PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : มิคโปตกชาดกคำพูดที่ทำให้หายเศร้าโศก



*8q*
03-15-2009, 06:59 PM
คำพูดที่ทำให้หายเศร้าโศก

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ ภิกษุแก่รูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ได้ยินว่า ภิกษุแก่นั้นให้เด็กคนหนึ่งบวช สามเณรบำรุงภิกษุแก่นั้นโดยเคารพ ครั้นกาลต่อมา สามเณรนั้นได้ตายลงอย่างไม่สงบ ภิกษุแก่ถูกความโกรธครอบงำเพราะการตายของสามเณรนั้น จึงเที่ยวร่ำไห้ด้วยเสียงอันดัง ภิกษุทั้งหลายไม่อาจทำให้สงบได้ จึงสั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุแก่รูปนั้นเที่ยว ร่ำไห้ เพราะการตายของสามเณร ภิกษุแก่นั่นคงจักเหินห่างการเจริญมรณัสสติ พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลให้ทรงทราบถึงเรื่องที่สนทนากัน จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ภิกษุแก่นี้ เมื่อสามเณรนั้นตายแล้ว ก็เที่ยวร่ำไห้อยู่ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ครองความเป็นท้าวสักกะ ครั้งนั้น มีบุรุษชาวแคว้นกาสีคนหนึ่ง เข้าไปยังหิมวันตประเทศ บวชเป็นฤๅษียัง เลี้ยงชีพอยู่ด้วยผลไม้น้อยใหญ่ วันหนึ่ง ฤๅษีนั้นเห็นลูกเนื้อซึ่งแม่ตายตัวหนึ่งในป่า จึงนำมายังอาศรมบท ให้อาหารเลี้ยงดูไว้ ลูกเนื้อเติบโตขึ้น มีรูปร่างถึงความงามอันเลิศ ดาบสเลี้ยงลูกเนื้อนั้นเสมือนหนึ่งเป็นลูกของตน วันหนึ่งลูกเนื้อกินหญ้ามากไป ได้ตายลงเพราะอาหารไม่ย่อย ดาบสเที่ยวร่ำไห้ว่า ลูกเราตายเสียแล้ว ในกาลนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงพิจารณาดูชาวโลก ทรงเห็นดาบสนั้น ดำริว่า จักทำดาบสนั้นให้สลดใจ จึงเสด็จมาแล้วประทับยืนในอากาศ ตรัสคาถาที่ ๑ ว่า:
[๘๐๘] การที่ท่านเศร้าโศกถึงลูกเนื้อผู้ละไปแล้ว เป็นการไม่สมควรแก่ท่านผู้
หลีกออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต สงบระงับ.
ดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:
[๘๐๙] ดูกรท้าวสักกะ ความรักของมนุษย์ หรือเนื้อ ย่อมเกิดขึ้นในใจ เพราะ
อยู่ร่วมกันมา มนุษย์ หรือเนื้อนั้น อาตมภาพไม่สามารถที่จะไม่เศร้าโศก
ถึงได้.
ลำดับนั้น ท้าวสักกะได้ตรัสคาถา ๒ คาถาว่า:
[๘๑๐] ชนเหล่าใด มาร้องไห้รำพัน บ่นเพ้อถึงผู้ตายไปแล้ว และผู้จะตายอยู่
ณ บัดนี้ การร้องไห้ของชนเหล่านั้น สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวว่า เปล่า
จากประโยชน์ ดูกร ฤๅษี เพราะฉะนั้น ท่านอย่าร้องไห้เลย.
[๘๑๑] ดูกรพราหมณ์ ผู้ที่ตายไปแล้ว ละไปแล้ว หากจะพึงกลับเป็นขึ้นได้
เพราะการร้องไห้ เราก็จะประชุมกันทั้งหมดร้องไห้ ถึงพวกญาติของ
กันและกัน.
เมื่อท้าวสักกะตรัสไป ๆ อยู่อย่างนี้ ดาบสก็พิจารณาตามไปและคิดได้ว่า การร้องไห้ไร้ประโยชน์ เมื่อจะกระทำการชมเชยท้าวสักกะ จึงได้กล่าว คาถา ๓ คาถาว่า:
[๘๑๒] มหาบพิตร มารดอาตมภาพผู้เดือดร้อนยิ่งนักให้หายร้อน ดับความกระ
วนกระวายได้ทั้งสิ้น เหมือนบุคคลเอาน้ำรดไฟติดที่เปรียงให้ดับ ฉะนั้น
มหาบพิตรมาถอนลูกศรคือความโศกที่เสียบแน่นอยู่ในหทัยของอาตมภาพ
ออกได้แล้วหนอ เมื่ออาตมภาพถูกความโศกครอบงำ มหาบพิตรก็ได้
บรรเทาความโศกถึงบุตรเสียได้ ดูกรท้าววาสวะ อาตมภาพเป็นผู้ถอนลูก
ศรออกได้แล้ว ปราศจากความเศร้าโศก ไม่มีความมัวหมอง
อาตมาภาพจะไม่เศร้าโศกร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของมหาบพิตร.
ท้าวสักกะครั้นประทานโอวาทแก่ดาบส แล้วก็เสด็จไปเฉพาะ ยังสถานที่ของพระองค์.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า ดาบสในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุแก่ในบัดนี้ เนื้อในครั้งนั้น ได้มาเป็นสามเณรในบัดนี้ ส่วนท้าวสักกะในครั้งนั้น ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ มิคโปตกชาดก



http://board.agalico.com/showthread.php?t=28102<!-- / message -->