเรื่องของปัญญาฯ"

"ให้เรียนทางจิตทวนกระแสตัดรากเหง้าเครื่องผูกดุจรื้อเครื่องฟัก"

"ปฏิภาคนิมิต เป็นปาฏิหาริย์ของจิตมีอำนาจทำให้เป็นอากาศว่างเปล่าได้ อันเป็นอัศจรรย์ใหญ่หลวงฯ"

"ผู้มีราคะย่อมเศร้าโศกเสียใจเพราะราคะฯ"

"เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่าไม่หันไปหาทางที่จะพ้นทุกข์ฯ"

"ทำจิตให้เสมออยู่ อย่าขึ้นอย่าลงอย่าไปอย่ามาให้รู้เฉพาะปกติของจิตฯ"

"ฐานของธรรมเป็นบ่อเกิดอริยสัจของจริงฯ"

"เกิดความรู้อย่างวิเศษแล้วย่อมหาอานิสงส์ประมาณมิได้ฯ"

"อัตตาหิฯลฯเป็นของลึกลับเหลือที่สุดฯ"

"ถ้าส่งจิตรู้เห็นนอกกาย เป็นมิจฉาทิฐิให้รู้เห็นอยู่ในกายกับจิตนั้นเป็นสัมมาทิฐิฯ"

"นักปฏิบัติใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่สุด จึงจะรู้ธรรมเห็นธรรมฯ"

"ให้รู้ธาติ เห็นธาตุจิตจึงไม่ติดทางราคะฯ"

"คนเราจะดีจะชั่วต้องเกิดวิบัติเสียก่อนฯ"

"ธรรมที่ลึกลับ ไม่ควรพูดให้คนอื่นรู้เพราะคนอื่นไม่เห็นตามธรรมจะเสียต้องพูดต่อผู้ปฏิบัติเหมือนกัน"

"ให้ถือตามมีตามได้ หันหาธรรมชาติอย่าก่อความกังวลนั้นดีมาก เมื่อปฏิบัติได้แล้วก็ไม่ดีใจ เสียใจ"

http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=24942