PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เรื่องเล่าสำหรับเดือนสุดท้ายของปี



scooppy-doo
12-15-2008, 02:24 PM
:) :) :)


เรื่องเล่าสำหรับเดือนสุดท้ายของปี

หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่าผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆจริงๆนะ

"ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ" ภรรยาผมว่า

"แต่ผมรักคุณนี่" ผมเถียง

"ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน"

ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเองซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปีแล้ว เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแลลูกๆทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น

วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง

แม่ถามว่า " มีอะไรหรือ ? ลูกสบายดีรึเปล่า ? "

แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิดว่าการที่คนโทรมาหากลางดึกหรือเชิญอย่างกระทันหัน หมายความว่ามีเรื่อง ไม่ค่อยดีเกิดขึ้น ผมตอบแม่ว่า

"ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้ าง "

แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ".......แม่ยินดีมากเลยจ้ะ "

เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตุได้ว่า แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว
แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่ง งานครั้งสุดท้ายพลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใส ราวกับทูตสวรรค์

"แม่บอกเพื่อนๆ ว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย พวกเขาประทับใจกันใหญ่ "

แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ ....... "พวกเขารอฟังแทบไม่ไหวเลย "

เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหราแต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบายๆมากๆ
แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหารเพราะสายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเท่านั้น เมื่อผมอ่านเมนูไปได้เพียงครึ่ง
ผมเงยขึ้นมองเห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง

"ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคนอ่านเมนูให้ลูกฟัง " แม่ว่า

"งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟัง สบายๆบ้าง" ผมตอบ

ในระหว่างมื้ออาหารนั้นเราคุยกันอย่างถูกคอ
ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร
เพียงแต่สลับกันถามว่าชีวิตของเรา
เป็นยังไงทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทันเมื่อผมไปส่งแม่ที่ บ้าน

แม่พูดว่า "แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะแต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ "
ผมตอบตกลง

"ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง?" ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน

"ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย " ผมตอบ

ไม่กี่วันต่อมา
แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย

หลายวันต่อมา
ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไปมีโน๊ตเล็กๆ
แนบมาด้วยว่า

"แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว
แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามแม่ก็จ่ายสำหรับ สองคน คือลูกกับภรรยา
ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่า วันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน......รักลูกจ้ะ "

วินาทีนั้น ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า " รัก " ต่อคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมัน ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้ ...