PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : นวชีวัน (ชีวิตใหม่)



*8q*
05-07-2009, 07:37 PM
โดยรุ่งอรุณณสนธยา

เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใดนอกจากการได้มีชีวิตการได้มาซึ่งชีวิตนั้นจำต้องสละความยึดถือในทุกสิ่งซึ่งเท่ากับสละตัวเราอันก่อกำเหนิดจากความยึดถือชีวิตที่ก่อกำเนิดมาจากความยึดถือเป็นเพียงมายาภาพหาใช่ตัวชีวิตแท้จริงไม่ต่อเมื่อมีสติรู้อยู่ถึงการก่อกำเหนิดของความคิดเราจะหยั่งรู้ถึงการเกิดของตัวเราอันเป็นมาภาพทั้งรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิตอันมีสภาพกลมกลืนและอิสระ
การปฏิบัติเพื่อรู้จักธรรมชาติแท้ของเรานั้นก็โดยบทเรียนง่ายๆในการเดิน,นั่ง,นอน,ดื่ม,ถ่าย,สนทนา,ซักผ้าฯลฯนี้เองที่ธรรมชาติของเราจะแสดงออกมาควบคู่กับการดำเนินชีวิตในโลกนี้ไม่ใช่ว่าต้องอาศัยพิธีกรรมหรือการเรียน,ทรงจำความรู้จากพระคัมภีร์หรือท่าทีทางวัฒนะธรรมซึ่งรังแต่จะก่อกำเหนิดตัวตนอันเป็นมายาภาพได้ง่ายไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดกับระเบียบกฎเกณฑ์หรือทฤษฎีใดๆแต่ด้วยการมีชีวิตอยู่และมีสติรู้อยู่ต่อการมีชีวิตมีความรักชีวิตกลมกลืนกันหน้าที่การงานของชีวิตศีลสมาธิและปัญญาจะถูกพัฒนาขึ้นเองอย่างเหมาะเจาะและมันจะมีผลในทางขจัดทุกข์ได้โดยตรงมันไม่ใช่การรักษาศีลเพื่อตอบสนองข้อบัญญัติทางวัฒนธรรมหรือสังคมและไม่ใช่การเจริญสมาธิเพียงเพื่อได้หลบหลีกปัญหาประจำวันไปอยู่กับโลกในจินตนาการอันตนสร้างขึ้นให้เกิดอาการภาคภูมิว่าได้พบความมหัศจรรย์ลึกซึ้งตามทางของวัฒนธรรมแล้วมันไม่ใช่การมีปัญญาเนื่องแต่ทรงจำวัจนะ, ศัพท์ศาสนาและการขบคิดอย่างลึกซึ้งเพื่อตอบสนองต่อความอยากจะได้เป็นนักศาสนากับเขาคนหนึ่งเท่านั้นหากเป็นเช่นนั้น, แม้เป็นผู้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเท่าใดความยึดมั่นถือมั่นต่อชีวิตหาคลายลงได้ไม่เพราะมันเป็นการเพิ่มมายาภาพให้แก่ชีวิตด้วยท่าทีทางวัฒนธรรมแม้ว่ามันจะได้ปิติสุขหรือเสียงสรรเสริญเช่นไรก็ตามจนกว่าความรู้สึกตังทั่วพร้อม(สติ-สัมปชัญญะ)ได้เป็นไปย่างบริสุทธิไม่มีความต้องการสิ่งอื่นใดเจือปนชีวิตมีความกลมกลืนจนหลุดพ้นจากอิทธิพลของวัฒนธรรมจิตเป็นจิตที่รู้แจ้งตามธรรมชาติขึ้นเหนือภาษาเพศอดีตอนาคตดี-ชั่วรวมทั้งความต้องการรสนิยมค่านิยมต่างๆแล้วจะเจ้าถึงการตรัสรู้(สัมโพธิ)หนแรกคือการเห็นแจ้งต่อสังขารธรรมอันบริสุทธิ์เป็นไปเองชื่อว่าได้ลุถึงธรรมจักษุเห็นแล้วซึ่งธรรมแท้บริสุทธิ์อยู่นอกเหนือสมมุติและบัญญัติใดๆ(อันเป็นท่าทีของวัฒนะธรรมของแต่ละชุมชนเท่านั้น)
การเห็นอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้จะลบล้างความเชื่อที่รับมาผิดๆและหลงยึดถือแต่ถ้อยคำท่าทีอันจำและลอกเรียนมาจากผู้อื่นความหยั่งรู้จะเปิดเผยถึงชีวิตที่แท้จริงของเราและชีวิตอันเป็นประสบการณ์อันต่อเนื่องอยู่ทุกขณะเราจะรักชีวิตและไม่กลัวต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ขัดแย้งไม่เป็นศัตรูกับชีวิตอีกประสบการณ์ในการเห็นธรรมแท้บริสุทธิ์นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและวิธีการครองชีวิตอย่างใหญ่หลวงแม้จะต้องกินดื่ม,ทำงานอยู่อย่างเดิมมันเป็นการเปลี่ยนแปลงในภายในจากความเข้าใจผิต่อชีวิตเป็นเข้าใจถูกต้องตามทางชีวิตเองอย่างไม่ลังเลสงสัยและจากวันนั้น, ความเข้าใจอันลึกซึ้งนั้นจะเติบใหญ่ขึ้นชัดเจนไพศาลแจ้งฉานชนิดไม่มีสิ่งใดยับยั้งมันได้มันเป็นเมล็ดพันธ์แห่งการตรัสรู้ครั้งสุดท้ายอันยิ่งใหญ่(อนุตรสัมมาสัมโพธิ)ครั้งเดี่ยวเป็นทวารแห่งวิมุติทางให้ถึงโมกษะถึงไกวัลย์ธรรมทางให้ถึงความเป็นอันเดียวกับพระผู้เป็นเจ้าและความรักในพระองค์
ชีวิตใหม่ (นวชีวัน) ของคุณตั้งต้นตรงนี้มันไม่ใช่การได้มีรถยนต์คันใหม่,เสื้อผ้าชื่อเสียงหรือโชคลาภอันใดแต่ได้มีชีวิตแห่งความรู้แจ้งกลมกลืนและอิสระได้ล่วงรู้ถึงความวิสุทธิอยู่เองของชีวิตล้วนๆชีวิตแท้ไม่เคยมีมลทินมัวหมองกิเลสไม่ได้มีอยู่เลยในชีวิตที่แท้นอกจากในโลกแห่งความคิดนึกและขาดความรู้สึกตัวอันก่อเกิดความยึดถือในทฤษฎี(ทิฏฐิ),ความหื่นกระหาย(ตัณหา)และเชื่อตัวตน(มานะ)ผิดๆอันเป็นชีวิตที่มีปัญหา,ทุกข์ทรมาน
ชีวิตใหม่คือรุ่งอรุณของดวงตะวันแห่งสัจจธรรมรัศมีสว่างแห่งความรักมิตรภาพอันฉายออกจากชีวิตที่แท้ย่อมขับความผูกพันด้วยมายาภาพและความมืดมัวให้จางหายไปคุณจะพบความมหัศจรรย์ว่าชีวิตใหม่, ชีวิตที่แท้ของคุณนั้นได้ขจัดรากเหง้าของความขัดแย้งและปัญหาทั้งมวลทั้งที่ผ่านเลยไปแล้วและทั้งที่จะมาถึงในวันหน้า
ด้วยชีวิตใหม่เท่านั้นที่อคติและความรุนแรงจะสิ้นไปและด้วยชีวิตใหม่ของคนส่วนใหญ่เท่านั้นที่สังคมจะดีขึ้นได้โปรดตั้งสติระลึกรู้และปล่อยวางความยึดถือเพื่อชีวิตของคุณเอง.



http://school.obec.go.th/napongloei/wat9.htm <!-- / message --><!-- sig -->