*8q*
12-18-2008, 03:45 PM
"พระอานนท์ทำความเพียรในกายวิปัสสนา กำหนดจิต โดยมิได้ละจนขาตรงทีเดียว จึงได้ทอดกายด้วยสติ หัวยังไม่ถึงหมอน จิตก็เข้าสู่ภวังค์ภวังค์หายไป เกิดความรู้ เญยธรรม ทั้งหลาย ฯ"
"พระโมคคัลลาน์ สารีบุตรล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์สั่งสอนแม่ไม่ได้เลยทีเดียวฯ"
"เหตุปจจโย โหติ ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุดับเพราะเหตุฯ"
"อย่าเชื่ออภิญญาฯ ปฏิบัติเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญเป็นอาบัติทุกกฏ"
"ธรรมเป็นของเย็น พระกรรมฐานอยู่ที่ไหนสัตว์ป่าต้องอาศัยอยู่ หมูป่าเห็นคฤหัสถ์เป็นยักษ์เป็นมาร เบียดเบียนสัตว์ยิงจนไม่มีเหลือ เสือภูวัว ท่านอาจารย์ทำอุโบสถ มันมาร้อง เมื่อฟังปาติโมกข์จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์มั่นคุ้นเคยสัตว์เหล่านี้ ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่านี้เป็นมิตรสหายกันด้วยธรรมเครื่องเย็นใจ"
"สัตว์เดจัจฉาน เขาก็มีสัญญา ปัญญานามธรรม รู้เหมือนกับมนุษย์แต่เขาพูดไม่ได้"
"ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเองท่านเตือนท่านมหาบัว ฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้า ละกิเลสส่วนใดได้แล้ว ท่านไม่กลับมาละอีกเพราะมรรคประหารสิ้นไปแล้วเดินหน้าแก้กิเลสใหม่เรื่อยไปจนละกิเลสรอบ ไม่เกิดอีกนี้ก็เป็นอัศจรรย์"
"ให้ง้างกายเป็นนิจนั้นดีอย่าให้มันหุ้ม"
"สถานที่เข็ดขวาง ท่านบอกว่าเป็นพวกเปรตต้องทำบุญให้ทานอุทิศถึง เขาก็ได้รับ อนุโมทนา หายไปเกิด ณที่อื่นฯ"
"ท่านไม่ชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาให้สิ้นกิเลสฤทธิ์ทั้งหลายเกิดด้วยกำลังสมถะ ฌานสมาบัติทั้งนั้นใช้วิปัสสนาอย่างเดียวไม่มีฤทธิ์ สำเร็จ
อรหันต์"
"ฝึกหัดจิตดีแล้วจิตเข้มแข็งมีอำนาจมาก ย่อมกระทำจิตสารพัดได้ทุกอย่าง เมื่อเห็นอำนาจของจิตแล้วและเห็นกายเป็นของอ่อน จิตบังคับกายได้ฯ"
"เขาโกรธเรา แต่เราอย่าตอบให้พิจารณาความบริสุทธิ์ละลาย แล้วยกธงชัยขึ้น และมีอะไรก็สงเคราะห์เขาผู้ประมาทไม่นาน เขากลับคืนดีไม่กลับคืนดีก็วิบัติถึงตายทีเดียว"
"ใครจะไปบังคับจิตนั้นไม่ได้เลยต้องสอนจิตให้อยู่ด้วยอุบายแม้คำสั่งสอนของพระองค์ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนั้น เหตุนั้น ท่านจึงไม่ชี้อุบายตรงๆ ลงไปทีเดียวจึงชักอื่นมาเปรียบเทียบฯ"
"นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียวที่แสดงเป็นนิมิตออกมาอย่าหลงตามนิมิตให้ทวนกระแสเข้าจิตเดิมเพราะนิมิตเป็นของไม่เทียง หลงเชื่อนิมิตประเดี๋ยวเป็นบ้า"
"ปฏิภาคนิมิตเกิดเฉพาะผู้ที่มีวาสนาอย่างเดียวการภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิตนี้เป็นกรรมฐานเดิมแต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดจึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ"
"ให้เป็นมหาสติ มหาปัญญา รอบกาย รอบจิตมรณะร้ายมาถึงแล้ว ต้องเข้าแย่งกันในช่องแคบ แม้โพธิสัตว์ชนะมารชนะในช่องแคบ"
"สนิมมันเกิดในเนื้อเหล็ก กิเลสมันเกิดในดวงจิตต้องประหารจิตให้เป็นธรรม"
"ในโลกนี้เป็นอัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขาวิปัสสนา ลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลกชื่อว่า ..โลกุตระ.. "
"เรื่องกรรมฐาน 5 ภาวนาให้มาก ในร่างกายเห็นอสุภะเป็นยาปรมัตถ์แก้จิตพระเณรที่บรรพชาอุปสมบทล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน 5 มาทั้งนั้น เป็นหลักสำคัญที่กุลบุตรจะภาวนารู้แจ้งในรูปธรรมเป็นสันทิฏฐิโกเห็นเอง เบื่อหน่ายรูปธรรม อรูปธรรมและเห็นนามธรรม ไปพร้อมกัน"
"การนอน การสงบเข้าฌาน เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่งสมถะต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วนวิปัสสนาจิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัจเหนื่อยแล้วเข้าพักจิต พักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิตการเดินจิตทั้งวิปัสสนาและสมถะพระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ชำนิชำนาญทั้งสองวิธีจึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญามีศีลทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิต เจตสิก พร้อมทั้งกรรมบถ 10 ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้งสว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติ เป็นจิตพระอรหันต์สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ บุถุชนติเตียน เกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็น ชาตินิพพาน นิพพานมี 2 อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ 1 นิพพานตายแล้ว 1 พระอรหันต์รอขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานฉะนั้น"
"สุทโธทนะห้ามพระองค์ไม่ให้ไปบิณฑบาตกรุงกบิลพัสดุ์ เราไม่อดพระองค์ตอบว่าไปตามประเพณีพระพุทธเจ้าสุทโธทนะฟังโอวาทแล้วได้โสดาบัน"
"ให้เห็นปัจจุบันธรรมอย่าส่งจิตอนาคตและอดีตฯ"
"ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน พิจารณากาย จิตความไม่เที่ยงของสังขารเป็นธรรมะส่อให้เห็นเรื่อยๆ ทำความรู้ในนั้นเห็นในนั้นฯ"
"ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น ให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุฯ"
"มหาสติเรียนกายจิตให้มากๆ ให้เห็นจริงธรรมะจริง สมมุติอย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้นฯ"
"ธาตุ 84,000 ธาตุออกมาจากจิตหมดฯ"
"นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้วจิตไม่เกิดยินดียินร้าย ดับไป เช่นนี้ชื่อว่านิโรธฯ"
"ฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญจิตต่อๆไปฯ"
"ให้เอากายวาจาใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เป็นปกติฯ"
"มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นนั้นเป็นปริยายฯ"
"ให้รู้ธรรม และอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเองฯ"
"พระอานนท์ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม ว่าเป็นของภายนอกต่อหันเข้ามาปฏิบัติภายในจึงสำเร็จฯ"
"หนังคนในโลกยินดีในหนังและเครื่องอุปโภคบริโภค หนังอันนี้ทำให้มนุษย์หลงยินดีพากันตกทุกข์กันมากฯ"
"ธรรมธาตุ สัตว์หลงธาตุ ชมธาติ ยินดีธาตุ ยินร้ายธาตุจึงได้กรรมไปต่างๆฯ"
"เรียนแบบตำราเป็นของที่ไม่แน่นอนสู้เรียนทางกายและจิตให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ ฉะนั้น ผู้เรียนกายวาจาจิตไม่ใคร่สึกปฏิบัติแต่ธรรมที่รู้ยิ่งเห็นจริงฯ"
"ปัจจุบันให้รู้ทางจิตฯ"
"ปฏิภาคเป็นเรื่องของปัญญาฯ"
"ให้เรียนทางจิตทวนกระแสตัดรากเหง้าเครื่องผูกดุจรื้อเครื่องฟัก"
"ปฏิภาคนิมิต เป็นปาฏิหาริย์ของจิตมีอำนาจทำให้เป็นอากาศว่างเปล่าได้ อันเป็นอัศจรรย์ใหญ่หลวงฯ"
"ผู้มีราคะย่อมเศร้าโศกเสียใจเพราะราคะฯ"
"เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่าไม่หันไปหาทางที่จะพ้นทุกข์ฯ"
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=25410
"พระโมคคัลลาน์ สารีบุตรล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์สั่งสอนแม่ไม่ได้เลยทีเดียวฯ"
"เหตุปจจโย โหติ ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุดับเพราะเหตุฯ"
"อย่าเชื่ออภิญญาฯ ปฏิบัติเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญเป็นอาบัติทุกกฏ"
"ธรรมเป็นของเย็น พระกรรมฐานอยู่ที่ไหนสัตว์ป่าต้องอาศัยอยู่ หมูป่าเห็นคฤหัสถ์เป็นยักษ์เป็นมาร เบียดเบียนสัตว์ยิงจนไม่มีเหลือ เสือภูวัว ท่านอาจารย์ทำอุโบสถ มันมาร้อง เมื่อฟังปาติโมกข์จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์มั่นคุ้นเคยสัตว์เหล่านี้ ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่านี้เป็นมิตรสหายกันด้วยธรรมเครื่องเย็นใจ"
"สัตว์เดจัจฉาน เขาก็มีสัญญา ปัญญานามธรรม รู้เหมือนกับมนุษย์แต่เขาพูดไม่ได้"
"ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเองท่านเตือนท่านมหาบัว ฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้า ละกิเลสส่วนใดได้แล้ว ท่านไม่กลับมาละอีกเพราะมรรคประหารสิ้นไปแล้วเดินหน้าแก้กิเลสใหม่เรื่อยไปจนละกิเลสรอบ ไม่เกิดอีกนี้ก็เป็นอัศจรรย์"
"ให้ง้างกายเป็นนิจนั้นดีอย่าให้มันหุ้ม"
"สถานที่เข็ดขวาง ท่านบอกว่าเป็นพวกเปรตต้องทำบุญให้ทานอุทิศถึง เขาก็ได้รับ อนุโมทนา หายไปเกิด ณที่อื่นฯ"
"ท่านไม่ชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาให้สิ้นกิเลสฤทธิ์ทั้งหลายเกิดด้วยกำลังสมถะ ฌานสมาบัติทั้งนั้นใช้วิปัสสนาอย่างเดียวไม่มีฤทธิ์ สำเร็จ
อรหันต์"
"ฝึกหัดจิตดีแล้วจิตเข้มแข็งมีอำนาจมาก ย่อมกระทำจิตสารพัดได้ทุกอย่าง เมื่อเห็นอำนาจของจิตแล้วและเห็นกายเป็นของอ่อน จิตบังคับกายได้ฯ"
"เขาโกรธเรา แต่เราอย่าตอบให้พิจารณาความบริสุทธิ์ละลาย แล้วยกธงชัยขึ้น และมีอะไรก็สงเคราะห์เขาผู้ประมาทไม่นาน เขากลับคืนดีไม่กลับคืนดีก็วิบัติถึงตายทีเดียว"
"ใครจะไปบังคับจิตนั้นไม่ได้เลยต้องสอนจิตให้อยู่ด้วยอุบายแม้คำสั่งสอนของพระองค์ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนั้น เหตุนั้น ท่านจึงไม่ชี้อุบายตรงๆ ลงไปทีเดียวจึงชักอื่นมาเปรียบเทียบฯ"
"นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียวที่แสดงเป็นนิมิตออกมาอย่าหลงตามนิมิตให้ทวนกระแสเข้าจิตเดิมเพราะนิมิตเป็นของไม่เทียง หลงเชื่อนิมิตประเดี๋ยวเป็นบ้า"
"ปฏิภาคนิมิตเกิดเฉพาะผู้ที่มีวาสนาอย่างเดียวการภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิตนี้เป็นกรรมฐานเดิมแต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดจึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ"
"ให้เป็นมหาสติ มหาปัญญา รอบกาย รอบจิตมรณะร้ายมาถึงแล้ว ต้องเข้าแย่งกันในช่องแคบ แม้โพธิสัตว์ชนะมารชนะในช่องแคบ"
"สนิมมันเกิดในเนื้อเหล็ก กิเลสมันเกิดในดวงจิตต้องประหารจิตให้เป็นธรรม"
"ในโลกนี้เป็นอัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขาวิปัสสนา ลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลกชื่อว่า ..โลกุตระ.. "
"เรื่องกรรมฐาน 5 ภาวนาให้มาก ในร่างกายเห็นอสุภะเป็นยาปรมัตถ์แก้จิตพระเณรที่บรรพชาอุปสมบทล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน 5 มาทั้งนั้น เป็นหลักสำคัญที่กุลบุตรจะภาวนารู้แจ้งในรูปธรรมเป็นสันทิฏฐิโกเห็นเอง เบื่อหน่ายรูปธรรม อรูปธรรมและเห็นนามธรรม ไปพร้อมกัน"
"การนอน การสงบเข้าฌาน เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่งสมถะต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วนวิปัสสนาจิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัจเหนื่อยแล้วเข้าพักจิต พักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิตการเดินจิตทั้งวิปัสสนาและสมถะพระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ชำนิชำนาญทั้งสองวิธีจึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญามีศีลทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิต เจตสิก พร้อมทั้งกรรมบถ 10 ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้งสว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติ เป็นจิตพระอรหันต์สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ บุถุชนติเตียน เกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็น ชาตินิพพาน นิพพานมี 2 อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ 1 นิพพานตายแล้ว 1 พระอรหันต์รอขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานฉะนั้น"
"สุทโธทนะห้ามพระองค์ไม่ให้ไปบิณฑบาตกรุงกบิลพัสดุ์ เราไม่อดพระองค์ตอบว่าไปตามประเพณีพระพุทธเจ้าสุทโธทนะฟังโอวาทแล้วได้โสดาบัน"
"ให้เห็นปัจจุบันธรรมอย่าส่งจิตอนาคตและอดีตฯ"
"ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน พิจารณากาย จิตความไม่เที่ยงของสังขารเป็นธรรมะส่อให้เห็นเรื่อยๆ ทำความรู้ในนั้นเห็นในนั้นฯ"
"ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น ให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุฯ"
"มหาสติเรียนกายจิตให้มากๆ ให้เห็นจริงธรรมะจริง สมมุติอย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้นฯ"
"ธาตุ 84,000 ธาตุออกมาจากจิตหมดฯ"
"นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้วจิตไม่เกิดยินดียินร้าย ดับไป เช่นนี้ชื่อว่านิโรธฯ"
"ฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญจิตต่อๆไปฯ"
"ให้เอากายวาจาใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เป็นปกติฯ"
"มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นนั้นเป็นปริยายฯ"
"ให้รู้ธรรม และอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเองฯ"
"พระอานนท์ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม ว่าเป็นของภายนอกต่อหันเข้ามาปฏิบัติภายในจึงสำเร็จฯ"
"หนังคนในโลกยินดีในหนังและเครื่องอุปโภคบริโภค หนังอันนี้ทำให้มนุษย์หลงยินดีพากันตกทุกข์กันมากฯ"
"ธรรมธาตุ สัตว์หลงธาตุ ชมธาติ ยินดีธาตุ ยินร้ายธาตุจึงได้กรรมไปต่างๆฯ"
"เรียนแบบตำราเป็นของที่ไม่แน่นอนสู้เรียนทางกายและจิตให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ ฉะนั้น ผู้เรียนกายวาจาจิตไม่ใคร่สึกปฏิบัติแต่ธรรมที่รู้ยิ่งเห็นจริงฯ"
"ปัจจุบันให้รู้ทางจิตฯ"
"ปฏิภาคเป็นเรื่องของปัญญาฯ"
"ให้เรียนทางจิตทวนกระแสตัดรากเหง้าเครื่องผูกดุจรื้อเครื่องฟัก"
"ปฏิภาคนิมิต เป็นปาฏิหาริย์ของจิตมีอำนาจทำให้เป็นอากาศว่างเปล่าได้ อันเป็นอัศจรรย์ใหญ่หลวงฯ"
"ผู้มีราคะย่อมเศร้าโศกเสียใจเพราะราคะฯ"
"เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่าไม่หันไปหาทางที่จะพ้นทุกข์ฯ"
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=25410