PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สีลานิสังสชาดกว่าด้วยอานิสงส์ศีล



*8q*
02-22-2009, 11:28 AM
ว่าด้วยอานิสงส์ศีล

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอุบาสกผู้มีศรัทธาคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ได้ยินว่า อุบาสกนั้นเป็นอริยสาวกผู้มีศรัทธาเลื่อมใส วันหนึ่งเดินไปยังพระวิหารเชตวัน ถึงฝั่งแม่น้ำอจิรวดีในตอนเย็นเมื่อคนเรือจอดเรือไว้ที่ฝั่งไปฟังธรรม ไม่พายเรือที่ท่าน้ำ จึงยึดปีติ มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ให้มั่น ก้าวลงสู่แม่น้ำ เท้าของเขาหาจมน้ำไม่ เขาเห็นคลื่นเวลาเดินไปกลางน้ำ คล้ายกับเดินเหนือพื้นดิน ครั้นปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ของเขาอ่อนลง เท้าของเขาก็เริ่มจะจม เขาจึงประคองปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ให้มั่น เดินไปบนหลังน้ำจนถึงพระเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดา นั่ง ณ ส่วนหนึ่ง พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกับเขาตรัสถามว่า ดูก่อนอุบาสก ท่านเดินทางมาถึงโดยเหน็ดเหนื่อยน้อยกระมัง เมื่อเขากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ข้าพระองค์ยึดเอาปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จึงได้ที่พึ่งเหนือหลังน้ำคล้ายกับเหยียบแผ่นดินมา จึงรับสั่งว่าอุบาสก มิใช่ท่านเท่านั้นที่ระลึกถึงพระพุทธคุณแล้วได้ที่พึ่ง แม้แต่ก่อนอุบาสกทั้งหลายก็ระลึกถึงพระพุทธคุณได้ที่พึ่ง เมื่อเรืออัปปางกลางสมุทร เมื่อเขาทูลอาราธนาจึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า

ในอดีตกาล ครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสาวกผู้เป็นโสดาบัน โดยสารเรือไปกับกุฎุมพีช่างกัลบกคนหนึ่ง ภรรยาของช่างกัลบกนั้นมอบหมายช่างกัลบกแก่เขาว่า นาย สุขทุกข์ของสามีของดิฉัน ขอมอบให้เป็นภาระของท่าน ครั้นถึงวันที่เจ็ดเรือของกุกุฏพีช่างกัลบกอัปปางลงในกลางสมุทร ชนทั้งสองเกาะแผ่นกระดานแผ่นหนึ่ง ลอยมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง ช่างกัลบกนั้นจึงฆ่านกปิ้งกินแล้วให้อุบาสก อุบาสกไม่ยอมบริโภค โดยกล่าวว่า อย่าเลยสำหรับเรา อุบาสกคิดว่า ในที่นี้นอกจากพระรัตนตรัยแล้ว ไม่มีที่พึ่งอื่นสำหรับเรา เขาจึงระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ลำดับนั้น เมื่อเขากำลังระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอยู่นั้น พญานาคซึ่งเกิดในเกาะนั้น จึงเนรมิตร่างของตนเป็นเรือลำใหญ่ มีเทวดาประจำสมุทรเป็นมาณพต้นหนเรือ เรือเต็มไปด้วยรัตนะเจ็ดประการ เสากระโดงทั้งสาม สำเร็จด้วยแก้วมณีสีอินทนิล ใบเรือสำเร็จด้วยทอง เชือกสำเร็จด้วยเงิน คันใบสำเร็จด้วยทอง เทวดาประจำสมุทรยืนอยู่บนเรือประกาศว่า ผู้จะไปชมพูทวีปมีไหม
อุบาสกตอบว่า เราจะไป
ถ้าเช่นนั้นจงมาขึ้นเรือเถิด
อุบาสกขึ้นเรือแล้วเรียกช่างกัลบกขึ้นด้วย เทวดาประจำสมุทรกล่าวว่า ได้แต่ท่านเท่านั้น คนนั้นไม่ได้
อุบาสกถามว่า เพราะเหตุไรเล่า
เทวดาประจำสมุทรตอบว่า เขาไม่มีคุณ คือศีลและอาจาระ เหตุเป็นดังนั้น ข้าพเจ้านำเรือมาเพื่อท่าน มิใช่ผู้นี้
อุบาสกกล่าวว่า เอาละเราให้ส่วนแก่คนนี้ ด้วยทานที่ตนให้ ด้วยศีลที่ตนรักษา ด้วยภาวนาที่ตนอบรม
ช่างกัลบกตอบว่า ข้าพเจ้าขออนุโมทนา
เทวดากล่าวว่า ข้าพเจ้าจักพาไปเดี๋ยวนี้ แล้วอุ้มเขาพาไปทั้งสองคน ออกจากสมุทรไปถึงกรุงพาราณสีทางแม่น้ำ บันดาลให้ทรัพย์อยู่ในเรือนของเขาทั้งสอง ด้วยอานุภาพของตน เมื่อจะกล่าวถึงคุณของการสังสรรค์กับบัณฑิตว่า ควรทำความสังสรรค์กับบัณฑิตทั้งหลาย หากว่าช่างกัลบกคนนี้ไม่ได้สังสรรค์กับอุบาสกนี้ จักพินาศในท่ามกลางสมุทรนั้นเอง จึงกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :
จงดูผลของศรัทธา ศีล จาคะ นี้เถิด
พญานาคเนรมิตเพศเป็นเรือ
พาอุบาสกผู้มีศรัทธาไป
บุคคลพึงสมาคมกับสัตบุรษเถิด
พึงทำความสนิทสนมกับสัตบุรษเถิด
ด้วยช่างกัลบกถึงความสวัสดีได้
ก็เพราะการอยู่ร่วมกับสัตบุรษทั้งหลาย
เทวดาประจำสมุทร ยืนอยู่บนอากาศ แสดงธรรมกล่าวสอนอย่างนี้แล้ว จึงพาพญานาคกลับไปวิมานของตน
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ในเวลาจบสัจธรรม อุบาสกตั้งอยู่ในสกทาคามิผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า อุบาสกโสดาบันในกาลนั้น ครั้นเจริญมรรคให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็นิพพาน พญานาคได้เป็นสารีบุตร ส่วนเทวดาประจำสมุทร คือเราตถาคตนี้แล
จบ สีลานิสังสชาดก





http://board.agalico.com/showthread.php?t=27338<!-- / message -->