PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : นานาฉันทชาดกว่าด้วยต่างคนต่างใจ



*8q*
02-28-2009, 06:01 PM
ว่าด้วยต่างคนต่างใจ


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ การได้พร ๘ ประการของท่านพระอานันทเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้ เรื่องนี้จักมีแจ้งในชุณหชาดก เอกาทสนิบาต
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น พอเจริญวัย เล่าเรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกสิลา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็ได้ครองราชสมบัติ พระโพธิสัตว์นั้น มีปุโรหิตของพระราชบิดาที่ถูกถอดจากตำแหน่ง ปุโรหิตนั้นเป็นคนเข็ญใจ อาศัยอยู่ในเรือนคนชราแห่งหนึ่ง
ครั้นวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ปลอมเพศโดยใครๆ ไม่รู้จัก เสด็จเที่ยวตรวจตราพระนครในตอนกลางคืน พวกโจรที่กระทำโจรกรรมแล้ว พากันดื่มสุราในโรงสุราแห่งหนึ่ง เอาหม้อใส่สุราไว้ต่างหากหม้อหนึ่ง ถือไปบ้าน ของตนๆ ในระหว่างทาง ได้เห็นพระโพธิสัตว์นั้นเข้าจึงกล่าวว่า เฮ้ย เจ้าเป็นใคร ? แล้วตีชิงเอาผ้าห่ม ให้ยกหม้อสุรานั้นขู่ให้เดินไป
ฝ่ายพราหมณ์นั้น ขณะนั้นออกไปยืนอยู่ในระหว่างถนน ตรวจดูดาวนักษัตรรู้ว่าพระราชาตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกศัตรู จึงเรียกนางพราหมณี นางพราหมณีนั้นกล่าวว่า อะไรกันคะ ท่าน แล้วรีบมายังสำนักของพราหมณ์นั้น
ลำดับนั้น พราหมณ์กล่าวกะนางพราหมณีว่า นางผู้เจริญ พระราชาของเราตกอยู่ในอำนาจของศัตรู
พราหมณี กล่าวว่า ก็ธุระอะไรของท่านเล่า พวกพราหมณ์ผู้มียศในราชสำนัก จักรู้เอง
พระราชาทรงได้ยินเสียงของพราหมณ์นั้น เมื่อได้เสด็จไปหน่อยจึงตรัสกะพวกนักเลงว่า นาย ข้าพเจ้าเป็นคนยากจน ท่านเอาผ้าห่มไปแล้ว จงปล่อยข้าพเจ้าเถิด พระราชาทรงตรัสวิงวอนอยู่บ่อย ๆ พวกนักเลง เหล่านั้นจึงปล่อยไปด้วยความกรุณา พระราชาทรงจำที่ตั้งของเรือนที่อยู่ของนักเลงเหล่านั้นแล้วเสด็จกลับ
ลำดับนั้น แม้ปุโรหิตคนเก่าก็กล่าวว่า นางผู้เจริญ พระราชาของเราพ้นจากเงื้อมมือของศัตรูแล้ว พระราชาได้ทรงได้ยินคำที่ปุโรหิตนั้นกล่าว แล้วทรงจำที่ตั้งเรือนของปุโรหิตนั้นไว้ แล้วเสด็จกลับวัง
ครั้นสว่างแล้ว พระราชารับสั่งให้เรียกพราหมณ์ทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ท่านอาจารย์ ในตอนกลางคืน ท่านทั้งหลายได้ตรวจดาวนักษัตรบ้างหรือเปล่า ?
พราหมณ์ทั้งหลาย กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ได้ตรวจดูแล้ว พระเจ้าข้า
พระราชาตรัสถามว่า นักขัตฤกษ์งามไหม ?
พราหมณ์ งามพระเจ้าข้า
พระราชาตรัสถามว่า ไม่มีเคราะห์อะไร ๆ หรือ ?
พราหมณ์ ไม่มี พระเจ้าข้า
พระราชารับสั่งให้เรียกปุโรหิตคนเก่ามา โดยรับสั่งว่า ท่าน จงไปเรียกพราหมณ์จากบ้านโน้นมา
แล้วตรัสถามว่า อาจารย์ตอนกลางคืน ท่านเห็นดาวนักษัตรบ้างไหม ?
ปุโรหิตกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ เห็นพระเจ้าข้า
พระราชาตรัสถามว่า เคราะห์อะไร ๆ มีไหม ?
พราหมณ์ กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระเจ้าข้า วันนี้ เวลากลางคืน พระองค์ตกอยู่ในอำนาจของศัตรู แต่เพียงครู่เดียว ก็หลุดพ้นได้
พระราชาตรัสว่า ธรรมดาผู้รู้ดวงดาวนักขัตฤกษ์ ต้องเป็นคนเห็นปานนี้ ครั้นตรัสแล้วให้ถอดพวกพราหมณ์ที่เหลือนอกนั้นเสียแล้วตรัสว่า พราหมณ์ เราเลื่อมใสท่าน ท่านจงรับเอาพร
พราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระพุทธเจ้าปรึกษากับบุตร และภรรยา แล้วจักรับเอา พระเจ้าข้า
พระราชาตรัสว่า ไปเถอะท่าน ปรึกษากันแล้วจึงค่อยมา
พราหมณ์นั้นไปแล้วเรียกพราหมณี บุตร ชาย บุตรสะใภ้ และหญิงทาสี มาแล้วถามว่า พระราชาพระราชทาน พรแก่เรา เราจะรับเอาอะไร ?
พราหมณีกล่าวว่า ท่านจงนำโคนมมาให้ดิฉัน ๑๐๐ ตัว
บุตรชาย ชื่อว่าฉัตตมาณพกล่าวว่า ท่านจงนำรถเทียมม้าอันเทียมด้วยม้าสินธพ ๔ ตัว มีสีเหมือนดอกโกมุทมาให้ฉัน
บุตรสะใภ้กล่าวว่า ท่านจงนำเอาเครื่องประดับมีต่างหูแก้วมณีเป็นต้น มาให้ดิฉัน
ทาสีชื่อว่าปุณณากล่าวว่า ท่านจงเอาครกและสากมาให้ดิฉัน
ส่วนพราหมณ์ต้องการรับเอาบ้านส่วย จึงไปยังราชสำนัก อันพระราชาตรัสถามว่า ท่านถามบุตรและภรรยาดูแล้วหรือ จึงกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่มหาราช ข้าพระพุทธเจ้าถามแล้ว แต่มีความพอใจไม่เป็นอย่างเดียวกัน แล้วกล่าว ๒ คาถาแรกว่า :
[๔๖๖] ข้าแต่มหาราช ข้าพระบาททั้งหลายอยู่ร่วมในเรือนหลังเดียวกัน แต่มีฉันทะต่างกัน ข้าพระบาทอยากได้บ้านส่วย นางพราหมณีอยากได้โคนมสักร้อยหนึ่ง
[๔๖๗] ลูกชายอยากได้รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ลูกสะใภ้อยากได้กุณฑลแก้ว ฝ่ายนางปุณณทาสีผู้ชั่วช้า ก็จำนงจะใคร่ได้ครก สาก และกระด้ง
พระราชาทรงสั่งว่า พวกท่านจงให้สิ่งที่ต้องการแล้วๆ แก่ ทุกๆ คน ได้ตรัสเป็นคาถาว่า :
[๔๖๘] ท่านทั้งหลาย จงให้บ้านส่วยแก่พราหมณ์ จงให้โคนมร้อยหนึ่งแก่นางพราหมณี จงให้รถเทียมด้วยม้าอาชาไนยแก่ลูกชาย จงให้กุณฑลแก้วแก่ลูกสะใภ้ และจงให้ครกตำข้าว สาก และกระด้งแก่นางปุณณทาสีผู้ชั่วช้า
พระราชาได้พระราชทานสิ่งที่พราหมณ์ปรารถนา และยศ ใหญ่โตอย่างอื่น ด้วยประการดังนี้ แล้วตรัสว่า นับแต่นี้ไป ท่าน จงขวนขวายในกิจที่จะพึงกระทำแก่เรา แล้วทรงตั้งพราหมณ์ไว้ใน สำนักของพระองค์
พระศาสดาครั้งทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ในครั้งนั้น ได้เป็นพระอานนท์ในบัดนี้ ส่วนพระราชา คือเราตถาคต ฉะนี้แล
จบ นานาฉันทชาดก



http://board.agalico.com/showthread.php?t=27517

<!-- / message -->