PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ปลาสชาดกว่าด้วยเหตุที่จะต้องหนีจากไป



*8q*
03-14-2009, 06:15 PM
ว่าด้วยเหตุที่จะต้องหนีจากไป


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ การข่มกิเลส จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งใน ปัญญาสชาดก ส่วนในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสควรจะรังเกียจแท้ กิเลสแม้จะมีประมาณน้อยก็ทำให้ ถึงความพินาศได้เหมือนหน่อต้นไทร แม้บัณฑิตทั้งหลายในครั้งโบราณ ก็รังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจมาแล้วเหมือนกัน ครั้นตรัสแล้ว ทรงนำเอา เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดหงส์ทอง เจริญวัยแล้ว อยู่ในถ้ำทอง ณ เขาจิตตกูฏ กินข้าวสาลีที่เกิดเองในสระ ณ หิมวันตประเทศแล้วกลับมา ในหนทางที่พระโพธิสัตว์นั้นไป ๆ มา ๆ มีต้นทองหลางใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง พระโพธิสัตว์นั้นเมื่อไป ก็พักที่ต้นทองหลางนั้นแล้วก็ไป เมื่อกลับมา ก็พักที่ต้นทองหลางนั้นแล้วจึงมา
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์นั้นได้มีความคุ้นเคยกับเทวดาผู้บังเกิดอยู่ที่ต้นทองหลางนั้น เวลาต่อมา นางนกตัวหนึ่งกินผลไทรสุกที่ต้นไทรต้นหนึ่ง แล้วบินมาจับที่ต้นทองหลางนั้น ถ่ายคูถลงในระหว่างค่าคบ แต่นั้นจึงเกิดหน่อไทรขึ้น ในเวลามีขนาดได้ ๔ นิ้ว ต้นทองหลางนั้นมีรูปทรงงดงาม เพราะเป็นต้นทองหลางที่มีหน่อแดงและใบเขียว พระยาหงส์เห็นดังนั้น จึงเรียกรุกขเทวดามาพูดว่า ท่านปลาสเทวดา ผู้สหาย ธรรมดาต้นไทรเกิดที่ต้นไม้ใด เมื่อโตขึ้นย่อมทำต้นไม้นั้น ให้ฉิบหาย ท่านจงอย่าให้ต้นไม้นี้เติบโตเลย มันจักทำวิมานของท่านให้พินาศ ท่านจงถอนมันทิ้งเสียก่อนทีเดียว ขึ้นชื่อว่าสิ่งที่ควรจะรังเกียจ ก็ควรจะรังเกียจ เมื่อปรึกษากับปลาสเทวดา จึงกล่าวคาถา ที่ ๑ ว่า :
[๗๙๘] พระยาหงส์ได้กล่าวกะปลาสเทวดาว่า ดูกรสหาย ต้นไทรเกิดติดอยู่ที่
ค่าคบของท่านแล้ว มันเจริญขึ้นแล้ว จะตัดชีวิตของท่านเสีย.
ปลาสเทวดาได้ฟังดังนั้น มิได้เชื่อถือคำของพระโพธิสัตว์นั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:
[๗๙๙] ข้าพเจ้าจะเป็นที่พึ่งทำต้นไทรให้เจริญขึ้น ต้นไทรนี้จักเป็นที่พึ่งของ
ข้าพเจ้า เหมือนมารดาบิดา เป็นที่พึ่งของบุตรแล้ว บุตรกลับเป็นที่พึ่ง
ของมารดาบิดา ฉะนั้น.
ลำดับนั้น พระยาหงส์ จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า:
[๘๐๐] เหตุใดท่านจึงให้ต้นไม้ที่น่าหวาดเสียวดุจข้าศึก เจริญขึ้นอยู่ที่ค่าคบ เหตุ
นั้นข้าพเจ้าบอกท่านแล้วจะไป ความเจริญแห่งต้นไทรนั้น ข้าพเจ้าไม่
ชอบใจเลย.
ก็แหละพระยาหงส์ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงกางปีกบินไปยัง เขาจิตตกูฏทีเดียว ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย ในเวลาต่อมา ต้นไทรก็เจริญเติบโตขึ้น ก็มีรุกขเทวดาตนหนึ่งบังเกิดที่ต้นไทรนั้น ต้นไทรนั้นเจริญขึ้นหักรานต้นทองหลาง วิมานของเทวดาพร้อมกับกิ่งไม้ ทั้งหลายก็ร่วงลงไป ในกาลนั้น เทวดานั้นจึงคิดถึงคำของพระยา หงส์ได้ จึงร่ำไห้ว่า พระยาหงส์เห็นภัยในอนาคตข้อนี้จึงกล่าวไว้ ส่วนเราไม่กระทำตามคำพูดของพระยาหงส์ แล้วกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า:
[๘๐๑] บัดนี้ ต้นไทรนี้ทำให้เราน่าหวาดเสียวภัยอันใหญ่หลวง ได้มาถึงเรา
เพราะไม่รู้สึกถึงคำ อันใหญ่หลวงของพระยาหงส์ ซึ่งควรเปรียบ
ด้วยขุนเขาสิเนรราช.
ฝ่ายต้นไทรก็เจริญเติบโตขึ้นหักรานต้นทองหลางทั้งต้นได้กระทำให้เป็นสักแต่ตอเท่านั้น วิมานของเทวดาก็หายไปหมดสิ้น.
[๘๐๒] ผู้ใด เมื่อกำลังเจริญอยู่ กระทำที่พึ่งอาศัยให้พินาศไปเสีย ความเจริญ
ของผู้นั้น ท่านผู้ฉลาดไม่สรรเสริญ นักปราชญ์รังเกียจความพินาศของผู้
นั้น จึงเพียรพยายามที่จะตัดรากเหง้าเสีย.
คาถาที่ ๕ ดังกล่าวมานี้ เป็นอภิสัมพุทธคาถา.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ ภิกษุ ๕๐๐ รูป ได้บรรลุพระอรหัต แล้วทรงประชุมชาดกว่า หงส์ทองในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ ปลาสชาดก
http://board.agalico.com/showthread.php?t=28066
<!-- / message -->

rain....
03-18-2009, 02:35 PM
ขอบคุณ สำหรับโพสดีๆมากมายค่ะ







โดดเดี่ยว แต่ไม่เคยเดียวดาย