เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : กามนีตชาดกผู้ถูกโรครักครอบงำรักษายาก



*8q*
02-25-2009, 02:30 PM
ผู้ถูกโรครักครอบงำรักษายาก


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพราหมณ์ชื่อ กามนีตะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
เรื่องราวทั้งปัจจุบันและอดีตจักมีแจ้งใน กามชาดก ในทวาทสนิบาต
พระราชบุตรทั้งสองพระองค์นั้น พระองค์พี่ได้กลับมาเป็นพระราชาในกรุงพาราณสี พระองค์น้องได้เป็นอุปราช ทั้งสองพระองค์นั้น องค์พี่ผู้เป็นพระราชาเป็นผู้ไม่อิ่มในวัตถุกามและกิเลสกาม มีพระทัยโลภในทรัพย์สมบัติ ในคราวนั้นพระโพธิสัตว์เป็นท้าวสักกะเทวราช ตรวจดูชมพูทวีป ทรงทราบว่าพระราชานั้นมิได้ทรงอิ่มในกามทั้งสอง ทรงดำริว่า จักไปข่มขี่พระราชานี้ให้ละอายพระทัย จึงทรงแปลงเป็นพราหมณ์มาณพเข้าเฝ้าพระราชา
เมื่อพระราชาตรัสถามว่า แน่ะมาณพ ท่านมาด้วยประสงค์อะไร
กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์พบนครสามนครน่ารื่นรมย์มีภิกษาหารสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยช้าง ม้า รถ พลนิกรและเงินทองเครื่องอลังการ แต่พระองค์สามารถยึดนครทั้ง ๓ นั้นด้วยกำลังเล็กน้อยเท่านั้น ข้าพระองค์จึงมาเพื่ออาสาไปตีเมืองทั้งสามถวายพระองค์
เมื่อตรัสถามว่า เราจะไปกันเมื่อไรเล่ามาณพ
กราบทูลว่า ไปพรุ่งนี้พระเจ้าข้า
ตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นเราไปด้วยกัน ท่านมาแต่เช้า ๆ หน่อย
ท้าวสักกะตรัสว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า พระองค์จงเตรียมพลไว้โดยเร็ว แล้วเสด็จกลับวิมานของพระองค์
รุ่งขึ้นพระราชารับสั่งให้เที่ยวตีกลองเรียกชุมนุมพล รับสั่งให้อำมาตย์ทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า เมื่อวานนี้มีพราหมณ์มาณพผู้หนึ่ง รับอาสาจะตีนครทั้งสามเอาราชสมบัติถวาย คือ นครอุตตรปัญจาละ นครอินทปัตร นครเกกกะ เราจะพามาณพนั้นไปตีเอาราชสมบัติในนครทั้งสามนั้น พวกท่านจงไปตามตัวมาณพนั้นมาโดยเร็ว
พวกอำมาตย์ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์พระองค์พระราชทานที่พักให้มาณพนั้น ณ ที่ไหน
ตรัสว่าเราไม่ได้ให้ที่พักแก่เขา
กราบทูลถามว่า เสบียงอาหารพระองค์พระราชทานหรือเปล่า
ตรัสว่า เสบียงอาหารก็ไม่ได้ประทาน
ทูลถามว่า ข้าพระองค์จะไปตามตัวได้ที่ไหน
ตรัสว่า พวกท่านจงเที่ยวตามหาดูตามถนนในนครเถิด
พวกอำมาตย์เที่ยวตรวจตราดูแล้วไม่พบ จึงกราบทูลว่า ไม่พบตัว พระเจ้าข้า
เมื่อพระราชาไม่ได้ตัวมาณพมาก็เกิดความโศกเสียพระทัยว่า เราเสื่อมจากอิสสริยสมบัติอันใหญ่หลวงอย่างนี้เสียแล้ว ดวงพระทัยก็เร่าร้อน โลหิตที่ฉีดเลี้ยงหทัยก็กำเริบ จนเกิดสำรอกโลหิตออกมา บรรดาแพทย์ทั้งหลายก็ไม่สามารถจะรักษาได้ ถัดจากนั้นมา ๓ - ๔ วัน ท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดู ทรงทราบการประชวรของพระราชา ทรงดำริว่า จักช่วยรักษา จึงแปลงเป็นพราหมณ์มาเยือนประตูพระราชวัง ให้กราบทูลว่ามีหมอพราหมณ์จะมารักษาพระองค์
พระราชาทรงสดับดังนั้นตรัสว่า หมอหลวงล้วนแต่ใหญ่โต ยังรักษาเราไม่ได้ ท่านจงจ่ายค่าป่วยการให้เขากลับไปเถิด
ท้าวสักกเทวราชได้สดับคำอำมาตย์มาบอกแล้วตรัสว่า เราไม่ต้องการที่พักและค่าป่วยการ แม้ค่าขวัญข้าวเราก็ไม่ขอรับ เราขออาสารักษาพระองค์ ขอพระราชาจงให้เราเฝ้าเถิด
พระราชาทรงสดับดังนั้น แล้วรับสั่งว่า ถ้าเช่นนั้นจงมาเถิด
ท้าวสักกเทวราชเสด็จเข้าไปแล้ว ถวายบังคมยืน ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระราชาตรัสถามว่า ท่านจะรักษาเราหรือ
ทูลว่าอย่างนั้นพระเจ้าข้า
ตรัสว่า ถ้าเช่านั้นจงรักษาเถิด
กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ขอประทานโอกาส ของพระองค์จงบอกลักษณะของโรคแก่ข้าพระองค์ว่าเกิดเพราะเหตุอะไร เกิดเพราะเสวยอะไร หรือได้ทอดพระเนตร หรือทรงสดับอะไร
พระราชาตรัสว่า แน่ะพ่อ โรคของเราเกิดเพราะได้ฟังข่าว
ทูลถามว่า พระองค์สดับข่าวอะไร
ตรัสว่าแน่ะพ่อ มีมาณพคนหนึ่งมาบอกว่า จักรับอาสาตีเอาราชสมบัติในนครทั้งสามถวายเรา เราก็ไม่ได้ให้ที่พักหรือค่ากินอยู่แก่เขา เขาคงโกรธเราจึงไปเฝ้าพระราชาองค์อื่น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็เฝ้าแต่คิดอยู่ว่าเราเสื่อมจากอิสสริยยศสมบัติอันใหญ่หลวงดังนี้ จึงได้เกิดโรคขึ้น ถ้าท่านสามารถก็จงรักษาโรคอันเกิดเพราะจิตปรารถนาของเรา เมื่อจะประกาศเนื้อความนี้ได้กล่าวคาถาแรกว่า :
เราปรารถนาระหว่างเมืองทั้งสาม คือ
เมืองปัญจาละ ๑ เมืองกุรุยะ ๑ เมืองเกกะ ๑
ดูก่อนท่านพราหมณ์ เราปรารถนาราชสมบัติ
ทั้งสามเมืองนั้นมากกว่าราชสมบัติที่เราได้แล้วนี้
ดูก่อนพราหมณ์ ขอท่านรักษาเราผู้ถูกความใคร่ครอบงำด้วยเถิด
ลำดับนั้นท้าวสักกเทวราชจึงตรัสกะพระราชาว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์จะรักษาด้วยโอสถรากไม้เป็นต้นไม่หาย ต้องรักษาด้วยโอสถ คือญาณอย่างเดียว ได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
อันที่จริงเมื่อบุคคลถูกงูเห่ากัด หมอบางคนรักษาได้
อนึ่ง บุคคลถูกผีสิง หมอผู้ฉลาดก็ไล่ออกได้
แต่บุคคลผู้ถูกความใคร่ครอบงำแล้ว ใคร ๆ ก็รักษาไม่หาย
เพราะว่าเมื่อบุคคลล่วงเลยธรรมขาวเสียแล้ว จะรักษาได้อย่างไร
พระมหาสัตว์แสดงเหตุนี้แด่พระราชาฉะนี้แล้ว ได้ตรัสให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างนี้ว่า ข้าแต่มหาราช ถ้าพระองค์จักได้ราชสมบัติทั้งสามแคว้นนั้น เมื่อพระองค์เสวยราชทั้ง ๔ นครจะฉลองพระองค์ด้วยผ้าสาฎกทั้ง ๔ คู่ คราวเดียวกันได้อย่างไรเล่าหนอ จะเสวยทั้ง ๔ ถาดทอง จะบรรทมทั้ง ๔ พระแท่นสิริไสยาสน์คราวเดียวกันได้อย่างไร ข้าแต่มหาราช พระองค์ไม่พึงเป็นไปในอำนาจตัณหา ชื่อว่าตัณหานี้เป็นมูลรากของความวิบัติ เมื่อเจริญขึ้นผู้ใดทำให้งอกงาม ย่อมซัดบุคคลนั้นลงนรกทั้ง ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๖ ขุม และอบายภูมิที่เหลือมีประเภทนานาประการ
พระมหาสัตว์แสดงธรรมขู่พระราชาด้วยภัยในนรกเป็นต้นอย่างนี้ ฝ่ายพระราชาฟังธรรมของพระมหาสัตว์แล้วก็สร่างโศก หายพระโรคทันได้นั้นเอง แม้ท้าวสักกะประทานโอวาทแด่พระราชาให้ดำรงอยู่ในศีลแล้วเสด็จกลับเทวโลก ฝ่ายพระราชาตั้งแต่นั้นทรงบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น เสด็จไปตามยถากรรม
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดง แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นพราหมณ์ชื่อ กามนีตะ ในครั้งนี้ ส่วนท้าวสักกเทวราช คือ เราตถาคตนี้แล
จบ กามนีตชาดก





http://board.agalico.com/showthread.php?t=27415<!-- / message -->