*8q*
06-10-2009, 09:23 PM
โกเดี้ยนไปเมืองผี
บันทึกจาหนังสือพิมพ์เหนือจักรวาล ฉบับที่ 17 ปี 2527 มีข้อความตามที่ แดง ณ ชุมแสง เล่ามาต่อไปนี้
เย็นวันหนึ่ง เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้ทราบว่า โกเดี้ยน ผัวแม่คำ เจ้าของโรงเลื่อยมือเหนือตลาดชุมแสงได้ตายเสียแล้ว ด้วยโรคลมปัจจุบันเมื่อตอนบ่าย กว่าข้าพเจ้าจะไปถึงบ้านของโกเดี้ยนก็พลบค่ำ จึงได้แสดงความเสียใจกับแม่คำภรรยาของผู้ตาย และช่วยเงินทำบุญเล็กน้อยตามประเพณี ข้าพเจ้าได้ตั้งใจมาแต่เดิมว่า คืนวันนี้จะต้องอยู่เป็นเพื่อนศพ เพราะผู้ตายและภรรยาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือมาก และแม้คนในตำบลนี้ก็นับถือแกมากเช่นกัน เพราะโกเดี้ยนเป็นคนดี มีใจโอบอ้อมอารีไม่เลือกชั้นวรรณะนั่นเอง คืนวันนี้จึงมีคนมาช่วยงานกันอย่างคับคั่ง ส่วนศพนั้นได้จัดการรดน้ำใส่โลงเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนเย็นนั่นเองเวลาประมาณทุ่มเศษพระก็มาสวดหน้าศพ ซึ่งตามปกติผู้ตายไม่เคยเลื่อมใสในทางพระพุทธศาสนาเลย แต่ญาติของภรรยาผู้ตายได้จัดการนิมนต์พระมาสวดพระธรรม แม่คำเคยปรารภกับเพื่อนบ้านอยู่เนือง ๆ เกี่ยวกับเรื่องสามีของแกว่า ทำบุญเสียเปล่า ไหว้เจ้าดีกว่า กลับมาได้กิน แม่คำซึ่งเคยเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ต้องประสบกับความอัดอั้นตันใจตลอดมา แต่ก็ได้เคยฝากของไปร่วมทำบุญกับญาตินาน ๆ สักครั้ง แต่ถึงแม้ว่าโกเดี้ยนจะรู้ก็ไม่เคยพูดว่าอะไร แต่ไม่สนับสนุน แม่คำก็เกรงใจอยู่ ไม่กล้าเปิดเผยและศพนั้นจะต้องเก็บไว้รอญาติบ้านไกล ๆ อีกตั้ง 3 คืน จึงให้ญาติไปนิมนต์พระมาสวดหน้าศพตามประเพณี ส่วนข้าพเจ้าก็นั่งฟังพระสวดพระธรรม แต่พอตอนดึกพระสวดพระธรรมกลับวัดแล้ว พวกเราก็หันไปเข้าวงเหล้าบ้าง เล่นหมากรุกบ้าง เป็นการแก้ง่วงและฆ่าเวลาจนกว่าจะรุ่งสว่าง พอสว่างแล้วเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็นำเอาข้าวปลาอาหารมาร่วมทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่คนตายตามประเพณี เมื่อพระฉันเสร็จกล่าวคาถาอนุโมทนาให้ศีลให้พรญาติมิตรกรวดน้ำแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่คนตายเสร็จ พระท่านก็กลับวัด ประมาณเวลา 2 โมงเช้าเศษ พวกเราก็เริ่มตั้งวงสุราอาหาร เลี้ยงกันในหมู่พวกที่มาช่วยงาน แต่ในวงของข้าพเจ้าออกจะคุยกันครึกครื้น เพราะล้วนแต่คอดี ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่วงอยู่ใกล้หีบศพห่างกันไม่ถึงศอกแต่ไม่มีใครเอาใจใส่ คงจัดการกับสุราอาหารเรื่อยไป เพราะศพยังไม่มีกลิ่นไออะไรมารบกวน ครั้นเวลาล่วงเลยไปสักครู่ใหญ่ในวงสุราบางคนก็อิ่มแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งคุยเป็นเพื่อนกันอยู่อีก ข้าพเจ้าก็อิ่มแล้วเหมือนกัน แต่ยังนั่งคุยอยู่ในวงนั้น พอนั่งสักประเดี๋ยวก็ได้ยินเสียง กุก ๆ เสียงดังจากหีบศพข้างหลัง จึงคิดว่าหูจะเฝื่อนไปเพราะฤทธิ์สุรากระมัง แต่ก็ได้รวมความรู้สึกเหล่านี้เงี่ยหูฟังอีกครั้ง กุก ๆ เสียงดังมาอีกแน่แล้วเสียงดังอยู่ในหีบศพ จึงหันไปดูทางข้างหลังก็ไม่เห็นมีอะไร ข้าพเจ้าจึงได้หันไปดูตาพวกที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็เพ่งสายตาหันกลับมาเช่นเดียวกัน และต่างฝ่ายต่างก็มองดูตากัน เพราะเขาก็คงได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน และยังไม่ทันจะพูดอะไรกันเสียง กุก ๆ ก็ดังขึ้นอีก
เสียงคุยกันนั้นก็เงียบลงทันที เพราะคงได้ยินทั่วกันทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้าก็ชักหายมึน จึงค่อยขยับตัวออกห่าง คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน แล้วต่างก็มองดูตากันล่อกแล่ก ข้าพเจ้าเองก็คิดว่าโกเดี้ยนนี้แกจะเฮี้ยนถึงกับแสดงฤทธิ์ในเวลากลางวันแสก ๆ เจียวหรือนี่ ? ทันใดนั้นเสียง กุก ๆ ๆ ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ทุก ๆ คนลุกขึ้นยืนจับกลุ่ม โกลาหลกันโดยทันทีพร้อมกับลุงวันสัปเหร่อซึ่งนั่งรวมวงอยู่ด้วย ก็ถอยห่างออกจากกลุ่ม แล้วก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า เอ๊ะโกเดียนเอาแน่หรือหว่า พอขาดคำเสียงจอแจก็ดังเซ้งแซ่
เบาก่อน อะไรกันกลางวันแสก ๆ คนตั้งเยอะแยะตื่นกันไปได้นี่ ลุงสุกผู้อาวุโสเคร่งในธรรมเอ่ยขึ้น เสียงเซ็งแซ่จึงค่อยสงบลง
เออจริง ๆ ละ เงียบ ๆ ฟังดูทีกลัวอะไรกัน ลุงวันสัปเหร่อได้สติก็เอ่ยขึ้นอย่างรักษาเหลี่ยมคนกล้า กุก ๆ พร้อมกับเสียงดิ้นในหีบศพก็ดังขึ้นอีก เฮ้ยวัน เข้าไปกับข้าเหอะ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ลุงสุกกล่าวขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปติด ๆ เมื่อทั้งสองลุกเดินเข้าไป พวกเราก็เคลื่อนกลุ่มตามไปห่าง ๆ ข้างหลังกลุ่มผู้ชาย ก็เป็นกลุ่มผู้หญิง เพราะคนทั้งหมดก็มารวมกลุ่มกันอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าค่อยได้สติขึ้นก่อน รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงค่อยก้าวล้ำหน้าพวกเข้าไปอย่างครึ่งกลัวครึ่งกล้า พอสองเฒ่าถึงหีบศพก็เอื้อมมือเปิดผ้าขาวซึ่งใช้คลุมปิดบนหีบศพไว้แทนฝาหีบที่ยังไม่ได้เอามาผนึก ข้าพเจ้าต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะมีมือมาจับที่แขน รีบหันหน้าไปดูโดยทันทีก็เห็นหน้าแม่คำ มายืนเกาะอยู่ข้างหลัง จึงค่อยโล่งใจไปหน่อย แม่ก็คงอยากเข้าไปดู แต่ไม่กล้าจึงมายืนเกาะอยู่ข้างหลัง ลุงวันกับลุงสุกพากันมองดูในหีบศพ ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจเดินตรงเข้าไป แม่คำก็เดินตามหลังเข้าไปด้วย พอจวนจะถึงลุงวันก็เงยหน้าขึ้นโดยทันที พูดละล่ำละลักว่า ถ้าจะฟื้นโว้ยจริง ๆ ลุงสุกเงยหน้าขึ้นสนับสนุน ข้าพเจ้ากับแม่คำก็รีบเดินไปดูโดยทันที แลเห็นโกเดี้ยนนอนทำตาปริบ ๆ ปากพะงาบ ๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงเพราะเสียงนั้นเบามาก ซึ่งเสียงแซ่จากกลุ่มคนก็มากลบเสียงอีก แล้วแม่คำก็ซัดขึ้นโฮใหญ่ คงจะเป็นด้วยความปิติเป็นอย่างสุดซึ้ง ใคร ๆ ก็เหมือนกัน แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนเฮเข้ามา ได้ยินลุงสุกพูดขึ้นมาว่า เบา ๆ ก่อนถอยออกไป เดี๋ยวก็ได้เห็นกันดอกน่า พลางหันมาพยักหน้า ข้าพเจ้าและลุงวันพร้อมกันพูดขึ้นว่า อ้าว ช่วยกันยกขึ้นเถอะ แล้วลุงวันก็เข้าทางศีรษะ ลุงสุกเข้าทางปลายเท้า ข้าพเจ้าตกหน้าที่กลางตัว พร้อมกันช้อนยกคนที่ฟื้นจากตายไปแล้ว ตั้ง 18 ชั่วโมง แล้วกลับฟื้นขึ้นมาได้รู้สึกว่าวุ่นอยู่ในสมอง คล้าย ๆ กับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็แลเห็นอยู่กับตา เมื่อวางโกเดี้ยนลงแล้ว ลุงวันยังประคองศีรษะอยู่ โกเดี้ยนอยู่ในท่านั่งครึ่งนอนครึ่ง ลุงสุกหันหน้าไปทางแม่คำ เห็นยืนสะอื้นฮัก ๆ อยู่จับอะไรไม่ถูกพร้อมกับพูดขึ้นว่า แม่คำไปเอาฟูกมาปูเร็ว ๆ แม่คำจึงวิ่งไปจัดการเอาฟูกมา และมีคนวิ่งมาช่วยอีก 2 คน ลุงสุกหันมาทางข้าพเจ้าแล้วพูดว่า อ้าว ช่วยกันแก้ด้ายตราสังเถอะ ข้าพเจ้าก็ได้รีบเข้าช่วยแก้ บางคนที่กล้าก็รีบผละออกมาจากกลุ่มคนเข้ามาช่วยกันแก้ แต่การแก้ด้ายตราสังนั้น รู้สึกว่าช้ามาก เพราะเขาผูกเอาไว้แน่น ทันใดนั้นข้าพเจ้านึกขึ้นได้ถึงมีดพับที่เอว จึงได้รีบเอาออกมาตัดประเดี๋ยวเดียวก็ขาดหมดทันที แล้วก็ประคองให้โกเดี้ยนขึ้นนอนบนฟูกตามสบาย โกเดี้ยนนอนทำตาปริบ ๆ ปากพะงาบ ๆ อยู่ ลุงสุกหันไปบอกให้คนเบาเสียงลง และอย่าเข้ามาล้อมจะทำให้ร้อนอบอ้าว พลางก้มลงตะแคงหูฟังเสียงที่ตรงปาก แล้วก็เงยหน้าแลมาที่ข้าพเจ้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า ไปตักน้ำมาเร็ว ๆ หน่อย ข้าพเจ้ารีบเอาแก้วน้ำตักน้ำส่งไปให้ทันที ลุงสุกก็ประคองศีรษะขึ้นจ่อแก้วน้ำที่ปาก พลางพูดแก่โกเดี้ยนแต่พอได้ยิน ค่อย ๆ กินแต่น้อยก่อน โกเดี้ยนก็พยักหน้าช้า ๆ อย่างระโหยโรยแรง แสดงความเข้าใจ หรือได้ยินคำพูดแล้ว แต่พอกินน้ำได้สักหน่อยก็เอ่ยปากพะงาบ ๆ อีก ลุงสุกก้มลงฟังแล้วก็หันหน้าไปบอกแม่คำว่า ให้คนต้มข้าวต้มเร็ว แม่คำต้มแต่น้อย ๆ จะได้สุกเร็ว ๆแม่คำก็รีบวิ่งไปบอกให้คนต้มข้าวต้ม แล้วก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ อีก ข้าพเจ้าแสนที่จะประหลาดใจ พลันนึกถึงหมอ จึงได้แนะนำให้คนไปตามนายแพทย์ เพื่อมาควบคุมอาการ แกก็เห็นด้วย และขอร้องให้ข้าพเจ้าไปตามให้ที ข้าพเจ้ารีบไปหาคุณหมอ และเล่าเรื่องให้ร้อยโทชุบ นายแพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 ที่ประจำอยู่สุขศาลาเทศบาลฟัง เพื่อให้รีบไปตรวจรักษา คุณหมอชุบประหลาดใจยิ่งนัก ในเมื่อได้ทราบเรื่องโดยตลอดแล้ว เพราะท่านยืนยันว่า ได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วว่าตายแน่ ๆ โดยเมื่อวานนี้ แม่คำได้มาเชิญให้ไปรักษา แต่เมื่อหมอไปถึงบ้านโกเดี้ยนได้สิ้นใจเสียก่อนแล้ว เมื่อข้าพเจ้าไปเล่าให้ฟังคุณหมอก็รีบคว้ากระเป๋ายามาพร้อมกับข้าพเจ้าโดยเร็ว เมื่อมาถึงก็ได้ตรวจอย่างละเอียดพร้อมกับฉีดยาบำรุงหัวใจให้ 1 เข็มและบอกว่าอาการอยู่ในขั้นดีมาก แต่ชีพจรยังอ่อนอยู่อีกหน่อยเท่านั้น
เมื่อได้พักผ่อนบำรุงกำลังอีกไม่ช้า ก็จะเป็นปกติ ส่วนข้าพเจ้าก็ได้ลาแม่คำกลับบ้าน และระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านโจษขานกันระเบ็งเซ้งแซ่ถึงเรื่องโกเดี้ยนตายแล้วกลับฟื้น เสียงโจษกันตลอดหัวบ้านท้ายบ้าน พอไปถึงบ้านคิดว่าจะนอนพักผ่อน ก็ต้องเล่าเรื่องให้พวกบ้านฟังรอบหนึ่งก่อนแล้วจึงเข้านอนได้ ครั้งเย็นวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าก็ได้มาเยี่ยมโกเดี้ยนอีก เห็นเขากำลังพยาบาลด้วยวิธีประคบตามแขนและขา ดูหน้าตาแกสดชื่นขึ้นมากเกือบเหมือนปกติแล้ว เห็นคุณหมอยังคงควบคุมอาการอยู่และบอกว่า ชีพจรเกือบเป็นปกติแล้ว และคุณหมอได้พูดต่อไปว่าโกเดี้ยนไม่ได้สลบ
ผมได้ตรวจดูชีพจรโดยละเอียดแล้วว่า ตายไปแล้วอย่างแน่ ๆ แต่เดี๋ยวนี้แกเป็นปกติดีทุกอย่างแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ขอร้องให้แม่เล่าสาเหตุก่อนตายให้ฟัง แม่คำเล่าว่าโกเดี้ยนกลับมาบ้านในตอนบ่าย บ่นปวดศีรษะ แต่แล้วก็เห็นนอนเล่นอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ หายไปสักครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังตึง แกจึงได้รีบวิ่งเข้าไปดู ก็แลเห็นโกเดี้ยนนอนพับอยู่ข้างโอ่งน้ำ แกตกใจมาก จึงรีบเข้าประคองแล้วตะโกนเรียกให้คนมาช่วย
เมื่อพาไปห้องนอนแล้วก็ให้ดมยาและกินยา จากนั้นก็ให้คนรีบไปตามคุณหมอชุบ พอคุณหมอมาถึงและตรวจอาการเสร็จแล้ว คุณหมอก็บอกว่า สิ้นใจเสียแล้ว จึงเป็นอันหมดหนทางที่จะแก้ไข แม่คำก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก เพราะปุบปับก็มาตายโดยมิได้รักษาพยาบาล
บันทึกจาหนังสือพิมพ์เหนือจักรวาล ฉบับที่ 17 ปี 2527 มีข้อความตามที่ แดง ณ ชุมแสง เล่ามาต่อไปนี้
เย็นวันหนึ่ง เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้ทราบว่า โกเดี้ยน ผัวแม่คำ เจ้าของโรงเลื่อยมือเหนือตลาดชุมแสงได้ตายเสียแล้ว ด้วยโรคลมปัจจุบันเมื่อตอนบ่าย กว่าข้าพเจ้าจะไปถึงบ้านของโกเดี้ยนก็พลบค่ำ จึงได้แสดงความเสียใจกับแม่คำภรรยาของผู้ตาย และช่วยเงินทำบุญเล็กน้อยตามประเพณี ข้าพเจ้าได้ตั้งใจมาแต่เดิมว่า คืนวันนี้จะต้องอยู่เป็นเพื่อนศพ เพราะผู้ตายและภรรยาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือมาก และแม้คนในตำบลนี้ก็นับถือแกมากเช่นกัน เพราะโกเดี้ยนเป็นคนดี มีใจโอบอ้อมอารีไม่เลือกชั้นวรรณะนั่นเอง คืนวันนี้จึงมีคนมาช่วยงานกันอย่างคับคั่ง ส่วนศพนั้นได้จัดการรดน้ำใส่โลงเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนเย็นนั่นเองเวลาประมาณทุ่มเศษพระก็มาสวดหน้าศพ ซึ่งตามปกติผู้ตายไม่เคยเลื่อมใสในทางพระพุทธศาสนาเลย แต่ญาติของภรรยาผู้ตายได้จัดการนิมนต์พระมาสวดพระธรรม แม่คำเคยปรารภกับเพื่อนบ้านอยู่เนือง ๆ เกี่ยวกับเรื่องสามีของแกว่า ทำบุญเสียเปล่า ไหว้เจ้าดีกว่า กลับมาได้กิน แม่คำซึ่งเคยเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ต้องประสบกับความอัดอั้นตันใจตลอดมา แต่ก็ได้เคยฝากของไปร่วมทำบุญกับญาตินาน ๆ สักครั้ง แต่ถึงแม้ว่าโกเดี้ยนจะรู้ก็ไม่เคยพูดว่าอะไร แต่ไม่สนับสนุน แม่คำก็เกรงใจอยู่ ไม่กล้าเปิดเผยและศพนั้นจะต้องเก็บไว้รอญาติบ้านไกล ๆ อีกตั้ง 3 คืน จึงให้ญาติไปนิมนต์พระมาสวดหน้าศพตามประเพณี ส่วนข้าพเจ้าก็นั่งฟังพระสวดพระธรรม แต่พอตอนดึกพระสวดพระธรรมกลับวัดแล้ว พวกเราก็หันไปเข้าวงเหล้าบ้าง เล่นหมากรุกบ้าง เป็นการแก้ง่วงและฆ่าเวลาจนกว่าจะรุ่งสว่าง พอสว่างแล้วเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็นำเอาข้าวปลาอาหารมาร่วมทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่คนตายตามประเพณี เมื่อพระฉันเสร็จกล่าวคาถาอนุโมทนาให้ศีลให้พรญาติมิตรกรวดน้ำแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่คนตายเสร็จ พระท่านก็กลับวัด ประมาณเวลา 2 โมงเช้าเศษ พวกเราก็เริ่มตั้งวงสุราอาหาร เลี้ยงกันในหมู่พวกที่มาช่วยงาน แต่ในวงของข้าพเจ้าออกจะคุยกันครึกครื้น เพราะล้วนแต่คอดี ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่วงอยู่ใกล้หีบศพห่างกันไม่ถึงศอกแต่ไม่มีใครเอาใจใส่ คงจัดการกับสุราอาหารเรื่อยไป เพราะศพยังไม่มีกลิ่นไออะไรมารบกวน ครั้นเวลาล่วงเลยไปสักครู่ใหญ่ในวงสุราบางคนก็อิ่มแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งคุยเป็นเพื่อนกันอยู่อีก ข้าพเจ้าก็อิ่มแล้วเหมือนกัน แต่ยังนั่งคุยอยู่ในวงนั้น พอนั่งสักประเดี๋ยวก็ได้ยินเสียง กุก ๆ เสียงดังจากหีบศพข้างหลัง จึงคิดว่าหูจะเฝื่อนไปเพราะฤทธิ์สุรากระมัง แต่ก็ได้รวมความรู้สึกเหล่านี้เงี่ยหูฟังอีกครั้ง กุก ๆ เสียงดังมาอีกแน่แล้วเสียงดังอยู่ในหีบศพ จึงหันไปดูทางข้างหลังก็ไม่เห็นมีอะไร ข้าพเจ้าจึงได้หันไปดูตาพวกที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็เพ่งสายตาหันกลับมาเช่นเดียวกัน และต่างฝ่ายต่างก็มองดูตากัน เพราะเขาก็คงได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน และยังไม่ทันจะพูดอะไรกันเสียง กุก ๆ ก็ดังขึ้นอีก
เสียงคุยกันนั้นก็เงียบลงทันที เพราะคงได้ยินทั่วกันทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้าก็ชักหายมึน จึงค่อยขยับตัวออกห่าง คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน แล้วต่างก็มองดูตากันล่อกแล่ก ข้าพเจ้าเองก็คิดว่าโกเดี้ยนนี้แกจะเฮี้ยนถึงกับแสดงฤทธิ์ในเวลากลางวันแสก ๆ เจียวหรือนี่ ? ทันใดนั้นเสียง กุก ๆ ๆ ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ทุก ๆ คนลุกขึ้นยืนจับกลุ่ม โกลาหลกันโดยทันทีพร้อมกับลุงวันสัปเหร่อซึ่งนั่งรวมวงอยู่ด้วย ก็ถอยห่างออกจากกลุ่ม แล้วก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า เอ๊ะโกเดียนเอาแน่หรือหว่า พอขาดคำเสียงจอแจก็ดังเซ้งแซ่
เบาก่อน อะไรกันกลางวันแสก ๆ คนตั้งเยอะแยะตื่นกันไปได้นี่ ลุงสุกผู้อาวุโสเคร่งในธรรมเอ่ยขึ้น เสียงเซ็งแซ่จึงค่อยสงบลง
เออจริง ๆ ละ เงียบ ๆ ฟังดูทีกลัวอะไรกัน ลุงวันสัปเหร่อได้สติก็เอ่ยขึ้นอย่างรักษาเหลี่ยมคนกล้า กุก ๆ พร้อมกับเสียงดิ้นในหีบศพก็ดังขึ้นอีก เฮ้ยวัน เข้าไปกับข้าเหอะ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ลุงสุกกล่าวขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปติด ๆ เมื่อทั้งสองลุกเดินเข้าไป พวกเราก็เคลื่อนกลุ่มตามไปห่าง ๆ ข้างหลังกลุ่มผู้ชาย ก็เป็นกลุ่มผู้หญิง เพราะคนทั้งหมดก็มารวมกลุ่มกันอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าค่อยได้สติขึ้นก่อน รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงค่อยก้าวล้ำหน้าพวกเข้าไปอย่างครึ่งกลัวครึ่งกล้า พอสองเฒ่าถึงหีบศพก็เอื้อมมือเปิดผ้าขาวซึ่งใช้คลุมปิดบนหีบศพไว้แทนฝาหีบที่ยังไม่ได้เอามาผนึก ข้าพเจ้าต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะมีมือมาจับที่แขน รีบหันหน้าไปดูโดยทันทีก็เห็นหน้าแม่คำ มายืนเกาะอยู่ข้างหลัง จึงค่อยโล่งใจไปหน่อย แม่ก็คงอยากเข้าไปดู แต่ไม่กล้าจึงมายืนเกาะอยู่ข้างหลัง ลุงวันกับลุงสุกพากันมองดูในหีบศพ ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจเดินตรงเข้าไป แม่คำก็เดินตามหลังเข้าไปด้วย พอจวนจะถึงลุงวันก็เงยหน้าขึ้นโดยทันที พูดละล่ำละลักว่า ถ้าจะฟื้นโว้ยจริง ๆ ลุงสุกเงยหน้าขึ้นสนับสนุน ข้าพเจ้ากับแม่คำก็รีบเดินไปดูโดยทันที แลเห็นโกเดี้ยนนอนทำตาปริบ ๆ ปากพะงาบ ๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงเพราะเสียงนั้นเบามาก ซึ่งเสียงแซ่จากกลุ่มคนก็มากลบเสียงอีก แล้วแม่คำก็ซัดขึ้นโฮใหญ่ คงจะเป็นด้วยความปิติเป็นอย่างสุดซึ้ง ใคร ๆ ก็เหมือนกัน แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนเฮเข้ามา ได้ยินลุงสุกพูดขึ้นมาว่า เบา ๆ ก่อนถอยออกไป เดี๋ยวก็ได้เห็นกันดอกน่า พลางหันมาพยักหน้า ข้าพเจ้าและลุงวันพร้อมกันพูดขึ้นว่า อ้าว ช่วยกันยกขึ้นเถอะ แล้วลุงวันก็เข้าทางศีรษะ ลุงสุกเข้าทางปลายเท้า ข้าพเจ้าตกหน้าที่กลางตัว พร้อมกันช้อนยกคนที่ฟื้นจากตายไปแล้ว ตั้ง 18 ชั่วโมง แล้วกลับฟื้นขึ้นมาได้รู้สึกว่าวุ่นอยู่ในสมอง คล้าย ๆ กับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็แลเห็นอยู่กับตา เมื่อวางโกเดี้ยนลงแล้ว ลุงวันยังประคองศีรษะอยู่ โกเดี้ยนอยู่ในท่านั่งครึ่งนอนครึ่ง ลุงสุกหันหน้าไปทางแม่คำ เห็นยืนสะอื้นฮัก ๆ อยู่จับอะไรไม่ถูกพร้อมกับพูดขึ้นว่า แม่คำไปเอาฟูกมาปูเร็ว ๆ แม่คำจึงวิ่งไปจัดการเอาฟูกมา และมีคนวิ่งมาช่วยอีก 2 คน ลุงสุกหันมาทางข้าพเจ้าแล้วพูดว่า อ้าว ช่วยกันแก้ด้ายตราสังเถอะ ข้าพเจ้าก็ได้รีบเข้าช่วยแก้ บางคนที่กล้าก็รีบผละออกมาจากกลุ่มคนเข้ามาช่วยกันแก้ แต่การแก้ด้ายตราสังนั้น รู้สึกว่าช้ามาก เพราะเขาผูกเอาไว้แน่น ทันใดนั้นข้าพเจ้านึกขึ้นได้ถึงมีดพับที่เอว จึงได้รีบเอาออกมาตัดประเดี๋ยวเดียวก็ขาดหมดทันที แล้วก็ประคองให้โกเดี้ยนขึ้นนอนบนฟูกตามสบาย โกเดี้ยนนอนทำตาปริบ ๆ ปากพะงาบ ๆ อยู่ ลุงสุกหันไปบอกให้คนเบาเสียงลง และอย่าเข้ามาล้อมจะทำให้ร้อนอบอ้าว พลางก้มลงตะแคงหูฟังเสียงที่ตรงปาก แล้วก็เงยหน้าแลมาที่ข้าพเจ้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า ไปตักน้ำมาเร็ว ๆ หน่อย ข้าพเจ้ารีบเอาแก้วน้ำตักน้ำส่งไปให้ทันที ลุงสุกก็ประคองศีรษะขึ้นจ่อแก้วน้ำที่ปาก พลางพูดแก่โกเดี้ยนแต่พอได้ยิน ค่อย ๆ กินแต่น้อยก่อน โกเดี้ยนก็พยักหน้าช้า ๆ อย่างระโหยโรยแรง แสดงความเข้าใจ หรือได้ยินคำพูดแล้ว แต่พอกินน้ำได้สักหน่อยก็เอ่ยปากพะงาบ ๆ อีก ลุงสุกก้มลงฟังแล้วก็หันหน้าไปบอกแม่คำว่า ให้คนต้มข้าวต้มเร็ว แม่คำต้มแต่น้อย ๆ จะได้สุกเร็ว ๆแม่คำก็รีบวิ่งไปบอกให้คนต้มข้าวต้ม แล้วก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ อีก ข้าพเจ้าแสนที่จะประหลาดใจ พลันนึกถึงหมอ จึงได้แนะนำให้คนไปตามนายแพทย์ เพื่อมาควบคุมอาการ แกก็เห็นด้วย และขอร้องให้ข้าพเจ้าไปตามให้ที ข้าพเจ้ารีบไปหาคุณหมอ และเล่าเรื่องให้ร้อยโทชุบ นายแพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 ที่ประจำอยู่สุขศาลาเทศบาลฟัง เพื่อให้รีบไปตรวจรักษา คุณหมอชุบประหลาดใจยิ่งนัก ในเมื่อได้ทราบเรื่องโดยตลอดแล้ว เพราะท่านยืนยันว่า ได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วว่าตายแน่ ๆ โดยเมื่อวานนี้ แม่คำได้มาเชิญให้ไปรักษา แต่เมื่อหมอไปถึงบ้านโกเดี้ยนได้สิ้นใจเสียก่อนแล้ว เมื่อข้าพเจ้าไปเล่าให้ฟังคุณหมอก็รีบคว้ากระเป๋ายามาพร้อมกับข้าพเจ้าโดยเร็ว เมื่อมาถึงก็ได้ตรวจอย่างละเอียดพร้อมกับฉีดยาบำรุงหัวใจให้ 1 เข็มและบอกว่าอาการอยู่ในขั้นดีมาก แต่ชีพจรยังอ่อนอยู่อีกหน่อยเท่านั้น
เมื่อได้พักผ่อนบำรุงกำลังอีกไม่ช้า ก็จะเป็นปกติ ส่วนข้าพเจ้าก็ได้ลาแม่คำกลับบ้าน และระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านโจษขานกันระเบ็งเซ้งแซ่ถึงเรื่องโกเดี้ยนตายแล้วกลับฟื้น เสียงโจษกันตลอดหัวบ้านท้ายบ้าน พอไปถึงบ้านคิดว่าจะนอนพักผ่อน ก็ต้องเล่าเรื่องให้พวกบ้านฟังรอบหนึ่งก่อนแล้วจึงเข้านอนได้ ครั้งเย็นวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าก็ได้มาเยี่ยมโกเดี้ยนอีก เห็นเขากำลังพยาบาลด้วยวิธีประคบตามแขนและขา ดูหน้าตาแกสดชื่นขึ้นมากเกือบเหมือนปกติแล้ว เห็นคุณหมอยังคงควบคุมอาการอยู่และบอกว่า ชีพจรเกือบเป็นปกติแล้ว และคุณหมอได้พูดต่อไปว่าโกเดี้ยนไม่ได้สลบ
ผมได้ตรวจดูชีพจรโดยละเอียดแล้วว่า ตายไปแล้วอย่างแน่ ๆ แต่เดี๋ยวนี้แกเป็นปกติดีทุกอย่างแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ขอร้องให้แม่เล่าสาเหตุก่อนตายให้ฟัง แม่คำเล่าว่าโกเดี้ยนกลับมาบ้านในตอนบ่าย บ่นปวดศีรษะ แต่แล้วก็เห็นนอนเล่นอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ หายไปสักครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังตึง แกจึงได้รีบวิ่งเข้าไปดู ก็แลเห็นโกเดี้ยนนอนพับอยู่ข้างโอ่งน้ำ แกตกใจมาก จึงรีบเข้าประคองแล้วตะโกนเรียกให้คนมาช่วย
เมื่อพาไปห้องนอนแล้วก็ให้ดมยาและกินยา จากนั้นก็ให้คนรีบไปตามคุณหมอชุบ พอคุณหมอมาถึงและตรวจอาการเสร็จแล้ว คุณหมอก็บอกว่า สิ้นใจเสียแล้ว จึงเป็นอันหมดหนทางที่จะแก้ไข แม่คำก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก เพราะปุบปับก็มาตายโดยมิได้รักษาพยาบาล