*8q*
02-13-2009, 03:24 PM
http://picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/11782.jpg?n
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือ ระดับอธิบดี ปลัดประทรวง คำพูดที่เราได้ยินจากสื่อก็คือ...ย้ายล้างบาง เด้ง ดัน ดึง สวม...คำเหล่านี้ได้ยินจนชิน แล้วก็เลยลืมนึกถึงอะไรๆ อีกหลายอย่างที่เป็นผลดีผลร้าย โดย เฉพาะอย่างยิ่งคำว่า... ล้าง...
ล้าง เป็นคำกริยาที่ทำให้สิ่งสกปรกหมดไปและเพื่อทำความสะอาด ตกแต่งสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นใหม่ แต่คำนี้ก็มีการใช้ที่มีความหมายไม่ตรงกับหน้าที่ ล้าง ทุกครั้งไป เช่น
ล้างตา คือ เมื่อมีผงเข้าตาหรือตาฝ้าฟาง ก็ต้องเอาน้ำหรือยามาล้างให้ผงหลุด เพื่อจะได้ไม่ระคายเคืองตา
แต่ก็มาใช้กับวงการกีฬา เช่น นักมวยคนนี้มีนัดล้างตากับคู่ชกเดิมซึ่งเคยชนะไปแล้วนั่นแสดงว่าทุกครั้งที่ผู้แพ้เห็นตัวเห็นรูปของผู้ที่เคยชนะตนแล้วเกิดอาการเหมือนผงเข้าตา ต้องกลับไปชนะให้ได้ จึงมีการชก นัดล้างตา
ล้างใจ คือ มีความขัดข้องใจ คับแค้นใจ จะต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเลยต้องมีการนัดแนะกันเพื่อล้างตะกอนที่นอนใจ เช่น เพื่อนกันจับหญิงคนเดียวกัน เกิดความระแวง สงสัยว่าหญิงคนนี้จะชอบใครกันแน่ เพื่อนกันก็นัดกันเอง และนัดหญิงคนนั้นเพื่อสอบถามความจริง เรียกว่าล้างใจกัน
ล้างครัว คือ เมื่อเห็นครัวเรือนสกปรกก็จัดแจงกวาดล้างขัด กำจัดสิ่งปฏิกูลในครัวสิ่งใดที่ควรเก็บก็เก็บ สิ่งใดที่ควรทิ้งก็ทิ้ง แต่ก็นำมาใช้กับการที่เมื่อคนมีความแค้นต่อกันแล้ว ฆ่าคนในเรือนนั้นทั้งหมด อย่างนี้เรียกว่า ฆ่าล้างครัว
ล้างคลอง คือ เมื่อแม่น้ำลำคลองเกิดสวะ ผักตบชวาเต็มลำคลองก็นัดคนที่อยู่ริมคลองช่วยกันทำความสะอาดด้วยเก็บและรักษาให้แม่น้ำลำคลองสะอาด มีน้ำสะอาด สภาพสะอาด แต่ก็มีบางคนอยากได้ปลาในคลองแทนที่จะตกปลา ทอดแห ลากอวน ก็เลยใช้สารพิษ ยาพิษ ผสมเหยื่อเทลงในคลอง เมื่อปลากินเหยื่อหรือสารพิษ แพร่ลงในน้ำ ปลาทั้งคลองก็ตาย เรียกว่า ตายล้างคลอง
ล้างแค้น คือ เมื่อมีฝ่ายหนึ่งทำร้าย ทำลาย จนถึงกีดกันทางการอาชีพ หรือ ฆ่ากันเหยียดหยามกัน อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถให้อภัยได้ต้องทำตอบแทนด้วยวิธีการเดียวกันหรือรุนแรงจนถึงฆ่า ฝ่ายหลังเรียกว่า ผู้ล้างแค้น ฝ่ายที่กระทำก่อนเรียกว่า ถูกล้างแค้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็คือเติมแค้น
ล้างไคล คือ การขัดสิ่งปฏิกูลออกจากร่างกายคนซึ่งเรียกว่า ขี้ไคล หรือการขจัดสิ่งปฏิกูลเช่น เห็นเชื้อราออกจากวัตถุ หรือสิ่งก่อสร้าง เช่น โบสถ์ เสมา สถูป เรียกว่า ล้างไคล ก็ทำให้ดูเอี่ยมอ่องผ่องตา
ล้างบาปคือ การที่คนทำบาปมากๆ ต่อคน สัตว์ หรือองค์กร ครั้นสำนึกได้แล้วก็ทำความดีเพิ่มขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เรียกว่า ทำดีล้างบาป
ล้างกรรม คือ ได้เคยสร้างกรรมแล้วมีความคิดชดใช้กรรมนั้น ยอมรับกรรมด้วยการติดคุก หรือ ถูกประหารชีวิต ในที่ยอมรับนั้นเกิดความคิดที่ว่า...ล้างกรรมกันเสียที...
บางกรณีก็อาจจะเป็นเรื่องของคนที่เคยติดคุกติดตะราง ครั้นพ้นโทษออกมาแล้ว ก็คิดกลับตัวคิดหามงคลใส่ตัว จึงเข้าบวชเป็นพระเป็นเณร เรียกว่า บวชล้างกรรม
ล้างทุจริต คือ การที่คนกระทำทุจริตกันมาก แล้วก็เกิดมีคนสุจริตเห็นว่าจะเป็นความหายนะแก่บุคคลและองค์กร ก็ตั้งกระบวนการจับทุจริต นำคนทำผิดมาลงโทษ เมื่อกระทำได้สำเร็จแล้วชื่อว่า ล้างทุจริต
ล้างกรม ล้างบาง ล้างกระทรวง คือ การที่ในองค์กรนั้นๆ เปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาเพื่อต้องการกำจัดคนเก่าออกไป ต้องการนำคนใหม่ของตนเข้ามา จึงต้องมีการโยกและย้ายอย่างขนานใหญ่ อย่างนี้เรียกว่า ล้างกรม ล้างบาง ล้างกระทรวง
ล้างผลาญ คือ การใช้ทรัพย์สินของตน ของคนอื่น และของชาติ อย่างสิ้นเปลืองโดยไม่มีผลประโยชน์กลับมาทดแทนทรัพย์สินที่ใช้ไปแล้วนั้น อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่า ล้างผลาญ เช่น รัฐบาลคณะนั้นผลาญงบประมาณของชาติ เป็นต้น
ล้างชาติ คือ คนที่ไม่รักชาติเป็นเส้นสายให้คนต่างชาติ เข้าทำลายยึดดินแดนถิ่นปิตุชาติมาตุภูมิของตนเอง เมื่อชาติถูกยึดครองโดยคนชาติอื่น ทรัพย์สินของชาติถูกกอบโกยจนหมดสิ้นอย่างนี้เรียกว่า ล้างชาติ
<!-- / message --><!-- sig -->
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือ ระดับอธิบดี ปลัดประทรวง คำพูดที่เราได้ยินจากสื่อก็คือ...ย้ายล้างบาง เด้ง ดัน ดึง สวม...คำเหล่านี้ได้ยินจนชิน แล้วก็เลยลืมนึกถึงอะไรๆ อีกหลายอย่างที่เป็นผลดีผลร้าย โดย เฉพาะอย่างยิ่งคำว่า... ล้าง...
ล้าง เป็นคำกริยาที่ทำให้สิ่งสกปรกหมดไปและเพื่อทำความสะอาด ตกแต่งสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นใหม่ แต่คำนี้ก็มีการใช้ที่มีความหมายไม่ตรงกับหน้าที่ ล้าง ทุกครั้งไป เช่น
ล้างตา คือ เมื่อมีผงเข้าตาหรือตาฝ้าฟาง ก็ต้องเอาน้ำหรือยามาล้างให้ผงหลุด เพื่อจะได้ไม่ระคายเคืองตา
แต่ก็มาใช้กับวงการกีฬา เช่น นักมวยคนนี้มีนัดล้างตากับคู่ชกเดิมซึ่งเคยชนะไปแล้วนั่นแสดงว่าทุกครั้งที่ผู้แพ้เห็นตัวเห็นรูปของผู้ที่เคยชนะตนแล้วเกิดอาการเหมือนผงเข้าตา ต้องกลับไปชนะให้ได้ จึงมีการชก นัดล้างตา
ล้างใจ คือ มีความขัดข้องใจ คับแค้นใจ จะต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเลยต้องมีการนัดแนะกันเพื่อล้างตะกอนที่นอนใจ เช่น เพื่อนกันจับหญิงคนเดียวกัน เกิดความระแวง สงสัยว่าหญิงคนนี้จะชอบใครกันแน่ เพื่อนกันก็นัดกันเอง และนัดหญิงคนนั้นเพื่อสอบถามความจริง เรียกว่าล้างใจกัน
ล้างครัว คือ เมื่อเห็นครัวเรือนสกปรกก็จัดแจงกวาดล้างขัด กำจัดสิ่งปฏิกูลในครัวสิ่งใดที่ควรเก็บก็เก็บ สิ่งใดที่ควรทิ้งก็ทิ้ง แต่ก็นำมาใช้กับการที่เมื่อคนมีความแค้นต่อกันแล้ว ฆ่าคนในเรือนนั้นทั้งหมด อย่างนี้เรียกว่า ฆ่าล้างครัว
ล้างคลอง คือ เมื่อแม่น้ำลำคลองเกิดสวะ ผักตบชวาเต็มลำคลองก็นัดคนที่อยู่ริมคลองช่วยกันทำความสะอาดด้วยเก็บและรักษาให้แม่น้ำลำคลองสะอาด มีน้ำสะอาด สภาพสะอาด แต่ก็มีบางคนอยากได้ปลาในคลองแทนที่จะตกปลา ทอดแห ลากอวน ก็เลยใช้สารพิษ ยาพิษ ผสมเหยื่อเทลงในคลอง เมื่อปลากินเหยื่อหรือสารพิษ แพร่ลงในน้ำ ปลาทั้งคลองก็ตาย เรียกว่า ตายล้างคลอง
ล้างแค้น คือ เมื่อมีฝ่ายหนึ่งทำร้าย ทำลาย จนถึงกีดกันทางการอาชีพ หรือ ฆ่ากันเหยียดหยามกัน อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถให้อภัยได้ต้องทำตอบแทนด้วยวิธีการเดียวกันหรือรุนแรงจนถึงฆ่า ฝ่ายหลังเรียกว่า ผู้ล้างแค้น ฝ่ายที่กระทำก่อนเรียกว่า ถูกล้างแค้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็คือเติมแค้น
ล้างไคล คือ การขัดสิ่งปฏิกูลออกจากร่างกายคนซึ่งเรียกว่า ขี้ไคล หรือการขจัดสิ่งปฏิกูลเช่น เห็นเชื้อราออกจากวัตถุ หรือสิ่งก่อสร้าง เช่น โบสถ์ เสมา สถูป เรียกว่า ล้างไคล ก็ทำให้ดูเอี่ยมอ่องผ่องตา
ล้างบาปคือ การที่คนทำบาปมากๆ ต่อคน สัตว์ หรือองค์กร ครั้นสำนึกได้แล้วก็ทำความดีเพิ่มขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เรียกว่า ทำดีล้างบาป
ล้างกรรม คือ ได้เคยสร้างกรรมแล้วมีความคิดชดใช้กรรมนั้น ยอมรับกรรมด้วยการติดคุก หรือ ถูกประหารชีวิต ในที่ยอมรับนั้นเกิดความคิดที่ว่า...ล้างกรรมกันเสียที...
บางกรณีก็อาจจะเป็นเรื่องของคนที่เคยติดคุกติดตะราง ครั้นพ้นโทษออกมาแล้ว ก็คิดกลับตัวคิดหามงคลใส่ตัว จึงเข้าบวชเป็นพระเป็นเณร เรียกว่า บวชล้างกรรม
ล้างทุจริต คือ การที่คนกระทำทุจริตกันมาก แล้วก็เกิดมีคนสุจริตเห็นว่าจะเป็นความหายนะแก่บุคคลและองค์กร ก็ตั้งกระบวนการจับทุจริต นำคนทำผิดมาลงโทษ เมื่อกระทำได้สำเร็จแล้วชื่อว่า ล้างทุจริต
ล้างกรม ล้างบาง ล้างกระทรวง คือ การที่ในองค์กรนั้นๆ เปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาเพื่อต้องการกำจัดคนเก่าออกไป ต้องการนำคนใหม่ของตนเข้ามา จึงต้องมีการโยกและย้ายอย่างขนานใหญ่ อย่างนี้เรียกว่า ล้างกรม ล้างบาง ล้างกระทรวง
ล้างผลาญ คือ การใช้ทรัพย์สินของตน ของคนอื่น และของชาติ อย่างสิ้นเปลืองโดยไม่มีผลประโยชน์กลับมาทดแทนทรัพย์สินที่ใช้ไปแล้วนั้น อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่า ล้างผลาญ เช่น รัฐบาลคณะนั้นผลาญงบประมาณของชาติ เป็นต้น
ล้างชาติ คือ คนที่ไม่รักชาติเป็นเส้นสายให้คนต่างชาติ เข้าทำลายยึดดินแดนถิ่นปิตุชาติมาตุภูมิของตนเอง เมื่อชาติถูกยึดครองโดยคนชาติอื่น ทรัพย์สินของชาติถูกกอบโกยจนหมดสิ้นอย่างนี้เรียกว่า ล้างชาติ
<!-- / message --><!-- sig -->