*8q*
03-05-2009, 06:06 PM
ถูกลอบยิงข้างหลังเสียชีวิต เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ ผู้ระลึกชาติเก่าได้ ครูบัวไข หล่อนาค ถูกลอบยิงข้างหลังเสียชีวิต กลับมาเกิดใหม่ ระลึกชาติได้ เขาคือ เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับที่ ๗๔๒๓ วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษพาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้ลงข่าวว่า ได้พบเด็กระลึกชาติรายใหม่ อายุเพียง ๓ ขวบ หนียายออกจากบ้านไปหาครอบครัวเมื่อชาติก่อน เผยความหลังชาติก่อน เป็นครูถูกคนร้ายยิงตาย มีลูก ๔ คน เมียเก่าและลูกได้ยินเรื่องราวถึงกับตะลึง เพราะรู้เรื่องชาติก่อนได้ถูกต้อง เพื่อนเก่าเป็นตำรวจก็อัศจรรย์ใจ เมื่อเด็ก ๓ ขวบทักทายว่าจำได้ไหม แล้วเล่าความหลังให้ฟัง
เด็กระลึกชาติรายใหม่ที่จำความชาติปางก่อนได้ถูกต้องคือ เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ เดี๋ยวนี้อายุ ๑๐ ขวบ ( พ. ศ. ๒๕๒๑ ) บุตรนายเบิ้ม หรือคำรณ นางสมคิด จังหวัดพิจิตร นายเบิ้มผู้เป็นพ่อมีอาชีีพเป็นช่างตัดผม แม่ตัดเย็บเสื้อผ้า ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพ แต่เด็กชายชนัย อาศัยอยู่กับยาย ชื่อนางพรม เบ็ญทอง อายุ ๖๗ ปี ที่จังหวัดพิจิตร
นางพรม เบ็ญทอง ผู้เป็นยาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า มารู้ว่า เด็กชายระลึกชาติได้ ก็เพราะ เด็กชายชนัย ได้เล่าเรื่องแต่ชาติปางก่อนให้ยายฟังว่า เมื่อชาติก่อนตัวเองเป็นครูชื่อ บัวไข หล่อนาค สอนประจำอยู่ที่โรงเรียนท่าบ่อตำบลบางหว้า อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร จากนั้นเด็กชายชนัย ยังได้เล่าว่า แต่เดิมตนมีพ่อชื่อนายเขียน แม่ชื่อ นางยวง แล้วยังมีภรรยาชื่อนางสวน มีลูกด้วยกันกับนางสวน ๕ คน ด้วยกัน เป็นหญิงสาม ชายสอง คนโตชื่อ นางสาว บรรจง หรือติ๋ม คนที่สองชื่อ นางสาวเบญจา หรือต๋อย ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝด คนที่สามชื่อนายณรงค์ คนที่สี่ชื่อ นายบุญเทียม และคนสุดท้องชื่อ นางสาวน้ำค้าง
เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ หรือ นายบัวไข หล่อนาค เมื่อชาติก่อนได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนต้องตายว่า ขณะนั้นภรรยาในชาติก่อน คือนางสวนได้ตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก คือ นางสาวน้ำค้างได้ ๓ เดือน นายบัวไข ได้ขี่จักรยานจะไปสอนหนังสือที่โรงเรียน ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครลอบยิงข้างหลัง ซึ่งเป็นแผลเป็นรอยกระสุนยังติดตัวมาถึงชาตินี้ โดยถูกลอบยิงจากท้ายทอยละลุหน้าผาก
ฝ่ายผู้เป็นยายคือนางพรม เมื่อรับฟังเรื่องราวจากหลายชายวัย ๓ ขวบ ในตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง เด็กชายชนัย ได้พยายามหนียายออกจากบ้านขึ้นรถประจำทางจากตำบลทับคล้อ อำเภอตะพานหิน ไปที่อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนางสวน ภรรยาในชาติก่อน นางพรมจึงต้องตามไปด้วย เมื่อพบกันและเล่าความหลังให้ฟัง ก็ปรากฏว่าฝ่ายครอบครัวของนางสวนเชื่อสนิทว่า เด็กชายชนัย คือ นายบัวไขในชาติก่อน นอกจากนี้เด็กชายชนัยยังได้สอบถามนางสวนว่า ของมีค่าที่ให้เก็บไว้ในชาติก่อนนั้น ยังอยู่ดีหรือ ซึ่งเด็กชายชนัย หมายถึงปืนสองกระบอกพร้อมกับบอกที่ซ่อนของ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวเมื่อได้รับคำบอกเล่าถึงกับตะลึง
http://www.agalico.com/board/images/statusicon/wol_error.gifกดที่เเถบนี้เพื่อดูรูปขนาดดั้งเดิม
http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=529024&stc=1&d=1236192103
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐรายงานว่า เมื่อเด็กชายชนัยได้พบหน้ากับ จ.ส.ต. สนาน เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่ง สภ. อ. เมืองพิจิตร ซึ่งเดิม จ.ส.ต. สนาน เป็นเพื่อนสนิทของนายบัวไข ทันทีที่พบหน้าเด็กชายชนัยก็เอ่ยปากทักว่า
เฮ้ย หนานยังอยู่สบายดีหรือ จำเราได้ไหม เราบัวไข เพื่อนเก่าของนายไงล่า
จ.ส.ต สนานถึงกับตะลึงงันไปเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเด็กอายุ ๓ ขวบ จะเป็นเพื่อนของตน เมื่อสอบถามเรื่องความหลังซึ่งกันและกัน เด็กชายชนัย ก็เล่าความหลังได้ถูกต้องทุกอย่าง และเมื่อถามถึงอาหารการกินที่ชอบเด็กชายชนัย ก็บอกว่า ชอบไข่ดาวกับข้าวหลาม
ซึ่งทุกคนยอมรับว่า นายบัวไขเมื่อชาติก่อนชอบอาหารเช่นนั้นจริง ๆ และแม้แต่ในชาตินี้ เด็กชายชนัย ก็ยังชอบอาหารชนิดนี้ นอกจากนี้ จ.ส.ต. สนาน รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของนางสวนทุกคน รวมทั้งลูก ๆ ทุกคนของนายบัวไขในชาติก่อน ต่างก็ยอมรับว่า เด็กชายชนัยผู้นี้คือพ่อของตนในชาติก่อนจริง และปััจจุบัน เด็กชายชนัย ยังไปมาหาสู่กับครอบครัวนี้โดยสนิทสนม
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ถามเด็กชายชนัย ซึ่งปัจจุบันอายุ ๑๐ ขวบ ในทำนองกระเซ้าว่า
ถ้ามีคนมาสู่ขอนางสวนภรรยาเก่าในชาติก่อนของเด็กชายชนัยจะว่ายังไง
เด็กชายชนัยไม่ตอบ แต่แสดงอาการหึงหวงเห็นได้ชัดและไม่พอใจต่อคำถามนี้มาก แต่ก็ได้หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกไว้
เรื่องที่เล่ามาข้างบนนี้ ถึงแม้ว่าข้าพจ้ามิได้มีโอกาสไปสวบสวนพบปะกับครอบครัวของ เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ ทั้งในปัจจุบันและในชาติก่อนด้วยคนเองก็ดี แต่บังเอิญมีสมาชิกกฏแห่งกรรม คือคุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ผู้จัดการธนาสหธนาคารจำกัด และคุณสงบ แจ่มพัฒน์ หรือ อนามิส แห่งหนังสือรายสัปดาห์ บางกอก ทั้งสองท่านนี้ได้เดินทางไปจังหวัดพิจิตรด้วยรถยนต์ส่วนตัวของคุณประสิทธิ์ พร้อมด้วยคนขับ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้พบนางพรม เบ็ญทอง ยายและเด็กชายชนัย พบพ่อแม่นายเขียน และนางยวง และภรรยา - นางสวนและลูก ๆ ในชาติก่อน ได้สัมภาษณ์อย่างละเอียดลออได้ความตรงกัน และยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมยืนยันอีกหลายอย่าง แสดงว่า เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ นั้นเป็นครูบัวไข หล่อนาค มาเกิดใหม่แน่นอน
ต่อไปนี้จะขอนำข้อความที่น่าสนใจ ที่คุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ได้สัมภาษณ์ ยาย, พ่อ, แม่ และภรรยาในชาติก่อน เด็กชายชนัยเป็นผู้บอกนำทาง เมื่อไปทางถนนใหญ่แล้ว ก็ชี้ให้เข้าตรอกซอยจากถนนใหญ่อีกไกลกว่าจะถึงบ้านพ่อแม่เขา เมื่อไปถึงเขาก็เดินนำเข้าไปในบ้านซึ่งมีคนนั่งอยู่หลายคน ทั้งคนอายุมากและเด็ก ๆ เด็กชายชนัย ก็ตรงเข้าไปกราบชายอายุมากคนหนึ่งและหญิงอีกคนหนึ่งแล้ว ก็ร้องไห้ พูดว่า
พ่อจ๋า แม่จ๋า ลูกมาหา ลูกคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่มาก
ชายหญิงมีอายุทั้งสองที่เด็กอ้างว่าเป็นพ่อแม่ในชาติก่อนก็ตะลึงงงและสงสัย เพราะจู่ ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มีเด็กเข้ามากราบแล้วร้อวไห้เรียก พ่อ แม่ ทั้งที่ไม่เคยเห็นเด็กและยายมาก่อน ส่วนยายเองก็ตื่นเต้น เพราะว่าที่นั้นมีผู้ใหญ่อยู่บนเรือนหลายคน ทำไมเด็กอายุแค่ ( ๓ ขวบ ) จึงไปเจาะจงว่า คนนั้นคนนี้เป็นพ่อเป็นแม่มาแต่ชาติก่อน เด็กบอกว่าเป็นครูบัวไขมาเกิด ผู้ใหญ่ทั้งสองยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นครูบัวไขลูกของตัวมาเกิด แต่เมื่อเห็น แผลเป็น เหมือนครูบัวไขลูกชายที่ถูกลอบยิงจากท้ายทอยทะลุหน้าผาก ก็ชักจะมีน้ำหนักพอที่จะเชื่อ
ตอนที่ยายได้พาเด็กชายชนัยไปพบพ่อแม่อีกครั้งหนึ่งตามนัด มีผู้คนทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ พ่อแม่นั่งคอยอยู่ในบ้ายก่อนแล้วเพื่อเป็นพยานช่วยกันพิสูจน์เรื่องครูบัวไข กลับชาติมาเกิดจริงหรือไม่ ญาติผู้หนึ่งได้ถามขึ้นว่า
เราอ้างว่าเป็นครูบัวไขน่ะ จำเมียของเราได้ไหมว่า ชื่ออะไร
เด็กชายชนัยก็หันไปมองเมียแล้วตอบทันทีว่า ชื่อสวนนะซิ
เสียงพึมพำพึงก็เกิดขึ้น ต่างก็แปลกใจที่เด็กบอกได้ถูกจต้อง ต่อมาแม่เขาก็นำของใช้ของธรรมดาหลายอย่างปนกันมาให้ดูแล้วบอกว่า
อะไรเป็นของลูกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ยังจำได้ไหม หยิบให้แม่ดูซิ
เด็กก็หยิบดูแล้วว่า นี่เป็นของผม นี่ไม่ใช่ของผม โน่นเป็นของผม
เสร็จแล้วเขาก็จูงมือแม่เขาเดินดูในบ้าน แล้วก็ชี้ว่า
อ้ายตรงนี้ของ ๆ ผมตั้งอยู่ที่นี่มันหายไปไหน ตรงโน้นของผมตั้งอยู่หายไปไหน หนังสือของผมอยู่ในตู้มันหายไปไหนหมด
เมียในชาติก่อนเขาก็ตอบว่า เมื่อเจ้าของไม่อยู่ฉันก็ให้เขาไปซิ จะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นต่อไป
เมื่อเด็กชายชนัยได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า เมื่อให้ไปแล้วก็แล้วไปนะ
ต่อมาแม่ก็ถามขึ้นมาอีกว่า แล้วอะไรของลูกที่นึกออกว่ายังมีอะไรบ้าง
เด็กบอกว่า พระของผมยังมีอยู่พวงหนึ่ง
แม่ถามว่า พระของลูกมีอยู่กี่องค์
เด็กบอกว่า พระของผมมีอยู่ ๓ องค์ เป็นพระเครื่องนางพญา
คราวนี้พวกที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนแอบกระซิบถามเมียเมื่อชาติก่อน ว่าจริงไหมที่เขาพูด เมียเขาก็บอกว่าเป็นความจริงทุกอย่าง
คราวนี้มีผู้ถามว่า เมื่อที่ครูจะถูกยิงตายวันนั้น ครูทำอะไรบ้างพอจะนึกออกไหม
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับที่ ๗๔๒๓ วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษพาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้ลงข่าวว่า ได้พบเด็กระลึกชาติรายใหม่ อายุเพียง ๓ ขวบ หนียายออกจากบ้านไปหาครอบครัวเมื่อชาติก่อน เผยความหลังชาติก่อน เป็นครูถูกคนร้ายยิงตาย มีลูก ๔ คน เมียเก่าและลูกได้ยินเรื่องราวถึงกับตะลึง เพราะรู้เรื่องชาติก่อนได้ถูกต้อง เพื่อนเก่าเป็นตำรวจก็อัศจรรย์ใจ เมื่อเด็ก ๓ ขวบทักทายว่าจำได้ไหม แล้วเล่าความหลังให้ฟัง
เด็กระลึกชาติรายใหม่ที่จำความชาติปางก่อนได้ถูกต้องคือ เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ เดี๋ยวนี้อายุ ๑๐ ขวบ ( พ. ศ. ๒๕๒๑ ) บุตรนายเบิ้ม หรือคำรณ นางสมคิด จังหวัดพิจิตร นายเบิ้มผู้เป็นพ่อมีอาชีีพเป็นช่างตัดผม แม่ตัดเย็บเสื้อผ้า ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพ แต่เด็กชายชนัย อาศัยอยู่กับยาย ชื่อนางพรม เบ็ญทอง อายุ ๖๗ ปี ที่จังหวัดพิจิตร
นางพรม เบ็ญทอง ผู้เป็นยาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า มารู้ว่า เด็กชายระลึกชาติได้ ก็เพราะ เด็กชายชนัย ได้เล่าเรื่องแต่ชาติปางก่อนให้ยายฟังว่า เมื่อชาติก่อนตัวเองเป็นครูชื่อ บัวไข หล่อนาค สอนประจำอยู่ที่โรงเรียนท่าบ่อตำบลบางหว้า อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร จากนั้นเด็กชายชนัย ยังได้เล่าว่า แต่เดิมตนมีพ่อชื่อนายเขียน แม่ชื่อ นางยวง แล้วยังมีภรรยาชื่อนางสวน มีลูกด้วยกันกับนางสวน ๕ คน ด้วยกัน เป็นหญิงสาม ชายสอง คนโตชื่อ นางสาว บรรจง หรือติ๋ม คนที่สองชื่อ นางสาวเบญจา หรือต๋อย ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝด คนที่สามชื่อนายณรงค์ คนที่สี่ชื่อ นายบุญเทียม และคนสุดท้องชื่อ นางสาวน้ำค้าง
เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ หรือ นายบัวไข หล่อนาค เมื่อชาติก่อนได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนต้องตายว่า ขณะนั้นภรรยาในชาติก่อน คือนางสวนได้ตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก คือ นางสาวน้ำค้างได้ ๓ เดือน นายบัวไข ได้ขี่จักรยานจะไปสอนหนังสือที่โรงเรียน ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครลอบยิงข้างหลัง ซึ่งเป็นแผลเป็นรอยกระสุนยังติดตัวมาถึงชาตินี้ โดยถูกลอบยิงจากท้ายทอยละลุหน้าผาก
ฝ่ายผู้เป็นยายคือนางพรม เมื่อรับฟังเรื่องราวจากหลายชายวัย ๓ ขวบ ในตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง เด็กชายชนัย ได้พยายามหนียายออกจากบ้านขึ้นรถประจำทางจากตำบลทับคล้อ อำเภอตะพานหิน ไปที่อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนางสวน ภรรยาในชาติก่อน นางพรมจึงต้องตามไปด้วย เมื่อพบกันและเล่าความหลังให้ฟัง ก็ปรากฏว่าฝ่ายครอบครัวของนางสวนเชื่อสนิทว่า เด็กชายชนัย คือ นายบัวไขในชาติก่อน นอกจากนี้เด็กชายชนัยยังได้สอบถามนางสวนว่า ของมีค่าที่ให้เก็บไว้ในชาติก่อนนั้น ยังอยู่ดีหรือ ซึ่งเด็กชายชนัย หมายถึงปืนสองกระบอกพร้อมกับบอกที่ซ่อนของ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวเมื่อได้รับคำบอกเล่าถึงกับตะลึง
http://www.agalico.com/board/images/statusicon/wol_error.gifกดที่เเถบนี้เพื่อดูรูปขนาดดั้งเดิม
http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=529024&stc=1&d=1236192103
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐรายงานว่า เมื่อเด็กชายชนัยได้พบหน้ากับ จ.ส.ต. สนาน เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่ง สภ. อ. เมืองพิจิตร ซึ่งเดิม จ.ส.ต. สนาน เป็นเพื่อนสนิทของนายบัวไข ทันทีที่พบหน้าเด็กชายชนัยก็เอ่ยปากทักว่า
เฮ้ย หนานยังอยู่สบายดีหรือ จำเราได้ไหม เราบัวไข เพื่อนเก่าของนายไงล่า
จ.ส.ต สนานถึงกับตะลึงงันไปเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเด็กอายุ ๓ ขวบ จะเป็นเพื่อนของตน เมื่อสอบถามเรื่องความหลังซึ่งกันและกัน เด็กชายชนัย ก็เล่าความหลังได้ถูกต้องทุกอย่าง และเมื่อถามถึงอาหารการกินที่ชอบเด็กชายชนัย ก็บอกว่า ชอบไข่ดาวกับข้าวหลาม
ซึ่งทุกคนยอมรับว่า นายบัวไขเมื่อชาติก่อนชอบอาหารเช่นนั้นจริง ๆ และแม้แต่ในชาตินี้ เด็กชายชนัย ก็ยังชอบอาหารชนิดนี้ นอกจากนี้ จ.ส.ต. สนาน รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของนางสวนทุกคน รวมทั้งลูก ๆ ทุกคนของนายบัวไขในชาติก่อน ต่างก็ยอมรับว่า เด็กชายชนัยผู้นี้คือพ่อของตนในชาติก่อนจริง และปััจจุบัน เด็กชายชนัย ยังไปมาหาสู่กับครอบครัวนี้โดยสนิทสนม
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ถามเด็กชายชนัย ซึ่งปัจจุบันอายุ ๑๐ ขวบ ในทำนองกระเซ้าว่า
ถ้ามีคนมาสู่ขอนางสวนภรรยาเก่าในชาติก่อนของเด็กชายชนัยจะว่ายังไง
เด็กชายชนัยไม่ตอบ แต่แสดงอาการหึงหวงเห็นได้ชัดและไม่พอใจต่อคำถามนี้มาก แต่ก็ได้หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกไว้
เรื่องที่เล่ามาข้างบนนี้ ถึงแม้ว่าข้าพจ้ามิได้มีโอกาสไปสวบสวนพบปะกับครอบครัวของ เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ ทั้งในปัจจุบันและในชาติก่อนด้วยคนเองก็ดี แต่บังเอิญมีสมาชิกกฏแห่งกรรม คือคุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ผู้จัดการธนาสหธนาคารจำกัด และคุณสงบ แจ่มพัฒน์ หรือ อนามิส แห่งหนังสือรายสัปดาห์ บางกอก ทั้งสองท่านนี้ได้เดินทางไปจังหวัดพิจิตรด้วยรถยนต์ส่วนตัวของคุณประสิทธิ์ พร้อมด้วยคนขับ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้พบนางพรม เบ็ญทอง ยายและเด็กชายชนัย พบพ่อแม่นายเขียน และนางยวง และภรรยา - นางสวนและลูก ๆ ในชาติก่อน ได้สัมภาษณ์อย่างละเอียดลออได้ความตรงกัน และยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมยืนยันอีกหลายอย่าง แสดงว่า เด็กชายชนัย ชูมาลัยวงศ์ นั้นเป็นครูบัวไข หล่อนาค มาเกิดใหม่แน่นอน
ต่อไปนี้จะขอนำข้อความที่น่าสนใจ ที่คุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ได้สัมภาษณ์ ยาย, พ่อ, แม่ และภรรยาในชาติก่อน เด็กชายชนัยเป็นผู้บอกนำทาง เมื่อไปทางถนนใหญ่แล้ว ก็ชี้ให้เข้าตรอกซอยจากถนนใหญ่อีกไกลกว่าจะถึงบ้านพ่อแม่เขา เมื่อไปถึงเขาก็เดินนำเข้าไปในบ้านซึ่งมีคนนั่งอยู่หลายคน ทั้งคนอายุมากและเด็ก ๆ เด็กชายชนัย ก็ตรงเข้าไปกราบชายอายุมากคนหนึ่งและหญิงอีกคนหนึ่งแล้ว ก็ร้องไห้ พูดว่า
พ่อจ๋า แม่จ๋า ลูกมาหา ลูกคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่มาก
ชายหญิงมีอายุทั้งสองที่เด็กอ้างว่าเป็นพ่อแม่ในชาติก่อนก็ตะลึงงงและสงสัย เพราะจู่ ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มีเด็กเข้ามากราบแล้วร้อวไห้เรียก พ่อ แม่ ทั้งที่ไม่เคยเห็นเด็กและยายมาก่อน ส่วนยายเองก็ตื่นเต้น เพราะว่าที่นั้นมีผู้ใหญ่อยู่บนเรือนหลายคน ทำไมเด็กอายุแค่ ( ๓ ขวบ ) จึงไปเจาะจงว่า คนนั้นคนนี้เป็นพ่อเป็นแม่มาแต่ชาติก่อน เด็กบอกว่าเป็นครูบัวไขมาเกิด ผู้ใหญ่ทั้งสองยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นครูบัวไขลูกของตัวมาเกิด แต่เมื่อเห็น แผลเป็น เหมือนครูบัวไขลูกชายที่ถูกลอบยิงจากท้ายทอยทะลุหน้าผาก ก็ชักจะมีน้ำหนักพอที่จะเชื่อ
ตอนที่ยายได้พาเด็กชายชนัยไปพบพ่อแม่อีกครั้งหนึ่งตามนัด มีผู้คนทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ พ่อแม่นั่งคอยอยู่ในบ้ายก่อนแล้วเพื่อเป็นพยานช่วยกันพิสูจน์เรื่องครูบัวไข กลับชาติมาเกิดจริงหรือไม่ ญาติผู้หนึ่งได้ถามขึ้นว่า
เราอ้างว่าเป็นครูบัวไขน่ะ จำเมียของเราได้ไหมว่า ชื่ออะไร
เด็กชายชนัยก็หันไปมองเมียแล้วตอบทันทีว่า ชื่อสวนนะซิ
เสียงพึมพำพึงก็เกิดขึ้น ต่างก็แปลกใจที่เด็กบอกได้ถูกจต้อง ต่อมาแม่เขาก็นำของใช้ของธรรมดาหลายอย่างปนกันมาให้ดูแล้วบอกว่า
อะไรเป็นของลูกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ยังจำได้ไหม หยิบให้แม่ดูซิ
เด็กก็หยิบดูแล้วว่า นี่เป็นของผม นี่ไม่ใช่ของผม โน่นเป็นของผม
เสร็จแล้วเขาก็จูงมือแม่เขาเดินดูในบ้าน แล้วก็ชี้ว่า
อ้ายตรงนี้ของ ๆ ผมตั้งอยู่ที่นี่มันหายไปไหน ตรงโน้นของผมตั้งอยู่หายไปไหน หนังสือของผมอยู่ในตู้มันหายไปไหนหมด
เมียในชาติก่อนเขาก็ตอบว่า เมื่อเจ้าของไม่อยู่ฉันก็ให้เขาไปซิ จะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นต่อไป
เมื่อเด็กชายชนัยได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า เมื่อให้ไปแล้วก็แล้วไปนะ
ต่อมาแม่ก็ถามขึ้นมาอีกว่า แล้วอะไรของลูกที่นึกออกว่ายังมีอะไรบ้าง
เด็กบอกว่า พระของผมยังมีอยู่พวงหนึ่ง
แม่ถามว่า พระของลูกมีอยู่กี่องค์
เด็กบอกว่า พระของผมมีอยู่ ๓ องค์ เป็นพระเครื่องนางพญา
คราวนี้พวกที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนแอบกระซิบถามเมียเมื่อชาติก่อน ว่าจริงไหมที่เขาพูด เมียเขาก็บอกว่าเป็นความจริงทุกอย่าง
คราวนี้มีผู้ถามว่า เมื่อที่ครูจะถูกยิงตายวันนั้น ครูทำอะไรบ้างพอจะนึกออกไหม