PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สอนคนขี้บ่น หลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก ...



DAO
02-16-2009, 11:40 AM
http://www.dhammajak.net/images/pic_book/d_life02.jpg





พระธรรมเทศนา ณ วัดป่าสุนันทวนาราม
วันที่ 18 กันยายน 2535

…………………………………………………………………………………………

อย่าประมาท

ที่เราปฏิบัติทุกวันนี้ เราต้องตั้งใจปฏิบัติ อย่าประมาท
ความประมาทช่วยไม่ได้
ผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าอยู่ด้วยความประมาท ก็เท่ากับไม่ได้ปฏิบัตินั่นแหละ
ความรู้สึกของเรา ใจของเราก็บอกว่า เราพยายามปฏิบัติ
แต่สิ่งต่างๆ ที่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคก็มีมาก
ใจหนึ่งก็อยากปฏิบัติ แต่อุปสรรคก็มี


อย่ามองข้ามตัวเอง….. อย่าขี้โกง

ผู้ปฏิบัติธรรมต้องซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเอง
ถ้าเรามีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
มีศรัทธาในการปฏิบัติธรรม เราต้องซื่อสัตย์สุจริต
อย่าไปถือทิฏฐิมานะ ถือตัวถือตน
สิ่งใดที่ไม่ถูกใจ เราก็ว่าเขาไม่ดี เรามองข้ามตัวเอง
มองแต่คนอื่น อันนี้.…. เรียกว่าเราไม่ซื่อสัตย์สุจริต
เรายังขี้โกง ทุจริต
จิตใจไม่บริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์พอที่จะปฏิบัติธรรมได้

ใจหนึ่งก็อยากรวย รวยด้วยธรรมะ อยากสงบ อยากบริสุทธิ์ อันนี้ก็มีอยู่
คือความอยาก ความปรารถนาที่จะทำความดีของเราก็มีอยู่
แต่อีกใจหนึ่งก็ขี้โกง ทุจริต ชอบคอรัปชั่น


“ละความชั่ว บำเพ็ญความดี ชำระจิตใจให้สะอาด”

ในการปฏิบัติ เราก็ไม่ค่อยปฏิบัติตัวเอง
ท่านให้ “ละความชั่ว บำเพ็ญความดี ชำระจิตใจให้สะอาด”
แต่พอเรามาปฏิบัติ เราก็จะเอาแต่ “ดี”
ปฏิบัติเดี๋ยวนี้ เราก็ต้องการ “ดี” เดี๋ยวนี้
สิ่งที่เราต้องการ อะไรๆ ก็แล้วแต่ เราก็ต้องการ “เอาเดี๋ยวนี้แหละ”
เราก็ข้ามเรื่องการ “ละความชั่ว” ไปเสีย

เราก็เลยเหมือนคนมักได้
พอตั้งใจปฏิบัติ ก็จะเอาแต่ของดีเดี๋ยวนี้
เราไม่ได้นึกถึง “เรื่องการละความชั่ว” หรือ “ทำความสะอาด”
เราไม่ได้นึกถึงว่า ของสกปรกที่มีเกินควร เราต้องชำระออกจากกาย
ออกจากวาจา ออกจากใจของตัวเองเสียก่อน คือการละความชั่ว

เราต้องสำรวจดูว่ามีอะไรที่ไม่น่าดู ไม่สะอาด
ทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจของเรา มีบ้างหรือเปล่า
ที่ทำไปแล้วตัวเองก็ไม่สบายใจ คนอื่นเห็นแล้วเขาก็ไม่ชอบ
เรามีปิยวาจารึเปล่า ฯลฯ

อันนี้เราไม่ค่อยจะได้พิจารณา ไม่ได้ระลึกถึง
นั่งสมาธิเดินจงกรมปุ๊บ ก็จะเอาสมาธิเดี๋ยวนี้
มาวัดปุ๊บ ตั้งใจปฏิบัติ นั่งสมาธิ เดินจงกรม หาของดี เดี๋ยวนี้
อันนี้ก็ผิดหลักพุทธศาสนา
เราต้องนึก ต้องพิจารณาให้ดี


ต้องละความชั่วก่อน

ถ้าเราต้องการพ้นทุกข์ ต้องการความสงบ ต้องการความบริสุทธิ์
ก็มีขั้นตอน คือ ต้องละความชั่วก่อน
เพราะฉะนั้นเราต้องเฝ้าสังเกตตัวเอง
การกระทำก็ดี การพูดจาก็ดี ความคิดก็ดี เราพยายามศึกษาดู ตั้งใจดู
ธรรมดาเราไม่ค่อยชอบดู เพราะเราไม่ซื่อสัตย์ เราทุจริต
เราไม่กล้า ไม่กล้ามองจุดอ่อน จุดบกพร่องของตัวเอง
การละความชั่วของตัวเองนี่เหนื่อยนะ แล้วเราก็ขี้เกียจด้วย

ปกติใจเราก็นึกแต่ “ให้เขาละความชั่ว”
คนอื่นที่ทำให้เราไม่ถูกใจ เราก็อยากให้เขาเปลี่ยน
เราไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเอง เรามองข้ามตัวเองเสมอ
อะไรไม่ถูกใจก็วิ่งไปชนแล้ว
จิตใจของเราก็มักจะเป็นอย่างนั้น

จริงหรือไม่จริงก็ดูใจตัวเอง
ตาเห็นอะไร หูได้ยินอะไร ไม่ถูกใจแล้วเป็นอย่างไร
เห็นอะไร ได้ยินอะไร ไม่ถูกใจก็เกิดกิเลสออกจากภายในจิตใจ
ออกเป็นลักษณะ โกรธ โมโห จิตใจก็วิ่งไปชน อยากให้เขาแก้

ปกติเรามักขะสร้างปัญหา ทำเรื่องเล็กๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่
อะไรนิดหน่อย เราก็เกิดอารมณ์ แล้วกิเลสก็ปรุงแต่งไป
ยิ่งพูดกับเพื่อนๆ ในเรื่องที่เราไม่พอใจ
ใครทำอะไรให้เราไม่พอใจ เราก็พูดไปเรื่อยๆ ปัญหาก็ใหญ่ขึ้นๆ
จนอยู่ด้วยกันไม่ได้ เห็นคนอื่นเป็นคนชั่วหมด

ความจริงก็ไม่มีอะไรมากมาย
เราก็มองเห็นแต่เขาเป็นคนชั่ว คนไม่ดี คนบ้า เป็นโรคประสาท
ใจเราก็นึกอยู่อย่างนั้น เพราะไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ
จิตก็ปรุงแต่ง สร้างขึ้นมา
แต่ความจริงไม่ใช่เขาเป็นคนชั่ว ไม่ใช่เขาไม่ดี ไม่ใช่เขาเป็นโรคประสาท
ใจเรานี่ต่างหาก
ความจริงมันก็เหมือนกับเรานินทาตัวเอง ว่าตัวเองว่า
เป็นโรคประสาท เป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดี เป็นบ้า
มีแต่ด่าตัวเองทั้งนั้น

คนมีโทสะ อยู่ที่ไหนก็เป็นอย่างนั้น
จัดห้องแอร์ดีๆ ปรับอากาศดีๆ อาหารการกินดี ห้องน้ำดี
ทุกสิ่งทุกอย่างสบายดี แต่คนที่มีโทสะก็ยังโกรธได้
เพราะยกเอาของเก่าๆ ขึ้นมานึก.…. คิด แล้วก็โกรธอยู่อย่างนั้น
ไม่ใช่เพราะเราเจอคนไม่ดีหรอก
ถึงแม้ว่าเราไม่เจอใคร อยู่ดี กินดี ไม่มีอะไร
แต่ก็นึกอดีตขึ้นมา เอาอดีตขึ้นมาทะเลาะกันได้
นี่เป็นธรรมชาติของกิเลส
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอวกาศ คนโกรธก็โกรธอยู่อย่างนั้น
ฉะนั้นที่เราคิดว่า เราทุกข์อย่างนี้เพราะเขาเป็นอย่างนั้น
อันนี้ไม่จริง






โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
วัดป่าสุนันทวนาราม
บ้านท่าเตียน ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี





ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.dhammajak.net/book/gavesako01/g0101.php