PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เป็นคนหลงอะไรง่าย ๆ



LOTUS
03-18-2009, 08:58 AM
หากเราเป็นคนที่มักหลงอะไรง่าย ๆ เช่น คำพูดคน เราควรนำหลักธรรมใดมาพิจารณาในการดำเนินชีวิต
เพราะความหลงเช่นนั้น ทำให้เราไม่ได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริง

Rakdeawjaideaw
03-18-2009, 02:34 PM
หากเราเป็นคนที่มักหลงอะไรง่าย ๆ เช่น คำพูดคน เราควรนำหลักธรรมใดมาพิจารณาในการดำเนินชีวิต
เพราะความหลงเช่นนั้น ทำให้เราไม่ได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริง



ในมงคล ๓๘ ประการ หากจะหยิบยกบางข้อมาใช้ ก็ย่อมรักษาบรรเทาความเป็นบุคคลผู้มักขาดสติได้ หลักธรรมมีมากมายเปรียบใบไม้ทั้งป่า เลือกเอามาแค่ก ำมือเดียว เหตุแห่งความหลง ก็เพราะขาดสติสัมปชัญญะ
ดังนั้นสติสัมปชัญญะจึงชื่อว่าเป็นธรรมปฏิปักขนัย ตรงข้ามกับ โมหะนั่นเอง อโมหะหรือปัญญานี้ จะมีได้ก็ด้วย การเจริญสติ เมื่อสติคุ้มครองรักษาอยู่ ปัญญาย่อมจำแนกลักษณะสภาวะออกว่า อย่างไหนเป็นกุศล อย่างไหนเป็นอกุศล http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

อนุโมทนานะครับคุณ LOTUS เป็นคำถามที่ดี อันว่าจิตคนเรานี้มักหลงอยู่เป็นธรรมชาติ เพราะจิตย่อมน้อมไปรับรู้อารมณ์ รักเดียวใจเดียวมองว่า คำถามนี้หมายถึง หลงไปทั้งสองนัยเลยใช่ไหมครับ คือนัยแรก เป็นความหลงไปในความไม่พอใจในคำพูดของบุคคลอื่น ที่ได้ยินได้ฟังมา และนัยที่สอง เป็นความหลงไปในความพอใจยินดีในคำพูดของบุคคลอื่น http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

การถอน อุปทานในการยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม เพราะหากคิดว่าความหลงเกิดขึ้น แล้วหลงซ้ำไปคิด ว่าไม่ใช่ตัวตนที่แท้( พยายามปฏิเสธความหลง ) ก็เป็นมายาหลอกตัวเองอยู่ดี ถ้าเริ่มโจทย์ตรงที่ไม่มีเราหรือตัวตนที่แท้จริงอะไร แล้วความหลงจะมาจากที่ไหน http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

เมื่อความหลงเกิดขึ้นอีกก็ยิ้ม เงียบ ๆ เขาก็ไม่ใช่เราของเรา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอนุโมทนานะครับ สักว่ารู้ รู้ซื่อ ๆ http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

ปล. เผลอบ้างก็ดี เพราะทำให้รู้ว่าได้เจริญสตินะครับ หลงไปฝ่ายดีก็รู้ตามรู้ทันไปนะครับ สาธุ ๆ

LOTUS
03-18-2009, 06:26 PM
ขอบคุณที่กรุณาให้ความกระจ่าง ดียิ่ง
สาธุ

arkom
03-18-2009, 06:48 PM
อนุโมทนาครับ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย

*8q*
03-18-2009, 09:39 PM
หากเราเป็นคนที่มักหลงอะไรง่าย ๆ เช่น คำพูดคน เราควรนำหลักธรรมใดมาพิจารณาในการดำเนินชีวิต
เพราะความหลงเช่นนั้น ทำให้เราไม่ได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริง





ในมงคล ๓๘ ประการ หากจะหยิบยกบางข้อมาใช้ ก็ย่อมรักษาบรรเทาความเป็นบุคคลผู้มักขาดสติได้ หลักธรรมมีมากมายเปรียบใบไม้ทั้งป่า เลือกเอามาแค่ก ำมือเดียว เหตุแห่งความหลง ก็เพราะขาดสติสัมปชัญญะ
ดังนั้นสติสัมปชัญญะจึงชื่อว่าเป็นธรรมปฏิปักขนัย ตรงข้ามกับ โมหะนั่นเอง อโมหะหรือปัญญานี้ จะมีได้ก็ด้วย การเจริญสติ เมื่อสติคุ้มครองรักษาอยู่ ปัญญาย่อมจำแนกลักษณะสภาวะออกว่า อย่างไหนเป็นกุศล อย่างไหนเป็นอกุศล http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

อนุโมทนานะครับคุณ LOTUS เป็นคำถามที่ดี อันว่าจิตคนเรานี้มักหลงอยู่เป็นธรรมชาติ เพราะจิตย่อมน้อมไปรับรู้อารมณ์ รักเดียวใจเดียวมองว่า คำถามนี้หมายถึง หลงไปทั้งสองนัยเลยใช่ไหมครับ คือนัยแรก เป็นความหลงไปในความไม่พอใจในคำพูดของบุคคลอื่น ที่ได้ยินได้ฟังมา และนัยที่สอง เป็นความหลงไปในความพอใจยินดีในคำพูดของบุคคลอื่น http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

การถอน อุปทานในการยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม เพราะหากคิดว่าความหลงเกิดขึ้น แล้วหลงซ้ำไปคิด ว่าไม่ใช่ตัวตนที่แท้( พยายามปฏิเสธความหลง ) ก็เป็นมายาหลอกตัวเองอยู่ดี ถ้าเริ่มโจทย์ตรงที่ไม่มีเราหรือตัวตนที่แท้จริงอะไร แล้วความหลงจะมาจากที่ไหน http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

เมื่อความหลงเกิดขึ้นอีกก็ยิ้ม เงียบ ๆ เขาก็ไม่ใช่เราของเรา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอนุโมทนานะครับ สักว่ารู้ รู้ซื่อ ๆ http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif

ปล. เผลอบ้างก็ดี เพราะทำให้รู้ว่าได้เจริญสตินะครับ หลงไปฝ่ายดีก็รู้ตามรู้ทันไปนะครับ สาธุ ๆ


สาธุครับ

LOTUS
03-19-2009, 08:36 AM
ต้องขอขอบคุณท่านทั้ง 2 ที่ให้ข้อธรรมไขปัญหาและเตือนสติ ด้วยความติดใจในรสพระธรรมที่ท่านมอบให้ จะโพสต์ข้อใหม่ก็จะเหมือนว่าเป็นคนช่างถาม
แต่เมื่อนึกได้ก็ขอรบกวนสอบถาม โปรดเมตตาให้ความกระจ่างด้วย
เคยดูดวง ตามพื้นดวงถูกระบุว่าดวงทับงานอยู่ คือถึงแม้ว่าจะขยันทำงานด้วยความอุตสาหะ หรือซื่อสัตย์ วิริยะ อย่างไร ในพื้นดวงก็จะต้องมีปัญหาเกิดขี้นมิได้ทำให้ตนเองจะเจริญ หรือผ่านพ้นปัญหาอย่างง่าย ๆ ได้
คำถาม คือว่า เราสามารถจะเปลี่ยนดวงชะตาเราได้หรือไม่

Butsaya
03-19-2009, 09:27 AM
http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Word_Commands/1.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Word_Commands/3.gif


http://www.watkoh.com/board/richedit/upload/2k5930923789.jpg






อิอิ.... ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ปัญหามี เราก็เรียนรู้ปัญหาไป
ได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่งจากเพื่อน เรื่องข้อคิดต่าง ๆ เลยอยาก
เอามาฝากไว้ในกระทู้นี้อะค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณ LOTUS
ในการที่ได้พบเจอกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ดีบ้าง
และไม่ดีบ้าง แต่ถ้าได้อ่านแล้วอาจจะปรับมุมมองความคิด
แล้วก่อเกิดกำลังใจโดยที่ไม่ต้องไปหาจากที่ไหนอะค่ะ



[HR]


เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรมในวิกฤตย่อมมีโอกาส

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

Rakdeawjaideaw
03-19-2009, 10:40 AM
ต้องขอขอบคุณท่านทั้ง 2 ที่ให้ข้อธรรมไขปัญหาและเตือนสติ ด้วยความติดใจในรสพระธรรมที่ท่านมอบให้ จะโพสต์ข้อใหม่ก็จะเหมือนว่าเป็นคนช่างถาม
แต่เมื่อนึกได้ก็ขอรบกวนสอบถาม โปรดเมตตาให้ความกระจ่างด้วย
เคยดูดวง ตามพื้นดวงถูกระบุว่าดวงทับงานอยู่ คือถึงแม้ว่าจะขยันทำงานด้วยความอุตสาหะ หรือซื่อสัตย์ วิริยะ อย่างไร ในพื้นดวงก็จะต้องมีปัญหาเกิดขี้นมิได้ทำให้ตนเองจะเจริญ หรือผ่านพ้นปัญหาอย่างง่าย ๆ ได้
คำถาม คือว่า เราสามารถจะเปลี่ยนดวงชะตาเราได้หรือไม่




ตามพื้นดวงถูกระบุว่าดวงทับงานอยู่


ในมงคล ๓๘

๒.คบบัณทิต มีเพื่อนดีชวนฟังธรรมปฏิบัติธรรม ไม่ชักชวนให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ
๓.บูชาบุคคลที่ควรบูชา บูชาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
๔.อยู่ในประเทศที่สมควร มีอาชีพหน้าที่การงาน อยู่ในบริษัทที่ดี เหมาะสมกับตน
๕.ได้กระทำบุญไว้ในปางก่อน เคยได้สร้างสม ทำบุญไว้กับผู้คนรอบข้างที่แวดล้อมหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นปัจจัยให้หน้าที่การงานก้าวหน้า มีคนเกื้อกูลอุดหนุนเมตตา เพราะเหตุได้กระทำไว้
๖.บำรุงบิดา กตัญญูกตเวที
๗.บำรุงมารดา เป็นเครื่องหมายของคนดี
๑๕.ทานการให้ มีปกติให้ทาน เป็นผู้มีปกติเสียสละ
๑๘.การงานที่ไม่มีโทษ หน้าที่การงานเหมาะสม ไม่เป็นงานที่ ทางพุทธศาสนาติเตียน มิจฉาวณิชา ๕
๒๒.มีความเคารพ เคารพต่อผู้น้อยกว่าและผู้ที่อวุโสกว่า
๒๓.อ่อนน้อมถ่อมตน อ่อมน้อมถ่อมตน ต่อผู้น้อยและผู้อวุโส
๓๓.เห็นอริยสัจ ทุกข์เพราะอะไร อะไรเป็นเหตุแห่งทุกข์ อะไรเป็นทางดับทุกข์ อะไรเป็นวิธีการในการดับทุกข์
๓๕.จิตไม่หวั่นไหวเมื่อถูกโลกธรรมกระทบแล้ว เพราะเมื่อหวั่นไหว ก็สงสัยในสิ่งที่ตนกระทำอยู่
การงานก็ดี ชีวิตก็ดีหากหวั่นไหวง่าย
จิตย่อมเศร้าหมอง เป็นเหตุแห่งทุกข์ เพราะถูกโลกธรรมกระทบ

คำถามคือ "เราสามารถจะเปลี่ยนดวงชะตาเราได้หรือไม่"

พุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมและผลแห่งกรรม ทำกรรมอย่างไรย่อมได้รับผลแห่งกรรมอย่างนั้น หว่านพืชอย่างไรย่อมได้ผลอย่างนั้น จิตคนเรานี้ ไม่ถูกฝึกไม่ขัดเกลาก็เชื่อง่าย ยิ่งปัจจุบันคนเราย่อมต้องถูกกระทบกระทั้ง ช่วงเวลาที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้างเป็นไปตามโลกธรรม ธรรมดา ๆ

คำถามคือ เราเชื่อกรรมหรือผลแห่งกรรมที่เราทำ หรือเราเชื่อดวงฟ้าดวงดาวดวงชะตา เราฝากชีวิตเราไว้กับการกระทำของเรา หรือเราฝากชีวิตเราไว้กับปากคนอื่น เรื่องกรรมพระองค์ตรัสว่าเป็นอจินไตย นึกคิดเดาเอาไม่ได้ แต่พระองค์สอนเราว่า กรรมย่อมเป็นกำเนิด กรรมย่อมเป็นเผาพันธ์ กรรมย่อมเป็นที่พึ่งอาศัย

ดีก็ตามชั่วก็ตาม ทำอย่างไรจักได้รับผลกรรมอย่างนั้น วันนี้หน้าที่การงานมีปัญหา ไม่ใช่เราคนเดียวเสียเมื่อไหร่ สังคมส่วนใหญ่ เศรษฐกิจโดยร่วมกำลังเจริญเติบโตรึก็เปล่า มองย้อนกลับมาที่ตัวเรา เราได้ศีกษาธรรมะดีหรือยัง คบมิตรคบสัตบุรุษบ้างไหม เรารักษาศีลทำจิตใจให้หมดจดจากกิเลส ความปรารถนาความต้องการบ้างรึเปล่า หรือรักษาแล้วแต่ ไม่พอเพียงไม่พอดี เลยเป็นเหตุแห่งทุกข์ ติดตามมา

บ้างตกงานบ้าง มีปัญหา คิดเสียว่าจังหวะไม่ดี วิบากกรรมเล็ก ๆ เป็นคนต้องต่อสู่ศัตรูคือยากำลัง ทางโลกก็ต่อสู้ทางธรรมก็ต้องต่อสู้ คนล่วงทุกข์ได้ก็ด้วยความเพียร ไม่เคยได้ยินว่าคนเราล่วงทุกข์ได้เพราะเชื่อหมอดู เป็นกำลังใจให้ครับ http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/smiley.gif


รักเดียวใจเดียว
ท่ามะโอ
ลำปางนคเร

LOTUS
03-19-2009, 11:10 AM
อนุโมทนา คิดว่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับเพื่อนกัณยามิตรทุกท่านด้วย

http://www.watkoh.com/board/richedit/cliparts/Wizard/anim_genie.gif


สาธุ

*8q*
03-19-2009, 05:39 PM
ถาม คนอาภัพ เกิดจากสาเหตุอะไร ทุกวันนี้ผมมีปมด้อยมาก เพราะเป็นคนอาภัพ ไม่ค่อยมีเพื่อนฝูง

ตอบ คำว่า คนอาภัพ ในทางโลกกับทางธรรมนั้นไม่เหมือนกัน คนอาภัพทางโลกนั้นคือคนที่อยากได้อะไรหรืออยากเป็นอะไรแล้วก็ไม่สมหวัง อยากมีเพื่อนฝูงอย่างคุณผู้ถามเป็นต้น ก็ไม่ค่อยมี แล้วก็กล่าวว่าเป็นคนอาภัพ นี่เป็นความหมายของคนอาภัพทางโลก
แต่คนอาภัพทางธรรมนั้น หมายถึงคนที่ไม่อาจบรรลุมรรคผลในชาตินี้ ท่านเรียกว่า อภัพพบุคคล ได้แก่คน ๔ ประเภทคือ
๑. คนที่เกิดด้วยอุเบกขาสันตีรณะอเหตุกกุศลวิบาก คือเกิดด้วยปฏิสนธิจิตที่เป็นผลของกุศลที่ไม่มีเหตุประกอบ เป็นกุศลที่มีกำลังอ่อน เกิดเป็นบ้าใบ้ ตาบอด หูหนวก ปัญญาอ่อนมาแต่กำเนิด คนพวกนี้เป็นคนอาภัพเพราะไม่อาจบรรลุมรรคผลได้ แม้จะได้หันเหชีวิตมาเจริญมรรคมีองค์ ๘ ก็ตาม
๒. คนที่ทำกรรมหนักชนิดที่เรียกว่าอนันตริยกรรม คือฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อ ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน คนที่ทำกรรม ๕ อย่างนี้ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านเรียกว่าอภัพพบุคคล เพราะแม้จะฉลาดอย่างไรก็ไม่อาจบรรลุมรรคผลได้ เพราะได้ทำกรรมหนักที่จะต้องนำไปสู่นรกทันทีเมื่อตายลง กรรมดีใดๆ ไม่อาจขวางกั้นกรรมหนักได้ กรรมหนักทั้ง ๕ นี้ต้องให้ผลก่อน
๓. เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือเป็นคนมีความเห็นผิด ไม่เชื่อบุญเชื่อบาปเป็นต้น ใครจะชี้แจงแสดงเหตุผลอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง คนอย่างนี้เป็นคนอาภัพเช่นกัน เพราะไม่มีทางบรรลุมรรคผลในชาตินี้ได้
๔. คนที่แม้จะเกิดมาด้วยไตรเหตุ ไม่ทำกรรมหนัก เป็นสัมมาทิฏฐิ คือเชื่อบุญเชื่อบาปแล้ว แต่ว่าไม่มีศรัทธาประพฤติปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือเป็นผู้เกียจคร้านไม่มีฉันทะในการทำกุศล พวกนี้พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าเป็นคนอาภัพเช่นกัน เพราะไม่อาจบรรลุมรรคผลได้
บุคคล ๔ พวกนี้แหละ คือคนอาภัพในความหมายของทางธรรม
คณะสหายธรรมก็ยังเป็นคนอาภัพในทางธรรมเช่นท่านผู้ฟังอีกหลายท่าน รวมทั้งผู้ถามด้วย เพราะฉะนั้นอย่าได้น้อยใจไปเลย เพราะคนที่ยังเป็นคนอาภัพเช่นเดียวกับท่านผู้ถามยังมีอีกมากเหลือเกิน คงจะเกือบทั้งโลกกระมัง
ก็ในเมื่อคนทั้งโลก มีคนที่บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยะ พ้นจากการถูกเรียกว่าคนอาภัพน้อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าได้น้อยใจไปเลย ผู้ถามมีพรรคพวกประเภทเดียวกันมากมาย
คราวนี้ขอพูดถึงคนอาภัพทางโลกบ้าง ซึ่งก็ได้ให้ความหมายของคำว่าคนอาภัพในทางโลกไว้แล้วว่า ได้แก่คนที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่สมหวังไปเสียทุกอย่าง อยากมีเพื่อนก็ไม่มีเพื่อนเป็นต้น อันนี้จัดเป็นผลของอกุศลกรรมที่ทำไว้
คนที่ทำบุญไว้หลายๆ อย่าง คือทานก็ทำ ศีลก็รักษา ซ้ำเวลาทำทานรักษาศีลก็ไม่ทำคนเดียว เที่ยวชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องให้ทำทานรักษาศีลร่วมกับตนด้วย การทำอย่างนี้แหละ เป็นเหตุให้เมื่อต้องการสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้นตามประสงค์ การชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำดี เป็นเหตุให้ได้บริวารมาก
ในอดีตคุณคงทำบุญไว้น้อย เวลาทำแล้วไม่ได้ชักชวนคนอื่นๆ ด้วย คุณจึงขาดเพื่อนฝูง ถึงอย่างนั้นคุณก็อย่าน้อยใจในความอาภัพของคุณเลย เพราะเราไม่อาจแก้ไขสิ่งที่เราทำไปแล้วได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องทำเหตุในชาตินี้ของคุณให้ดีให้ถูก เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเป็นอย่างนี้ในชาติต่อไป
ในปัจจุบันนี้ เราก็หาเพื่อนได้ไม่ยากเลย ถ้าเรามีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ ใครๆ ก็อยากคบหาผู้นั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
นั่นคือถ้าเราเป็นผู้ให้คือเผื่อแผ่อยู่เสมอแล้ว เป็นธรรมดาใครๆ ก็ย่อมจะรักใคร่เรา คุณลองทำดูเถิด รับรองว่าคุณจะมีเพื่อนมากมายจนคบไม่หวาดไหว แต่ว่าการจะได้เพื่อนกินหรือเพื่อนแท้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของเพื่อนแท้ เราดูกันประเดี๋ยวประด๋าวไม่ได้ ต้องคบกันนานๆ จึงจะตัดสินใจ

คณะคิดว่าคนอาภัพทางโลกไม่สำคัญ เรามีมิตรดี มิตรแท้ ที่จะชักนำเราไปในทางดี ไม่ประพฤติชั่วเพียงคนสองคนก็พอแล้ว แต่คนอาภัพทางธรรมสิสำคัญมาก เพราะถ้าเราอาภัพทางธรรมอยู่ทุกๆ ชาติ เราก็ต้องพบกับความทุกข์ต่างๆ รวมทั้งการเป็นคนอาภัพเพื่อนฝูงด้วยอยู่ทุกๆ ชาติ ถ้าเราพ้นจากความอาภัพทางธรรมเสียแล้ว ความอาภัพทางโลกจะมีได้อย่างไร เพราะฉะนั้นควรสนใจเรื่องความอาภัพทางธรรมดีกว่า แล้วทำตนให้พ้นจากความเป็นคนอาภัพในทางธรรมเสีย แล้วคุณจะไม่พบกับความอาภัพทั้งทางโลกและทางธรรมอีกเลย

http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=42

*8q*
03-19-2009, 05:41 PM
ถาม จะมีเวลาการสิ้นสุดเป็นคนอาภัพไหม ถ้าได้สิ้นสุดแล้ว ผมจะเข็ดจนตาย ไม่คิดอยากทำกรรมนั้นๆ อีก

ตอบ กรรมทุกชนิดไม่ว่าดีไม่ว่าชั่ว ล้วนแต่มีกำหนดเวลาให้ผลทั้งนั้น ไม่มีกรรมใดเลยที่มีโอกาสให้ผลแล้วจะไม่สิ้นสุดการให้ผล ครั้งแรกอาจให้ผลหนัก แต่ครั้งต่อๆ ไปก็ให้ผลเบาลงๆ จนหมดไปในที่สุด เพราะฉะนั้น กรรมที่คุณทำไว้คงจะสิ้นสุดลงสักวันหนึ่ง
คณะไม่อยากให้พะวงถึงกรรมที่ทำไว้แล้ว เพราะเราแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด คุณควรจะทำกรรมในชาตินี้ให้ดีที่สุด คือทำแต่กรรมดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์เป็นต้น แล้วก็พยายามชักชวนคนอื่นๆ ให้เขาทำดีด้วย
ผลของความดีที่คุณทำเองและชักชวนผู้อื่นนั่นแหละ จะทำให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการพร้อมทั้งเพื่อนฝูงบริวารในอนาคต ไม่ทราบว่าคุณทำดังนี้อยู่หรือเปล่า ในขณะนี้ ถ้าไม่ได้ทำก็โปรดได้ลงมือเสียแต่บัดนี้
ข้อสำคัญ หากคุณทำตนให้พ้นจากความอาภัพทางธรรมแล้ว คุณจะสิ้นสุดการเป็นคนอาภัพทุกอย่างโดยเด็ดขาด



http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=43