เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : หนีความตายจาก “มะเร็งระยะสุดท้าย”



*8q*
01-30-2009, 01:15 PM
หนีความตายจาก “มะเร็งระยะสุดท้าย”http://www.manager.co.th/images/blank.gifโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 มกราคม 2552 08:43 น.http://www.manager.co.th/images/blank.gif

หลายคนพอรู้ตัวว่าเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย” อยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ตาย เพราะรับรู้ได้ถึงเงาของมัจจุราชที่ยืนอยู่ใกล้ร่างเต็มที จากร่างที่เคยมีแรง กลับทรุดตัวลง เหมือนคนไร้วิญญาณไปชั่วขณะ ผวา หวาดกลัว สมอง ณ ห้วงเวลานั้น สร้างภาพความคิดสลับขึ้นมามากมาย “เราจะตายหรือเปล่า” “ไม่ตายสิ มันไม่จริง” “หมอตรวจผิดหรือเปล่า” “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช้างด้วย” “ถ้าเป็นมะเร็งจริง จะมีทางรักษามั้ยเนี่ย” “โอ๊ย...เครียด” ??

ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นลงซ้ำซาก เวียนวนนึกคิดอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนจิตไม่ปกติ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ส่งผลให้สภาพจิต และสภาพกายแย่ลงทุกวัน แย่จนไม่อยากทนความเจ็บปวด และทนทรมานกับโรคร้ายที่เป็นอยู่ได้อีกต่อไป

http://pics.manager.co.th/Images/552000001096801.JPEG นพ.สำราญ อาบสุวรรณhttp://www.manager.co.th/images/blank.gifhttp://www.manager.co.th/images/blank.gif “มะเร็ง” โรคร้ายรักษาได้ ด้วยอาหารบำบัด
นพ.สำราญ อาบสุวรรณ อายุ 58 ปี หนึ่งในผู้ป่วยที่เคยตรวจพบมะเร็ง เมื่อปี พ.ศ.2546 โดยตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเชื้อดังกล่าวได้ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง และกระจายไปส่วนต่างๆ ของร่างกายเกือบทุกส่วนแล้ว จนหมอต้องบอกว่า สามารถยื้อชีวิตได้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น

“ขณะนั้นผมอายุ 54 ปี หลังได้ยินประโยคคำพูดของหมอ บอกตามตรงว่าหัวใจเต้นถี่ และแรงมาก จากร่างกายที่เคยเป็นคนแข็งแรง กลับต้องมาทรุดตัวลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงหวนคิดกับตัวเองว่า เราเป็นมะเร็งได้อย่างไร เพราะตรวจสุขภาพ กินอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด” นพ.สำราญ เผยถึงความรู้สึก

ก่อนจะไปพบหมอ นพ.สำราญ เล่าอาการว่า จะเจ็บชายโครงด้ายขวา หอบเหนื่อยผิดปกติ หลังจากวินิจฉัยแล้ว พบก้อนที่ปอดข้างขวา มีน้ำท่วมปอด 200 ซีซี เชื้อมะเร็งลุกลามไปยังเยื้อหุ้มปอด ต่อมขั้วปอด กระดูกซี่โครงที่ 7 กระดูกไขสันหลังที่ 5 กระดูกสะบัก 2 ข้าง ต่อมหมวกไตข้างขวา และไหปลาร้า 2 ข้าง ถูกมะเร็งกินหมด หมอบอกว่า อยู่ได้อย่างมาก 4 เดือน ตอนนั้นคิดมาก หัวใจหดหู่จนไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งข้าวก็ไม่อยากกิน

หลายปีผ่านไป นพ.สำราญ ได้ย้อนนึกถึงน้องสาวที่เคยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหมือนกัน แต่กลับรักษาหายได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงขอคำแนะนำ และพบว่า เธอใช้การแพทย์แบบผสมผสาน หรือแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นการรักษาพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างไปจากแพทย์แผนปัจจุบัน เน้นการรักษาตามธรรมชาติแทนการใช้ยาเคมี เช่น เลือกสรรอาหาร พืชผัก สมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพ การพักผ่อน การฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจเหล่านี้ ล้วนเป็นวิถีเพื่อสุขภาพที่ประหยัดตามแนวรักษาแบบธรรมชาติ เพื่อสร้างเสริมภูมิชีวิต และภูมิต้านทานต่อโรคที่แข็งแรง

“ผมใช้แพทย์ทางเลือกแนวธรรมชาติบำบัดควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน 2 เดือน ก้อนมะเร็งยุบไป 20% ให้ยาเคมี 6 ชุด จนกระทั่ง 9-10 เดือน หลังให้เคมีบำบัดก้อนยุบไปหมด จากนั้นจึงใช้แพทย์ทางเลือก โดยใช้หลักของ เกอร์สัน เทอราปี (อาหารบำบัดรักษามะเร็ง) ในการดูแลตัวเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะบอกคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง อย่าคิดในกรอบ ให้คิดนอกกรอบ เพราะมะเร็งคือโรคที่หายโดยเรา 50% หมอ 50% ด้วยการปรับวิถีการกิน เลือกอาหารสุขภาพ เช่น ผัก และผลไม้ มีการล้างพิษ หรือทำดีท็อกซ์บ้าง เป็นต้น” นพ.สำราญ แนะนำพร้อมเผยวิธีการดูแลตัวเอง

นอกจากนี้ นพ.สำราญ ยังให้ความรู้เสริมว่า ปกติร่างกายของมนุษย์ทุกคน จะมีเซลล์ที่กลายพันธุ์ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งกระจัดกระจายอยู่ตามเนื้อเยื่อตามอวัยวะของร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่า ทุกหนึ่งวินาที จะมีเซลล์มะเร็งแตกตัวออกมาประมาณ 1,000-10,000 เซลล์ แต่ทั้งนี้ ปัจจัยเร่งให้เกิดเซลล์มะเร็ง ส่วนหนึ่งมาจากยีนมะเร็งที่ได้รับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ของพ่อแม่คิดร้อยละ 5 ส่วนพฤติกรรม และวิถีชีวิตจากสิ่งแวดล้อม ก็เป็นเหตุปัจจัยหลักถึง 90-95% ของการเกิดเซลล์มะเร็ง เช่น การกินอาหาร วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ น้ำ อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ สารพิษ สารเคมี ยาสังเคราะห์ สารอนุมูลอิสระ ระบบภูมิคุ้มกัน ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ เคร่งเครียด หรือแม้กระทั่งขาดการสะสมบุญ ล้วนมีอิทธิพลต่อการเกิด “โรคมะเร็ง” ได้ทั้งสิ้น

หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งร้าย นานาชนิด
<!-- / message -->
http://board.agalico.com/showthread.php?t=26440
vbrep_register("136099")<!-- controls -->