PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : หลักการประพันธ์(กฎ,ข้อห้าม,ข้อบังคับ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน กลบท ปัญหาต่างๆ)



ปีศาจ
08-31-2009, 07:40 AM
ใครที่มีความรู้ความสามารถในการประพันธ์ก็นำ สิ่งที่ท่านรู้มาเผยแพร่เป็นวิทยาทานสำหรับผู้อื่นได้ที่นี่ครับ
หรือใครมีปัญหาหรือคำถามเกี่ยวกับการประพันธืก็นำมาลงไว้ได้ครับจะได้ช่วยกันแก้ให้

ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
ปีศาจราชาหมาป่าน้ำแข็งสีเงิน

สวัสดีครับ

มาบอกกล่าวกันสักนิดหนึ่งนะครับ
ขณะนี้เว็บ
http://learnkaweethai.blogspot.com
ได้นำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับหลักการประพันธ์ลงไว้เรียบร้อยหมดแล้วครับ
ท่านไหนสนใจก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมได้ครับ

ปีศาจ
08-31-2009, 07:54 AM
ข้อควรจำในการแต่งกลอน
๑ คำสุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง วรรคที่สอง วรรคที่สามและวรรคที่สี่ไม่ความใช้เสียงเหมือนกัน หรือ ใช้สระหรือตัวสะกดในมาตราเดียวกัน
๒ คำรับสัมผัสในวรรคที่สองและวรรคที่สี่ถ้าเป็นคำเต็มที่มีตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไป ควรให้ตำแหน่งสัมผัสตกอยู่ในพยางค์สุดท้ายของคำ ไม่ควรให้สัมผัสลงที่ต้นคำหรือกลางคำ
๓ คำสุดท้ายของช่วงการอ่านแต่ละวรรคควรใช้คำเต็ม ไม่ควรฉีกคำหรือใช้ครึ่งคำ(ยกเว้นคำประพันธ์ประเภท กลบทยติภังค์,โคลง,ฉันท์และกาพย์)
๔ ไม่ควรนำภาษาต่างประเทศที่ยังไม่ได้รับรองมาใช้ในการประพันธ์
๕ คำสุดท้านของวรรคที่หนึ่งนิยมใช้เสียงเต้น คือ เสียงอื่นๆนอกจากสียงสามัญ คำสุดท้ายของวรรคที่สองนิยมใช้เสียงจัตวา(หรือเสียงวรรณยุกต์เอกไม่มีรูปก็ได้)
๖ คำสุดท้ายของวรรคที่สามและวรรคที่สี่นิยมใช้เสียงสามัญ(วรรคที่สี่จะไช้คำตายเสียงตรีก็ได้)
๗ ในแต่ละวรรคควรมีสัมผัสใน แม้จะไม่บังคับ แต่ถ้าขาดก็หมดรสหมดความไพเราะ

ที่มา : จากหนังสือหลักการประพันธ์
โดยอาจารย์เริงชัย ทองหล่อ

สวัสดีครับ

plyfha
08-31-2009, 10:19 AM
กลอน
คือลักษณะคำประพันธ์ ที่เรียบเรียงเข้าเป็นคณะ มีสัมผัสกัน
ตามลักษณะบัญญัติ เป็นชนิดๆ แต่ไม่มีบังคับ เอกโท และครุลหุ
กลอนแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ กลอนสุภาพ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/index.html#supharp) กลอนลำนำ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/index.html#lumnum) และกลอนตลาด (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/index.html#talard)

กลอนสุภาพ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/supharp/index.html) คือกลอนที่ใช้ถ้อยคำ และทำนองเรียบๆ แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ
๑. กลอน ๖ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/supharp/index.html#k6)
๒. กลอน ๗ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/supharp/index.html#k7)
๓. กลอน ๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/supharp/index.html#k8)
๔. กลอน ๙ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/supharp/index.html#k9)
กลอนสุภาพ นับว่าเป็นกลอนหลัก เพราะเป็นหลัก ของบรรดากลอนทุกชนิด
ถ้าเข้าใจกลอนสุภาพ เป็นอย่างดีแล้ว ก็สามารถจะเข้าใจกลอนอื่นๆ
ได้โดยง่าย กลอนอื่นๆ ที่มีชื่อเรียกไปต่างๆ นั้น ล้วนแต่ยักเยื้อง แบบวิธี
ไปจากกลอนสุภาพ ซึ่งเป็นกลอนหลัก ทั้งสิ้น
กลอนลำนำ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html)
คือกลอนที่ใช้ขับร้อง หรือสวด ให้มีทำนองต่างๆ แบ่งออกเป็น ๕ ชนิด คือ

๑. กลอนบทละคร (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html#klakorn)
๒. กลอนสักวา (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html#ksakawa)
๓. กลอนเสภา (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html#ksepa)
๔. กลอนดอกสร้อย (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html#kdoksoy)
๕. กลอนขับร้อง (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/lumnum/index.html#kkabrong)

กลอนตลาด คือกลอนผสม หรือกลอนคละ ไม่กำหนดคำตายตัว
เหมือนกลอนสุภาพ ในกลอนบทหนึ่ง อาจมีวรรคละ ๗ คำบ้าง ๘ คำบ้าง
๙ คำบ้าง คือเอากลอนสุภาพ หลายชนิด มาผสมกัน นั่นเอง
เป็นกลอนที่ นิยมใช้ ในการขับร้องแก้กัน ทั่วๆ ไป จึงเรียกว่า กลอนตลาด
แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ

๑. กลอนเพลงยาว
๒. กลอนนิราศ
๓. กลอนนิยาย
๔. กลอนเพลงปฏิพากย์

บทของกลอน
คำกลอนวรรคหนึ่ง เรียกว่า กลอนหนึ่ง สองวรรค หรือสองกลอน เรียกว่า บาทหนึ่ง
หรือคำหนึ่ง สองคำ หรือสองบาท หรือสี่วรรค หรือสี่กลอน เรียกว่า บทหนี่ง
วรรคทั้งสี่ของกลอน ยังมีชื่อเรียกต่างๆ กัน และนิยมใช้เสียงต่างๆ กันอีก คือ
๑. กลอนสลับ ได้แก่ กลอนวรรคต้น คำสุดท้าย ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ
แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม
๒. กลอนรับ ได้แก่ กลอนวรรคที่สอง คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงจัตวา
ห้ามใช้เสียงโท, สามัญ, ตรี, และวรรณยุกต์เอกมีรูป วรรณยุกต์เอกไม่มีรูป
ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้าย ของกลอนรอง เป็นเสียงตรี
๓. กลอนรอง ได้แก่ กลอนวรรคที่สาม คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ
ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์
๔. กลอนส่ง ได้แก่ กลอนวรรคที่สี่ คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ
ห้ามใช้คำตาย และคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี บ้างก็ได้

ที่มา http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/klon/index.html

ปีศาจ
08-31-2009, 12:20 PM
ข้อควรจำในการแต่งกลอน(ต่อครับ)
๘ คำที่ออกเสียงเหมือนกันแต่สระต่างชนิดกันห้ามใช้สัมผัสกัน เช้า-ข้าว ฯลฯ
๙ คำที่มีเสียงเดียวกันแม้จะเขียนต่างกันและมีความหมายต่างกันก็ห้ามใช้สัมผัสกัน
๑๐ คำที่ออกเสียง "ไอ" แม้จะเขียนต่างกันแต่เป็นสระอะมี ย สะกดเหมือนกันใช้สัมผัสกันได้
๑๑ คำที่ออกเสียงใกล้เคียงกันก็ไม่นิยมใช้สัมผัสกัน
๑๒ หลวงธรรมภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ไม่นิยมคำเอกหรือโทตรงที่สุดของวรรครับและรอง ซึ่งเรยกว่าระลอกฉลอง และไม่นิยมคำเอกหรือคำโทตรงสุดของวรรคส่งซึ่งเรียกว่าระลอกทับ (แต่ปัจจุบันนิยมใช้กันหลายคน)

ปีศาจ
08-31-2009, 12:58 PM
กลอนสักวา

กฎ
๑. ขึ้นต้นด้วย สักวา ลงท้ายด้วย เอย
๒. หนึ่งบทมี ๔ คำกลอน(๑ คำกลอนคือสองบาท)หากจะแต่งต่อไปอีกให้ขึ้นบทสักวาใหม่ ไม่ต้องมีสัมผัสต่อเนื่องกัน
๓. แต่ละวรรคใช้คำ ๖ - ๙ คำก็ได้


ที่มา : จากหนังสือหลักการประพันธ์
โดยอาจารย์เริงชัย ทองหล่อ

สวัสดีครับ

piangfan
08-31-2009, 01:06 PM
สวัสดีค่ะ อาจารย์เดฟ อาจารย์ดาว คุณป้าวรรณ ลุงโจ
พี่ปิศาจ พี่ปลายฟ้า พี่นพ ทั่นยาย ลุงบีบี พี่เกิดแก่
ลุงเปา พี่พญามาร ครูวิทย์ พี่โดด พี่อ๋อย พี่รักกี้
คุณน้องรัก คุณเล็ก เจ้าป้าฯ และญาติธรรมทุกท่านค่ะ

ขอบคุณพี่ปลายฟ้า พี่ปิศาจค่ะ สาธุค่ะ

ปีศาจ
09-01-2009, 05:19 PM
หลักการแต่งโคลง

๑. สัมผัส นอกจากสัมผัสนอกแล้วควาฃรมีสัมผัสในอีกสองอย่างคือ
ก. สัมผัสภายในวรรค
ข. สัมผัสพยัญชนะระหว่างวรรคในบาทเดียวกัน
ตัวอย่าง
0 0 0 0 1 1 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 1 1 0
0 0 0 0 1 1 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 1 1 0 0 0

๒. คำที่เจ็ดของบาทที่หนึ่ง คำที่ห้าของบาทที่สองและสาม กับคำสุดท้ายของวรรคที่ของบาทที่สี่ไม่ควรใช้คำที่มีรูปของวรรณยุกต์ ถ้าใช้เสียงจัตวาจะไพเราะยิ่งขึ้น
๓. ตำแหน่งเอก ใช้คำที่มีรูปเอกหรือคำตายเท่านั้น
ตำแหน่งโท ใช้คำที่มีรูปโทเท่านั้น
๔. คำสร้อย ให้เขียนห่างเล็กน้อยเมื่อความในวรรคหน้ายังไม่เต็มความ
๕. การสลับเอกโท ในบาทแรกของโคลงสี่สุภาพ ให้คำที่ ๔ ที่มีตำแหน่งอกสลับกับคำที่ห้าที่มีตำแหน่งโทได้ ตามตำราโคลงเรียกว่ ดุล
๖. โคลงสี่สุภาพหนึ่งบทจะมี ๓๐ คำบ้าง ๓๒ คำบ้าง ๓๔ คำบ้าง ๓๖ คำบ้าง
๗. บาทแรกต้องย่อหน้าทุกครั้ง
๘. ถ้าแต่งหลายบทเป็นเรื่องเป็นราวอย่างลิลิตต้องมีสัมผัสเชื่อมระหว่างบท หรือที่เรียกว่า ร้อยโคลง เช่น

0 0 0 0 0 0 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 0 0 0
0 0 0 0 0 0 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 0 0 0 0 0
0 0 0 0 0 0 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 0 0 0
0 0 0 0 0 0 0 ( 0 0 )
0 0 0 0 0 0 0 0 0
ดังตัวอย่างคำสุดท้ายของบาทที่สี่ จะสัมผัสสระกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของบทใหม่

สวัสดีครับ

paobunjin
09-04-2009, 04:33 AM
สระใอ ไม้ม้วน
ผู้ใหญ่ หาผ้า ใหม่ให้ สะใภ้ใช้ คล้องคอ
ใฝ่ใจ เอาใส่ห่อ มิ หลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัวหูตามัวมาใกล้เคียง
เร่งท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี

เอาหญ้าปากคอกง่ายๆมาฝากนะครับ
เผื่อว่าจะหลงๆลืมๆ ฮา ฮา

ปีศาจ
09-07-2009, 12:21 PM
การแต่งร่ายสุภาพ

๑. คำสุดท้ายของวรรคหน้าจะส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคถัดไป
๒. แต่ละวรรคมีเพียง ๕ หรือ ๖ คำ
๓. ต้องจบด้วยโคลงสอง (ร่ายไม่จำกัดความยาว)
๔. ถ้าคำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสเป็นรูปเอกโท คำที่รับในวรรคถัดไปจะต้องเป็นรูปเอกหรือโท
๕. ถ้าคำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสเป็นคำเป็นหรือคำตาย คำที่รับสัมผัสในวรรคต่อไปต้องเป็นคำเป็นหรือคำตาย

plyfha
09-11-2009, 06:44 PM
กลบท
กลบท คือ การประดิษฐ์ คิดแต่งคำประพันธ์ ให้มีลักษณะ แปลกไปจากเดิม
โดยลักษณะ บังคับเดิม ของคำประพันธ์นั้น ยังคงใช้อยู่ครบถ้วน
แต่แต่งเพิ่มเติมขึ้นให้ต้องตามลักษระของกล คำประพันธ์ ที่แต่งเป็น กลได้มีทั้ง
โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย ซึ่งสามารถแต่งได้เป็น ๒ แบบ
คือ แบบกลอักษร และแบบ ซ่อนรูป (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลแบบ)
ตำรากลบทของไทย มีอยู่ด้วยกัน ๓ เรื่องคือ
๑. จินดามณี แต่งขึ้นใน สมัยอยุธยา ตอนกลาง ผู้แต่งคือ พระโหราธิบดี
๒. ศิริวิบุลกิตติ์ แต่งในสมัย อยุธยา ตอนปลาย ผู้แต่งคือ หลวงศรีปรีชา (เซ่ง)
๓. ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ เกิดขึ้นในสมัย รัชกาลที่ ๓
ชนิดของกลบท
จำแนกออกเป็นหมวดใหญ่ๆ ได้ ๕ ประเภทคือ

๑. ชนิดบังคับเสียง แบ่งเป็นลักษณะย่อย ๕ อย่างคือ

๑.๑ บังคับเสียงสระ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot1-1.htm)
๑.๒ บังคับเสียงพยัญชนะ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot1-2.htm)
๑.๓ บังคับเสียงสระและพยัญชนะ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot1-3.htm)
๑.๔ บังคับวรรณยุกต์ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot1-4.htm)
๑.๕ บังคับเสียงสั้น-ยาว, หนักเบา (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot1-5.htm)

๒. ชนิดบังคับคำ

๒.๑ ซ้ำคำต้นวรรคในลักษณะกระทู้ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-1.htm)
๒.๒ ซ้ำคำในวรรคเดียวกัน (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-2.htm)
๒.๓ ซ้ำคำข้ามวรรค (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-3.htm)
๒.๔ ซ้ำคำใดคำหนึ่งตลอดบท (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-4.htm)
๒.๕ ซ้ำคำถอยหลังในวรรคเดียวกัน (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-5.htm)
๒.๖ ซ้ำคำถอยหลังข้ามวรรค (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot2-6.htm)

๓. ชนิดบังคับทั้งเสียงและคำ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot3-0.htm)
๔. ชนิดบังคับอักขรวิธี (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot4-0.htm)
๕. ชนิดบังคับฉันทลักษณ์ (http://www.geocities.com/bot_kawee/kolbot5-0.htm)

ปีศาจ
09-17-2009, 05:24 PM
ลิลิต
ลิลิต. คือการแต่งคําประพันธ์ ร่ายสลับกับโคลง แต่งเป็นเรื่องยาวๆร่ายและโคลง
ที่เข้าลิลิตนั้น ท้ายบทคําที่สุดของร่ายก็ดี ต้องส่งไปสัมผัสคัาที่ 1 หรือ 2 หรือ ที่ 3
ในวรรคต้นของบทต่อไป ให้เนืองกันตลอดทุกๆบท จะเรียกว่าร้อยโคลง หรือเรียนว่า
" เข้าลิลิต"
ลักษณะสําคัญของลิลิต มีอยู่คือ ในต้นเรื่อง ต้องแต่งเป็น "ร่ายนํา" ก่อนหนึ่งบท
เมื่อต่อไปจึงสลับกับโคลงตามแต่จะต้องการให้ไพเราะ จนถึงสุดท้ายของเรื่องนั้น
ก็ควรแต่งเป็นร่ายส่งในที่สุดจบอีกตอนหนึ่ง จึงจะถูกต้องตามลักษณะลิลิต
ลักษณะการแต่งลิลิต ความตอนใดที่ความยาวๆ ที่ต้องการบรรยายหรือพรรณนาให้
ต่อเนื่องกันยาวๆ ก็ควรเป็นร่าย แต่ก็ไม่จําเป็นให้เป็นแบบแผนทีเดียว
โคลงและร่ายที่ใช้แต่งเข้าลิลิตนั้นคือ ร่ายสุภาพ ร่ายโบราณ โคลงสุภาพแต่งเข้าสัมผัสกันเป็นลิลิต
ในแต่ล้วนสุภาพด้วยกัน
ฝ่ายโคลงดั้นและร่ายดั้น ถ้าแต่งเข้าลิลิตเป็นลิลิตดั้นอีกพวกหนึ่งคัาที่สุดบทต้องไป
เข้ากับสัมผัส คําที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ของบทต่อไป เหมือนกับลิลิตสุภาพ เว้นแต่บทต่อไป
เป็นโคลง 4 ดั้น ต้องให้เข้าสัมผัสกับคําที่ 5 บาท 2 ตามแบบแผนโคลงดั้น
ลักษณะของสร้อยในร่ายที่ใช้เข้าลิลิต คือ ถ้าบทใดต้องการให้เพราะพริ้งไปกว่าธรรมดา
ใช้ "วลี" หรือ "สร้อย" สลับระหว่างวรรคได้ แต่สร้อยชนิดนั้นจะเติมไม่ได้อยู่ 2 แห่ง
คือ ข้างท้ายร่ายต่อสัมผัสโท ที่เป็นสัมผัสส่งแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นเติมได้ทุกวรรค
ตัวอย่างลิลิตที่ควรอ่านนั้นนั้นให้อ่านดูในเรื่องลิลิตยวนพ่าย โคลงดั้น ลิลิตพระลอ
ลิลิตตะเลงพ่าย และ ลิลิตนิทราชาคริต เป็นลิลิตที่ไพเราะกว่าเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง
ข้อควรคํานึง คือ พึงอ่านให้ได้รสไพเราะ ทั้งเสียง จังหวะ และสัมผัส อัน กลมกลืนกัน
อย่าพยายามคํานึงถึงความหมายหรือคําแปลของบทประพันธ์นั้นๆมากเกินไป
เพราะถ้อยคําภาษาที่ใช้ ในการแต่งบทร้อยกรอง เราไม่อาจถอดความหมาย หรือคําแปลคําต่อคําได้
แต่ให้ดูในด้านความหมายของอรรถรส
โดยเอาความและความไพเราะเหมาะเจาะเป็นสําคัญ บางครั้งบางคราวตัวละครใน
เรื่องก็ดี ฉากสถานที่ก็ดี ไม่เป็นส่วนสําคัญเท่าอรรถรส

ที่มา http://www.geocities.com/bandokbua/rai.htm

ปีศาจ
09-17-2009, 05:26 PM
ร่ายด้น
ศรีสิทธิสวัสดิ์......ชยัศดุมงคล......วิมลวิบุล......อดุลยาดิเรก
เอกภูธรกรกช......ทสนัชสมุขชลิต.......วิกสิตสโรดม....บรมนพอภิวาท
บาทรโชพระโคดม.....สมนุพระสัทธรรมาทิตย์.....บพิตรมหิทธิมเหาฬาร

( ตัวอย่าง ลิลิตยวนพ่าย )

คณะ ไม่กําหนดว่าวรรคละกี่คํา อาจจะเป็นวรรคละ 4 คํา 5 คํา 6 คํา หรือ 7 คําก็ได้
แต่สุดท้ายของร่ายดั้น ต้องเอาบาท 3 และ บาท 4 ของโคลง 4 ดั้น
คําเป็นคําตาย การส่งสัมผัส คําเป็นต้องรับด้วยคําเป็น คําตายต้องรับด้วยคําตาย
คําตายผันวรรณยุกต์โท ห้ามไม่ให้ใช้แทนคําโท คําตายห้ามไม่ให้ใช้คําที่สุดบท

ที่มา http://www.geocities.com/bandokbua/rai.htm (http://www.geocities.com/bandokbua/rai.htm)

ปีศาจ
09-17-2009, 05:28 PM
ร่ายยาว
ดูก่อนพ่อผู้เป็นเอคอัครชาติเฉลิมวงศ์.......พระบิดามาลุ่มหลงเชื่อคําชาวพระนคร
จึงมาขับพ่อหน่อนเรศวร์ราชอุทรผู้นิรโทษ......กระทําให้เสื่อมสูญเสียประโยชน์วุฒิอันตราย
ก็เป็นกรรมทารุณกําเริบร้ายพิปริตผิดอยู่แล้ว อนึ่งคือ พระลูกแก้ว .....เกิดกับอกยกย่องอย่างอภิชาติเช่นปิโยรส
( ตัวอย่างร่ายยาว )
คณะ ไม่กําหนดคํา ตั้งแต่ 5 คําขึ้นไปจนถึง 13 .14 คําต่อวรรคก็ได้
การส่งสัมผัส ส่งคําท้ายวรรคต้น ไปยังคําใดคําหนึ่งในวรรคต่อไปแต่ไม่ให้อยู่ในคําสุดท้าย
ให้คงอยู่ต้นหรือกลางวรรค ร่ายยาวไพเราะด้วยคําที่มาเรียบเรียง ไม่มีบังคับ เอก โท อันใด

ที่มา http://www.geocities.com/bandokbua/rai.htm (http://www.geocities.com/bandokbua/rai.htm)

ปีศาจ
09-18-2009, 12:37 PM
โคลง ๒ สุภาพ Khloong 2 Suphaap
แผน:
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/pix/k2s.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k2s.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k2s.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/ex/k2s.gif

โคลง ๓ สุภาพ Khloong 3 Suphaap
แผน:
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/pix/k3s.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k3s.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k3s.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/ex/k3s.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k3s2.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k3s2.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/ex/k3s2.gif

โคลง ๔ ตรีพิธพรรณ Khloong 4 Triiphitthaphan
แผน:
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/pix/k4tri.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k4tri.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k4tri.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/ex/k4tri.gif

http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/index.html#k2s

ปีศาจ
09-18-2009, 12:39 PM
โคลง ๕ (โคลงมณฑกคติ) Khloong 5
โคลง ๕ (โคลงมณฑกคติ) เป็นคำประพันธ์ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไทยเพียงเรื่องเดียวคือ ลิลิตโองการแช่งน้ำ พระโหราธิบดีได้กล่าวึงลักษณะของชนิดโคลงนี้ไว้ในหนังสือจินดามณีว่า ประกอบด้วย วรรคหรือบาทละ ๕ คำ บังคับเอกโท เช่นเดียวกับโคลงทั่วไป แต่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้ และบอกไม่ได้ ว่ามีการวางรูปแบบเป็นอย่างไร
ตัวอย่าง: <!-- http://www.watkoh.com/board/.../../pix/icons/ra.gif (http://snd/khloong5.ram) http://www.watkoh.com/board/.../../pix/icons/wav.gif (http://snd/khloong5.wav) -->
แลมีค่ำมิ่วนน กินสาลีเปลือกปล้อน บมีผู้ต้อนแต่ง บรรณาฯ
เลือกผู้ยิ่งยศสา เปนราชาอคร้าว เรียกนามสมมตจ้าว จึ่งต้องท้าวเจ้าแผ่นดินฯ
-จาก ลิลิตโองการแช่งน้ำ-

โคลง ๔ จัตวาทัณฑี Khloong 4 Cattawaathanthii
แผน:
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/pix/k4jat.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k4jat.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/snd/k4jat.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/ex/k4jat.gif

http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/supharp/index.html#k2s

ปีศาจ
09-18-2009, 12:41 PM
โคลงดั้น Khloong Dan
[/URL]โคลง ๒ ดั้น Khloong 2 Dan
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k2d.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k2d.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k2d.gif

โคลง ๓ ดั้น Khloong 3 Dan
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k3d.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k3d.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k3d.gif
โคลงดั้นวิวิธมาลี Khloongdan Wiwitthamaalii
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k4dvivid.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4dvivid.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4dvivid.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k4dvivid.gif
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/index.html

ปีศาจ
09-18-2009, 12:42 PM
[/URL]โคลงดั้นบาทกุญชร Khloongdan Baatkunch@@n
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k4dbaht.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4dbaht.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k4dbaht.gif
โคลงดั้นตรีพิธพรรณ Khloongdan Triiphitthaphan
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k4dtri.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4dtri.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k4dtri.gif

โคลงดั้นจัตวาทัณฑี Khloongdan Cattawaathanthi
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/pix/k4djat.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4djat.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/snd/k4djat.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/ex/k4djat.gif

http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/dun/index.html

plyfha
09-22-2009, 04:07 PM
กลบทต่อ

บังคับเสียงสระ


โคลง: กลบทสายไหม

O O O O X O X
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๕ กับคำที่ ๗ ทุกบาท



โคลง: สีหติกำกาม

O X X O O O O
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒-๓ ทุกบาท



โคลง: โตเล่นหาง แบบที่ ๑

O O O O X X O
บังคับให้ซ้ำเสียงพยัญชนะในคำที่ ๕-๖ ทุกบาท



โคลง: โตเล่นหาง แบบที่ ๒

O O O O X X O
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๔-๕ และซ้ำเสียงพยัญชนะในคำที่ ๕-๖ ทุกบาท



กลอน:โตเล่นหาง, สิงโตเล่นหาง
O O O O X X O O
บังคับใช้ซ้ำเสียงสระ ในคำที่ ๕-๖ ทุกวรรค

กลอน: ช้างชูงวง

O O X X O X X O O
บังคับซ้ำเสียงสระในคำที่ ๓-๔ กับ ๖-๗ ทุกวรรค


กลอน: บาทเลื่อนล้า
บังคับซ้ำเสียงสระเดียวกันตลอดบท
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู

ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
หนูสู่รูงูงู สุดสู้
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
(กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง)

โคลง: พิไสยลมภอ
บังคับซ้ำเสียงสระเดียวกันตลอดบท
ใส่ใจใครใกล้ใช่ ใจไกล
ใจใครไปใช่ไหน ไป่ได้
ใจใจใครไชไช ใจใฝ่ ไปสรอย
ใจใคร่ไปไจ้ไจ้ ไปได้ไปไช
(จินดามณี)

ปีศาจ
09-23-2009, 07:42 AM
โคลงวิชชุมาลี Khloong Witchumaalii
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/pix/kbvichu.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbvichu.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbvichu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbvichu.gif

โคลงมหาวิชชุมาลี Khloong Mahaawitchumaalii
แผน:
เหมือนกับวิชชุมาลี เป็นแต่เพิ่มคำในบาทสุดท้าย เข้าอีก ๒ คำเท่านั้น
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmvichu.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmvichu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbmvichu.gif

โคลงจิตรลดา Khloong Citladaa
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/pix/kbjit.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbjit.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbjit.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbjit.gif

โคลงมหาจิตรลดา Khloong Mahaacitladaa
แผน: เหมือนกับจิตรลดา แต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้าย อีก ๒ คำ
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmjit.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmjit.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbmjit.gif

ที่มา : http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/index.html (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/index.html)

ปีศาจ
09-23-2009, 07:43 AM
โคลงสินธุมาลี Khloong Sinthumaalii
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/pix/kbsintu.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbsintu.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbsintu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbsintu.gif

โคลงมหาสินธุมาลี Khloong Mahaasinthumaalii
แผน: เหมือนกับสินธุมาลี แต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้าย อีก ๒ คำ
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmsintu.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmsintu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbmsintu.gif

โคลงนันททายี Khloong Nanthathaayii
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/pix/kbnanta.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbnanta.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbnantu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbnanta.gif

โคลงมหานันททายี Khloong Mahaananthathaayii
แผน: เหมือนนันททายี แต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้าย อีก ๒ คำ
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmnanta.wav) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/snd/kbmnanta.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/ex/kbmnanta.gif

ที่มา : http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/khloong/bowlarn/index.html

ปีศาจ
09-23-2009, 07:47 AM
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ kaapsuraangkhanaang 28
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/pix/surang28.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/surang28.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/surang28.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/surang28.gif
[HR]ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/surang29.gif
[HR]ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/surang30.gif
กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒ kaapsuraangkhanaang 32
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/pix/surang32.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/surang32.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/surang32.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/surang32.gif

ที่มา http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/index.html

ปีศาจ
09-23-2009, 07:48 AM
๔. กาพย์ห่อโคลง
กาพย์ห่อโคลง เป็นชื่อของบทประพันธ์ ที่แต่งขึ้น โดยใช้กาพย์ยานี สลับกับ โคลงสี่สุภาพ กาพย์ยานี กับ โคลงสี่สุภาพนั้น จะต้องมีความอย่างเดียวกัน คือให้วรรคที่หนึ่ง ของกาพย์ยานี กับบาทที่หนึ่ง ของโคลงสี่สุภาพ บรรยายข้อความ อย่างเดียวกัน หรือบางที ก็ให้คำต้นวรรค ของกาพย์ กับคำต้นบท ของโคลง เป็นคำเหมือนกัน ส่วนบัญญัติ หรือกฏข้อบังคับต่างๆ เหมือนกับ กฏของกาพย์ยานี และโคลงสี่สุภาพ ทั้งสิ้น
ลักษณะการแต่งกาพย์ห่อโคลง แบ่งออกได้เป็น ๓ ชนิด คือ
๑.แต่งกาพย์ยานีหนึ่งบท แล้วแต่งโคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีเนื้อความเช่นเดียว กับกาพย์ยานี หนึ่งบท สลับกันไป ชนิดนี้ มักแต่งเป็นเรื่องสั้นๆ เป็นเชิงประกวดฝีปาก หรือสำนวน อย่างแต่งโคลงกระทู้ หรือกลอนกลบท ดังตัวอย่าง เช่น
[/URL][URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/horkong.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/horkong.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/horkong.gif
๒.เหมือนชนิดที่ ๑ แต่กลับกันคือเอาโคลงไว้หน้า เอากาพย์ไว้หลังเรียงสลับกันไป
๓.แต่งโคลงบทหนึ่ง แล้วแต่งกาพย์ พรรณาข้อความยืดยาว จนสุดกระแสความ ตามจุใจ จะแต่งกาพย์ ยาวสักกี่บท ก็ได้ แต่ต้องให้บทต้น มีเนื้อความ เช่นเดียวกับโคลง ส่วนบทต่อๆ ไป จะขยายความรำพัน ให้พิศดารอย่างไรก็ได้ ชนิดที่ ๓ นี้ มักนิยมแต่ง เป็นบทเห่เรือ จึงเรียกชื่อ อีกอย่างหนึ่งว่า กาพย์เห่เรือ ตัวอย่างเช่น
http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/heyrauy.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/heyrauy.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/heyrauy.gif

กาพย์ขับไม้ห่อโคลง kaap khapmayh@@khloong
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/pix/kabmai.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/kabmai.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/snd/kabmai.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/ex/kabmai.gif
ที่มา http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/index.html (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/kaap/index.html)

ปีศาจ
10-06-2009, 11:43 AM
ฉันท์ คือลักษณะถ้อยคำ ที่กวีได้ร้อยกรองขึ้น ไห้เกิดความไพเราะ ซาบซึ้ง โดยกำหนดคณะ ครุลหุ และสัมผัสไว้ เป็นมาตรฐาน
ฉันท์นี้ไทยได้ถ่ายแบบมาจากอินเดีย ของเดิมแต่งเป็นภาษาบาลี และสันสกฤต โดยเฉพาะในภาษาบาลี เขามีตำราที่กล่าวถึง วิธีแต่งฉันท์ไว้ เป็นแบบฉบับ เรียกชื่อว่า "คัมภีร์วุตโตทัย" แล้วต่อมาไทยเราได้จำลองแบบ มาแต่งในภาษาไทย โดยเพิ่มเติม บังคับสัมผัสขึ้น เพื่อให้เกิดความไพเราะ ตามแบบนิยมของไทย ซึ่งในภาษาเดิมของเขา หามีไม่
ฉันท์ในภาษาบาลี แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ฉันท์วรรณพฤติ กับฉันท์มาตราพฤติ
ฉันท์ใด กำหนดด้วยตัวอักษร คือ วางคณะ และกำหนดเสียงหนักเบา ที่เรียกว่า ครุลหุ เป็นสำคัญ ฉันท์นั้นเรียกว่า วรรณพฤติ
ฉันท์ใด กำหนดด้วยมาตรา คือ วางจังหวะสั้นยาว ของมาตราเสียง เป็นสำคัญ นับคำลหุเป็น ๑ มาตรา คำครุ นับเป็น ๒ มาตรา ไม่กำหนดตัวอักษร เหมือนอย่างวรรณพฤติ ฉันท์นั้นเรียกว่า มาตราพฤติ
ฉันท์มีชื่อต่างๆตามที่ปรากฏในคัมภีร์วุตโตทัยมีถึง ๑๐๘ ฉันท์ แต่ไทยเราดัดแปลง เอามาใช้ไม่หมด เลือกเอามาแต่เฉพาะที่เห็นว่าไพเราะ มีทำนองอ่านสละสลวย และเหมาะแก่การที่จะบรรจุคำในภาษาไทยได้ดี เท่านั้น
ฉันท์ที่นิยมแต่งในภาษาไทย เป็นฉันท์วรรณพฤติเป็นพื้น ที่เป็นมาตราพฤติ ไม่ใคร่จะนิยมแต่ง เพราะจังหวะ และทำนองที่อ่านในภาษาไทย ไม่สู้จะไพเราะ เหมือนฉันท์วรรณพฤติ แม้ฉันท์วรรณพฤติ ที่ท่านแปลงมาเป็นแบบในภาษาไทยแล้ว ก็ไม่นิยมแต่งกันทั้งหมด เท่าที่สังเกตดู ในคำฉันท์เก่าๆ มักนิยมแต่งกันอยู่เพียง ๖ ฉันท์เท่านั้น คือ
- อินทรวิเชียรฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11inta) - โตฎกฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12tho) - วสันตดิลกฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#14wasan) - มาลินีฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#15mali) - สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#19sat) - สัทธราฉันท์ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#21satra)
แต่ท่านมักแต่งกาพย์ฉบัง และกาพย์สุรางคนางค์ ปนไปกับฉันท์ด้วย และคงเรียกว่า คำฉันท์เหมือนกัน
เหตุที่โบราณนิยมแต่งเฉพาะ ๖ ฉันท์ คงเป็นเพราะฉันท์ทั้ง ๖ นั้น สามารถจะแต่งเป็นภาษาไทยได้ไพเราะกว่าฉันท์อื่นๆ และท่านมักนิยมเลือกฉันท์ ให้เหมาะกับบทของท้องเรื่อง เป็นตอนๆ เช่น

บทไหว้ครู นิยมใช้ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ หรือ สัทธราฉันท์ บทชมหรือบทคร่ำครวญ นิยมใช้ อินทรวิเชียรฉันท์ หรือ วสันตดิลกฉันท์ บทสำแดงอิทธิฤทธิ์หรืออัศจรรย์ นิยมใช้ โตฎกฉันท์ (แต่คำฉันท์เก่าๆไม่ใคร่นิยมใช้ โตฎกฉันท์) บทดำเนินความยาวๆ ในท้องเรื่อง นิยมใช้ กาพย์ฉบัง หรือ กาพย์สุรางคนางค์
ในปัจจุบันนี้นิยมแต่งภุชงคประยาตฉันท์ เพิ่มขึ้นอีกฉันหนึ่ง และมักใช้แต่ง ในตอนพรรณนาโวหารหรือ ข้อความที่น่าตื่นเต้น
การแต่งฉันท์ ต้องบรรจุคำให้ครบ ตามจำนวนที่บ่งไว้ จะบรรจุคำให้เกินกว่ากำหนด เหมือนการแต่ง โคลง กลอน และกาพย์ ไม่ได้ เว้นไว้แต่อักษรนำ อนุญาตให้เกินได้บ้าง แต่บัดนี้ ไม่ใคร่นิยมแล้ว คำใดที่กำหนดไว้ว่า เป็นครุและลหุ จะต้องเป็น ครุและลหุจริงๆ และเป็นได้ แต่เฉพาะ ตรงที่บ่งไว้ เท่านั้น จะใช้ครุและลหุ ผิดที่ไม่ได้ คำ บ ก็ดี คำที่ประสมด้วย สระอำ ในแม่ ก กา ก็ดี ใช้เป็นลหุได้ แต่บัดนี้คำที่ประสมด้วยสระอำ ไม่ใคร่นิยมใช้ เพราะถือว่า เป็นเสียงที่มีตัวสะกดแฝงอยู่ด้วย
ฉันท์ทั้ง ๒๕ ชนิด มีชื่อ และลักษณะต่างๆ กัน ดังจะได้อธิบาย ต่อไปนี้

๑.จิตรปทาฉันท์ ๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#08jita) ๒. วิชชุมาลาฉันท์ ๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#08vichu) ๓. มาณวกฉันท์ ๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#08mana) ๔. ปมาณิกฉันท์ ๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#08pama) ๕. อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11upat) ๖. อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11inta) ๗. อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11upen) ๘. อุปชาติฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11upa) ๙. สาลินีฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11sali) ๑๐. อาขยานิกาฉันท์ ๑๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11arka) ๑๑. วังสัฏฐฉันท์ ๑๒ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12wang) ๑๒. อินทวงสฉันท์ ๑๒ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12inta) ๑๓. โตฎกฉันท์ ๑๒ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12tho) ๑๔. ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12phu) ๑๕. กมลฉันท์ ๑๒ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#12kamol) ๑๖. วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#14wasan) ๑๗. มาลินีฉันท์ ๑๕ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#15mali) ๑๘. ประภัททกฉันท์ ๑๕ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#15pra) ๑๙. วาณินีฉันท์ ๑๖ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#16wani) ๒๐. กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ ๑๘ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#18kusu) ๒๑. เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ ๑๙ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#19mek) ๒๒. สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#19sat) ๒๓. อีทิสฉันท์ ๒๐ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#20etis) ๒๔. สัทธราฉันท์ ๒๑ (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#21satra)

ปีศาจ
10-06-2009, 11:44 AM
๑. จิตรปทาฉันท์ ๘ cittapathaachan 8
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/08jita.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/08jita.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/08jita.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/08jita.gif
[HR][/URL]๒. วิชชุมาลาฉันท์ ๘ witchumaalaachan 8
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/08vichu.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/08vichu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/08vichu.gif
<!--ลมโลมกฤษณา บุปผารำเพยโอ้ดอกไม้เอ๋ย หอมซึ้งตรึงใจยามจิตเศร้าสร้อย เก็บร้อยมาลัยลืมทุกข์โทษภัย ดวงใจชื่นบานดมกลิ่นสิ้นทุกข์ ดื่มสุขสดจิตดอกไม้เป็นมิตร ชวนฉ่ำสำราญเย็นตาเย็นใจ มองไม่รำคาญปรีดาอาการ แย้มยิ้มพริ้มพราย-->
[HR]๓. มาณวกฉันท์ ๘ maanawakkachan 8
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/08mana.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/08mana.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/08mana.gif <!-- ขมติณชาติ ดาษปถพิน
ดลฤดิจินต์ รื่นหฤทัย
แลตะละต้น พ้นพจิไข
ฝนชะระใบ ดอกผลิพะพราว
ก้านเกะกะซ้อน ชอนระกะพราว
เป็นระยะกลาด เกลื่อนคละระนาว
หลากพิธพรรณ สรรพปะคราว
ออกผลราว กับวชริน-->
[HR]๔. ปมาณิกฉันท์ ๘ pamanikkachan 8
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/08pama.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/08pama.gif
[HR] (http://<A)๕. อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ upatthitaachan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11upat.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11upat.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11upat.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11upat.gif
[HR]๖. อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ intharawichianchan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11inta.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11inta.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11inta.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11inta.gif

ปีศาจ
10-06-2009, 12:00 PM
๗. อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ upeenthrawichianchan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11upen.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11upen.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11upen.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11upen.gif
[HR][/URL]๘. อุปชาติฉันท์ ๑๑ upachaatchan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11upa.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11upa.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11upa.gif
[HR]๙. สาลินีฉันท์ ๑๑ saaliniichan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11sali.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11sali.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11sali.gif
[HR]๑๐. อาขยานิกาฉันท์ ๑๑ akhayaattachan 11
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/11arka.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra-.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav-.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/11arka.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/11arka.gif
[HR]๑๑. วังสัฏฐฉันท์ ๑๒ wangsatthachan 12
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/12wang.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A)http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12wang.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/12wang.gif
[HR]๑๒. อินทวงสฉันท์ ๑๒ inthawongchan 12
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/12inta.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12inta.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A)http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12inta.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/12inta.gif

ปีศาจ
10-06-2009, 12:01 PM
๑๓. โตฎกฉันท์ ๑๒ toodokkachan 12
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/12tho.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12tho.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12tho.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/12tho.gif
[HR][/URL]๑๔. ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ phuchongkhapayaatchan 12
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/12phu.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12phu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/12phu.gif
[HR]๑๕. กมลฉันท์ ๑๒ kammalachan 12
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/12kamol.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/12kamol.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/12kamol.gif
[HR]๑๖. วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ wasantadilokchan 14
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/14wasan.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/14wasan.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/14wasan.gif
[HR]๑๗. มาลินีฉันท์ ๑๕ maaliniichan 15
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/15mali.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/15mali.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/15mali.gif
[HR]๑๘. ประภัททกฉันท์ ๑๕ prapatthakachan 15
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/15pra.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/15pra.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/15pra.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/15pra.gif

ปีศาจ
10-06-2009, 12:03 PM
๑๙. วาณินีฉันท์ ๑๖ waniniichan 16
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/16wani.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/16wani.ram) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/16wani.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/16wani.gif
[HR][/URL]๒๐. กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ ๑๘ kusumittaladawellitachan 18
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/18kusu.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/18kusu.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/18kusu.gif
[HR]๒๑. เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ ๑๙ mekkhawipaphutchitachan 19
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/19mek.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/19mek.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/19mek.gif
[HR]๒๒. สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ satthunlawikkiilitachan 19
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/19sat.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/19sat.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/19sat.gif <!--แสงทองส่องขณะตื่นระรื่นกมลรมย์ กระจายครู่เดียวก็จางจมท้องฟ้ามืดมนฝ้าวลาหกมิคลาย ประพรมเมฆฝนก็โปรยปรายแล้วเริ่มหลั่งชลพินทุทั่วธรณิถม กระพือถั่งท้นทวีลมครืนครืนครั่นแน่ะสนั่นถนัดปะทะระบือ วะหวามหวืดหวืดวะหวือหวือเปรี้ยงเปรี้ยงแปลบประวะแวบวะวับอสนิวาม นิคมฟาดลั่นสนั่นคามพื้นแผ่นดินชระอุ่มชะชุ่มแฉะเฉอะเลอะตม ถนนโคลนเหม็นกระเซ็นพรมใครใครหมายธนทรัพย์ก็จับธุระละตน ชะเชยเปียกชุ่มเพราะสายชลสงสารแต่นรชาติอนาถทุคตะเอ๋ย เพราะจนผืนเดียวแหละนุ่งเคยจนทรัพย์แสนจะเทวษทุเรศระอุกมล ก็โหยตัวเองจะเพ่งตน-->
[HR]๒๓. อีทิสฉันท์ ๒๐ iithisachan 20
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/20etis.gif
ตัวอย่าง: http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/20etis.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/20etis.gif <!--ฟังวจีฤดีระลึกพระคุณ ณ ท่านบิดาอุสาหะหนุนมโนหาท่านแนะทางละอย่างวิเศษวิศาล เพราะเหตุและผลและกิจการก็สมกันควรดนัยจะใฝ่มนัสตริสรร วิถีวิวัฒนาอนันต์และดำเนินเนาสราสุขาภิรมย์เผชิ อเนกโภคทรัพย์ประเมินประมาณหลาย-->
[HR]๒๔. สัทธราฉันท์ ๒๑ satthraachan 21
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/pix/21satra.gif
ตัวอย่าง: [URL=http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/21satra.ram]http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/ra.gif (http://<A) http://thaiarc.tu.ac.th/pix/icons/wav.gif (http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/snd/21satra.wav)
http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/ex/21satra.gif

plyfha
10-06-2009, 01:27 PM
บังคับเสียงพยัญชนะ

กลอน: อักษรล้วน แบบที่ ๑

บังคับเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดวรรค



กลอน: อักษรล้วน แบบที่ ๒

บังคับเสียงพยัญชนะสามเสียงทุกวรรค



โคลง: อักษรล้วน แบบที่ ๑

บังคับเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดวรรค



กลอน: เบญจวรรณห้าสี

X X X X X O O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๕ เสียงต้นวรรคทุกวรรค



กลอน: จตุรงคยมก

X X X X O O O O O X X X X O O O O O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๔ เสียงต้นวรรคเหมือนกันทั้ง

๒ วรรคในบาทเดียวกัน



กลอน: เลวงวางตรวจ

X X X O O X X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะคำที่ ๑,๒,๓ กับ ๖,๗,๘

ในวรรคเดียวกันทุกวรรค



กลอน: งูกระหวัดหาง

O O O O O O O X X O O O O O O X
X O O O O O O X X O O O O O O X
ซ้ำเสียงพยัญชนะข้ามวรรคในคำสุดท้าย

ของวรรคแรกกับคำแรก ของวรรคถัดไปทุกวรรค



กลอน: ช้างประสานงา

O O O O O X X X X X X O O X X X
X X X O O X X X X X X O O X X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะข้ามวรรค ๓ คำสุดท้ายของวรรคแรกกับ ๓ คำแรกของวรรค ถัดไปทุกวรรค



กลอน: อักษรบริพันธ์

ลักษณะบังคับ เหมือนช้างประสานงาทุกประการ

noppakorn
10-06-2009, 03:45 PM
สาธุ ๆ ๆ โมทนาสาธุ กับประโยชน์และการอนุรักษ์บท
ร้อยกรองของไทยเราครับ ที่เพื่อนทุกท่านนำมาลงครับ

ปีศาจ
11-16-2009, 04:09 PM
สวัสดีครับทุกๆท่าน
ต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องว่าด้วยกลบททั้งสิ้นครับ
ผมได้รวบรวบไว้ประมาณ150กว่ากล
แต่ก็ยังมีอีกมากที่รอการแสวงหาจากผู้ที่สนใจมาช่วยกันอนุรักษ์ไว้เถอะครับ
ของดีของดั้งเดิมของไทยเรากำลังจะสูญหายไปแล้วนะครับ

ที่ผมนำมาลงไว้นี้หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ของผู้ที่สนใจครับ

ปีศาจ
11-16-2009, 04:09 PM
๑.กลบท
กลบท คือ การประดิษฐ์ คิดแต่งคำประพันธ์ ให้มีลักษณะ แปลกไปจากเดิม โดยลักษณะ บังคับเดิม ของคำประพันธ์นั้น ยังคงใช้อยู่ครบถ้วน แต่แต่งเพิ่มเติมขึ้นให้ต้องตามลักษณะของกล คำประพันธ์ ที่แต่งเป็น กลได้มีทั้ง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย ซึ่งสามารถแต่งได้เป็น ๒ แบบ คือ แบบกลอักษร และแบบ ซ่อนรูป (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลแบบ)
กลบทเป็น เครื่องแสดงสติปัญญา ของกวีในการที่ จะคิดค้น พลิกแพลง กวีนิพนธ์ แบบฉบับ ให้มีลักษณะ เด่นเป็นพิเศษขึ้น โดยการเพิ่ม ลักษณะบังคับต่างๆ และเป็นเครื่อง ลับสมอง ลองปัญญา ในหมู่กวี ด้วยกัน ในการที่จะ พยายาม ถอดรูปกลแบบ ที่ซ่อนไว้ให้สำเร็จ ผลพลอยได้ ก็คือความไพเราะ ของกวีนิพนธ์ แต่ก็มีกลบท อีกจำนวนไม่น้อย ที่ไพเราะสู้ คำประพันธ์ ธรรมดาไม่ได้ เนื่องจาก กวีเพิ่มลักษณะบังคับ ที่ไม่เอื้ออำนวย
มีหลักฐาน เป็นที่เชื่อถือได้ว่า กวีไทยได้แบบอย่าง การแต่งกลบท มาจากอินเดีย ในคัมภีร์ สุโพธาลังการ อันเป็นตำรา อลังการศาสตร์ ฉบับบาลี ที่รวบรวมขึ้น โดยพระสังฆรักขิต ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ และตำรา อลังการศาสตร์ ฉบับสันสกฤต ของวาคภัฏ ที่รวบรวมขึ้น ประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๘ ล้วนปรากฏ กลวิธีการประพันธ์ ที่มีลักษณะ เหมือนกับกลบท ของไทย
ตำรากลบทของไทย มีอยู่ด้วยกัน ๓ เรื่องคือ
๑. จินดามณี แต่งขึ้นใน สมัยอยุธยา ตอนกลาง ในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ผู้แต่งคือ พระโหราธิบดี มีลักษณะ เป็นแบบเรียน ภาษาไทย เนื้อหาประกอบด้วย การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผันอักษร อักษรศัพท์ อักษรเลข การสะกดการันต์ การแต่งคำประพันธ์ ชนิดต่างๆ และกลบท ปรากฏกลบท อยู่ ๖๐ ชนิด มีทั้ง กลอักษร และกลแบบ
๒. ศิริวิบุลกิตติ์ แต่งในสมัย อยุธยา ตอนปลาย ผู้แต่งคือ หลวงศรีปรีชา (เซ่ง) เนื้อเรื่องนำมาจาก ศิริวิบุลกิตติ์ชาดก แต่งด้วย คำประพันธ์ ประเภทกลอน โดยใช้กลบท ชนิดต่างๆ สลับกันตลอดเรื่อง รวมกลบท ทั้งสิ้น ๘๕ ชนิด มีทั้งที่ซ้ำ และต่างจาก กลบทใน จินดามณี เนื่องจากแต่งโดย ผูกเป็นเรื่องราว กลบทใน ศิริวิบุลกิตติ์ จึงเป็นแบบกลอักษร ทั้งหมด
๓. ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ เกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๗๕ ทรงปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพน ฯ และทรงมี พระราชประสงค์ จะให้เป็น แหล่งเล่าเรียน วิชาความรู้ ของมหาชน ไม่เลือกชั้นบรรดาศักดิ์ จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ให้รวบรวม เลือกสรร ตำรับตำราต่างๆ โดยตรวจแก้ จากของเดิมบ้าง และประชุม ผู้รู้ให้แต่งขึ้นใหม่บ้าง ทั้งด้าน วรรณคดี โบราณคดี และวิชาอื่นๆ และโปรด ฯ ให้จารึก แผ่นศิลาไว้ ในบริเวณ วัดพระเชตุพน ฯ เมื่อผู้ใดสนใจ วิชาใด ก็สามารถ เล่าเรียนได้จากศิลาจารึกนั้น จารึกวัดพระเชตุพนฯ ได้รับการรวบรวมพิมพ์ เป็นหนังสือขึ้น ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ เนื้อหาแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทร้อยแก้ว และประเภทร้อยกรอง ในแต่ละประเภท ยังแบ่งออกเป็น ๕ หมวด มี หมวดประวัติวัด หมวดวรรณคดี หมวดสุภาษิต หมวดทำเนียบ และหมวดอนามัย ตำรากลบท อยู่ในหมวดวรรณคดี มีทั้งหมด ๙๗ ชนิด มีทั้งกล อักษร และกลแบบ ส่วนใหญ่ ซ้ำกับกลบทใน ศิริวิบุลกิตติ์
ชนิดของกลบท
จำแนกออกเป็นหมวดใหญ่ๆ ได้ ๕ ประเภทคือ
๑. ชนิดบังคับเสียง แบ่งเป็นลักษณะย่อย ๕ อย่างคือ
๑.๑ บังคับเสียงสระ
๑.๒ บังคับเสียงพยัญชนะ
๑.๓ บังคับเสียงสระและพยัญชนะ
๑.๔ บังคับวรรณยุกต์
๑.๕ บังคับเสียงสั้น-ยาว, หนักเบา
๒. ชนิดบังคับคำ
๒.๑ ซ้ำคำต้นวรรคในลักษณะกระทู้
๒.๒ ซ้ำคำในวรรคเดียวกัน
๒.๓ ซ้ำคำข้ามวรรค
๒.๔ ซ้ำคำใดคำหนึ่งตลอดบท
๒.๕ ซ้ำคำถอยหลังในวรรคเดียวกัน
๒.๖ ซ้ำคำถอยหลังข้ามวรรค
๓. ชนิดบังคับทั้งเสียงและคำ
๔. ชนิดบังคับอักขรวิธี
๕. ชนิดบังคับฉันทลักษณ์

๒.กลแบบ
กลแบบได้แก่ การนำคำประพันธ์ ชนิดใดชนิดหนึ่ง มาวางรูปเสียใหม่ ให้ผิดไปจากเดิม เพื่อให้ผู้อ่านถอด ผู้อ่านจะต้องทราบฉันทลักษณ์ ของคำประพันธ์ ชนิดนั้นๆ จึงจะสามารถ ถอดคำอ่านได้ การซ่อนรูป คำประพันธ์นี้ มี ๒ ลักษณะคือ
๑. เปลี่ยนรูปคำประพันธ์ให้ผิดไปจากเดิม
๒. เรียงคำเป็นรูปต่างๆ เช่น เป็นตาราง เป็นรูปดอกไม้ ฯลฯ
กลแบบนี้ จะมีเฉพาะคำประพันธ์ ประเภทโคลงสี่เท่านั้น เนื่องจากเป็นคำประพันธ์ ที่จบบทในตัว สามารถ นำมาวางรูปต่างๆ ได้พอเหมาะ ส่วนคำประพันธ์ ชนิดอื่นๆ ฉันทลักษณ์ไม่เอื้ออำนวย ต่อการนำมาบังคับรูป กลแบบชนิดต่างๆ ที่นำมานี้คัดลอกมาจาก หนังสือ จินดามณี และ ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ โดยนำมาจัด หมวดหมู่ใหม่ ตามลักษณะร่วม เพื่อง่ายต่อการศึกษา และทำความเข้าใจ

*** หนังสืออ้างอิง:
๑. "ศิริวิบุลกิตติ์" หลวงศรีปรีชา (เซ่ง)
๒. "จินดามณี" พระโหราธิบดี
๓. "กวีนิพนธ์ไทย เล่ม ๒" โดย สุภาพร มากแจ้ง
ให้มีการซ้ำเสียงสระในลักษณะต่างๆ กันทุกวรรคหรือทุกบาท เช่น บังคับซ้ำเสียงสระ ๑ คู่, ๒ คู่ หรือทุกคำ

ปีศาจ
11-16-2009, 04:11 PM
ให้มีการซ้ำเสียงสระในลักษณะต่างๆ กันทุกวรรคหรือทุกบาท เช่น บังคับซ้ำเสียงสระ ๑ คู่, ๒ คู่ หรือทุกคำ
โคลง: กลบทสายไหม
O O O O X O X
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๕ กับคำที่ ๗ ทุกบาท
ตนไกลจิตเจตนใช้ เมื่อไช
เพื่อฝากนุชนงไว แว่นไว้
เททรวงอ่วงอกไน ปานไน่ นุชเอย
ตายบ่ตายนี้ไหม้ มาดหม้ายเวทนา
(โคลงหริภุญไชย)
โคลง: สีหติกำกาม
O X X O O O O
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒-๓ ทุกบาท
ธ วัวกลัวเมียเพี้ยง กลัวเสือ
โม เมาเงางุนเยือ กล่าวกล้า
โอ โถงโครงเปล่าเหลือ ตัวแต่ง
ปาก หากลากคำค้า คึ่งให้ใครขาม
(จินดามณี)
โคลง: โตเล่นหาง แบบที่ ๑
O O O O X X O
บังคับให้ซ้ำเสียงพยัญชนะในคำที่ ๕-๖ ทุกบาท
คลุกประจนเลือดหลั่งเนื้อ นองไหล
ตาวต่อตาวโล่หัน หวดดิ้น
ไทยรุกไล่มอญไถล ถลาหอบ
คชไขว่ม้าล้มสิ้น สุดปราน
(ผืนแผ่นไผหนี้ล้ำ แหล่งคุณ)

ปีศาจ
11-16-2009, 04:14 PM
โคลง: โตเล่นหาง แบบที่ ๒
O O O O X X O
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๔-๕ และซ้ำเสียงพยัญชนะในคำที่ ๕-๖ ทุกบาท
นางพลันเป็นหมู่รู้ เรื่องตาม
เร่งปรึกษาความงาม เงื่อนแก้
เข้ากรุงมุ่งตามยาม ยกคติ ทูลเอย
ก่อนบ่ายพลาดแพ้แท้ ทบย้อนคืออรินทร์
(เลือดเนื้อพลีเพื่อไทย)
กลอน:โตเล่นหาง, สิงโตเล่นหาง
O O O O X X O O
บังคับใช้ซ้ำเสียงสระ ในคำที่ ๕-๖ ทุกวรรค
พวกอำมาตย์แห่งท้าวเจ้ากรุงศรี ล้วนเลิศดีเกรงหมดทศทิศา
ไม่มีผู้สู้ต่อรอฤทธา ออกระอาท้าวจบภพจักรพาฬ
ประมาณพันกลั่นกล้าร่าเริงแสน ถึงยอดแดนสยอนเดชเขตสถาน
ให้ครั่นคร้ามขามตัวกลัวฤทธิ์ชาญ ย่อมชำนาญการยุทธ์สุดฝีมือ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ช้างชูงวง
O O X X O X X O O
บังคับซ้ำเสียงสระในคำที่ ๓-๔ กับ ๖-๗ ทุกวรรค
บุตรบังคมก้มเศียรราบกราบทูล ตามเค้ามูลสกูลนักปราชญ์มาทพิสไมย
ว่าไม่ควรจวนพระองค์ปลงชีพไว ม้วยบรรไลใจพยาบาทมาทแทนคุณ
แม้นชีวิตจิตรวิญญาข้าพระองค์ จะยืนยงจงใจดีมีหมองหมุน
คงไม่ละพระบิตุรงค์จงใจจุน จักแทนคุณบุญไปจงปลงชีพวาย
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บาทเลื่อนล้า
บังคับซ้ำเสียงสระเดียวกันตลอดบท
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู

ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
หนูสู่รูงูงู สุดสู้
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
(กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง)
โคลง: พิไสยลมภอ
บังคับซ้ำเสียงสระเดียวกันตลอดบท
ใส่ใจใครใกล้ใช่ ใจไกล
ใจใครไปใช่ไหน ไป่ได้
ใจใจใครไชไช ใจใฝ่ ไปสรอย
ใจใคร่ไปไจ้ไจ้ ไปได้ไปไช
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-16-2009, 04:15 PM
๑.๒ บังคับเสียงพยัญชนะ เป็นกลบทที่บังคับซ้ำเสียงพยัญชนะทุกวรรค หรือทุกบาท ในลักษณะต่างๆ กัน ตั้งแต่ ๒, ๓ เสียง จนถึงเสียงเดียวกัน ตลอดวรรค หรือตลอดบาท ลักษณะการซ้ำอาจมีตั้งแต่ซ้ำต้นวรรค ซ้ำกลางวรรค ซ้ำท้ายวรรค หรือซ้ำท้ายวรรคแรกกับต้นวรรคต่อไป
กลอน: อักษรล้วน แบบที่ ๑
บังคับเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดวรรค
จากจอมเจ้าใจจวนจิตรจิตจักเจียน ให้หันเหียนหุนหันหันเหหวน
เดินเดียวแด่วดุ่มดันดั้นดงดวน ท้อแท้ทวนทับเทาท้าวท้าวทาง
ลัดลอดเลียบแลเหลียวเหลียวแลหลง เห็นเหมหงส์หวนเหิรหันหวงหาง
แม้นเหมือนแม่มามุ่งเมียงหมาง นักแน่นางน้ำเนตรแนวหน้านอง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: อักษรล้วน แบบที่ ๑
บังคับเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดวรรค
แจ้วแจ้วจักจั่นจ้า จับใจ
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร ร่ำร้อง
แซงแซวส่งเสียงใส ทราบโสต
แหนงนิ่งนึกนุชน้อง แนบเนื้อนวลนาง
(โคลงนิราศสุพรรณ)
โคลง: อักษรสลับ
บังคับเสียงพยัญชนะ ๑ เสียง สลับกันตลอดบาท
ผายสารพจน์สาสน์ผู้ ส่ำผอง มาตย์แฮ
เร่งเตรียมเร่งเตรียมริ ตริร้น
ทกกิจทกกองทำ กอปรทั่ว สถานเฮย
แผกแบบพู้นเบื้องพ้น เบี่ยงฝัน
(กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ )
ยลโศกยามเศร้ายิ่ง ทรวงเย็น
คิดสุดขัดแสนเข็ญ โศกไข้
หวนหนาวหากนึกเห็น หน้าแห่ง น้องแฮ
ดวงจิตเด็ดจากได้ จึงดิ้นจำโดย
(โคลงนิราศสุพรรณ)

ปีศาจ
11-16-2009, 04:18 PM
กลอน: อักษรล้วน แบบที่ ๒
บังคับเสียงพยัญชนะสามเสียงทุกวรรค
จักกลับกล่าวด่าวเดิมดาบสน้อย ครั้นสุริยะลอยเลื่อนล่องสวัสดิ์
สว่างแจ้งแสงศรีสุรีย์จรัส เลื่อนลอยลัดเขาแก้วยุคุนธร
สวมมงกุฎสอดใส่สอดอังสา นุ่งผ้าคากรองรุ่งเรืองรังสร
ทรงหนังเสือเยื้องย่องยังพระนคร เที่ยวโคจรจ้องจิตรถึงบิตุรา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: อักษรล้วน แบบที่ ๒
จำร้างห่างน้องนึก น่าสวน
สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า
หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เห็นเอย
กลเล่นเช่นซักเศร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม
(โคลงนิราศสุพรรณ)



กลอน: เบญจวรรณห้าสี
X X X X X O O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๕ เสียงต้นวรรคทุกวรรค
แสนสุดโศกสั่งสารเห็นนานหาย
คนข้างเคียงเคยคอยพลอยกลับกลาย อกเอ๋ยโอ้เอออายเพราะหมายเกิน
หลงละเลิงลมลิ้นไม่กินแหนง สายสนสื่อเสกแสร้งช่วยเดินเหิน
โน่นนี่นั่นแนะนำแล้วทำเมิน ชักชวนเชิญเชือนใช้ไม่เหลียวแล
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: จตุรงคยมก
X X X X O O O O O X X X X O O O O O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๔ เสียงต้นวรรคเหมือนกันทั้ง ๒ วรรคในบาทเดียวกัน
ทุกเทพไทถ้วนหน้าจงมานี่ ทั้งเทพธิดาที่เลิศประเสริฐสรรพ์
สุกแสงส่องศรีกายพรายพรรณ์ แสงศรีสรรพ์สุกใสก็ไพบูลย์
ภุมมาจายันตุเทวา ภุมมะจาเจ้าบดีสูร
อารักษ์เรืองฤทธิ์เดชเกษสกูล อันเรืองรูญรังสีระวีวร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: เลวงวางตรวจ
X X X O O X X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะคำที่ ๑,๒,๓ กับ ๖,๗,๘ ในวรรคเดียวกันทุกวรรค
ขุ่นแค้นคิดไข้ใจให้หวนโหย
แสนสุดโศกด้วยโรครักแรมโรย เดือดดิ้นโดยหึงหวนในนวลนาง
ตั้งแต่เติ่งเชื่อชั่วเชื่อโฉม ละเลิงโลมทำสะเทินเมินหมองหมาง
เมื่อไม่มีแผกผิดคิดเขินค้าง ทิ้งทอดทางอาลัยใจจัดจริง
(หมื่นนิพนธ์อักษร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-16-2009, 04:20 PM
กลอน: งูกระหวัดหาง
O O O O O O O X X O O O O O O X
X O O O O O O X X O O O O O O X
ซ้ำเสียงพยัญชนะข้ามวรรคในคำสุดท้าย ของวรรคแรกกับคำแรก
ของวรรคถัดไปทุกวรรค
โพธิสัตว์ตรัสฟังแจ้งจังจิตร ใจเจ้าคิดแช่มชื่นรื่นเริงแสน
สุดเหมือนหมายคลายโศกวิโยคแค้น คิดหนักแน่นถึงคุณการุณรัก
แรกได้ฟังสั่งเสร็จให้เพ็ชฌฆาต คิดปล่อยราชปิตุรงค์ผู้ทรงศักดิ์
สั่งให้ฆ่าบุตรแทนแสนชื่นนัก นึกให้รักวิ่งมาไม่ช้าที
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ช้างประสานงา
O O O O O X X X X X X O O X X X
X X X O O X X X X X X O O X X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะข้ามวรรค ๓ คำสุดท้ายของวรรคแรกกับ ๓ คำแรกของวรรค ถัดไปทุกวรรค
พอแดดร่มลมชายไปท้ายสนน
ถึงสนนคนสนั่นอั้นอลวน ออกอลเวงเดินปนเบียดเสียดกัน
บ่าวสาวแก่แลหลามตามตลาด ตั้งตลอดร้านราษฎร์ไม่ขาดหลั่น
มีของหลายขายค้าสารพัน สำหรับแผงแต่งประชันประชุมเรียง
(หมื่นนิพนธ์อักษร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: อักษรบริพันธ์
ลักษณะบังคับ เหมือนช้างประสานงาทุกประการ
อันเรื่องราวท้าวยศกิติจอมอิศเรศ เจ้าอัมราเรืองเดชดวงเจตสมาน
จิตรเสมอเหมือนมหาสุธาธาร สุดที่เทียบเปรียบปานพระหฤไทย
เพราะเหตุท้าวปรากฏในทศมิตร นอกทุกเมืองเรืองฤทธิ์พิไศมย
พวกสมัดกุลาพม่าไทย พวกมอญเทศเพศไสยแขกไซแซม
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-16-2009, 04:22 PM
๑.๓ บังคับเสียงสระและพยัญชนะ บังคับซ้ำทั้งเสียงพยัญชนะและสระ ทั้งในวรรคเดียวกัน และข้ามวรรค มากมาย หลายลักษณะ ส่วนใหญ่เป็นกลบท ที่ไพเราะ เพราะมีทั้งเสียงสัมผัสสระ และสัมผัสอักษร
กลอน: เทพชุมนุม
ซ้ำเสียงสระและพยัญชนะอย่างละ ๒ คู่ ทุกวรรค โดยไม่กำหนดตำแหน่ง
นิราไกลไร้หน้าพงาเหงา
มาว้าเหว่เอกาอุราเรา มีแต่เศร้าเปล่า ใจให้รัญจวน
แสนร้อนนอน เถื่อนเป็นเรือนถิ่น รื่นรื่นกลิ่นคันธมาลย์ร่านรนหวน
ฉุนฉุน ชื่นคืนถวิลเหมือนกลิ่นนวล กลครั่นครวญป่วน ปั่นกระสันพักตร์
(ขุนธนสิทธิ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน)
กลอน: มธุรสวาที
มีลักษณะเหมือนกับเทพชุมนุม
อตีเตแต่นานนิทานหลัง มีนครั้งหนึ่งกว้างสำอางศรี
ชื่อจำบากหลากเลิศประเสริฐดี เจ้าธานียศกิตติ์มหิศรา
ดำรงภพลบเลิศประเสริฐโลกย์ เป็นจอมโจกจุลจักรอัครมหา
อานุภาพปราบเปรื่องกระเดื่องปรา กฎเดชาเป็นเกษนิเวศเวียง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ก้านต่อดอก
O O O O O O X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๑ คู่ โดยไม่กำหนดตำแหน่ง และซ้ำเสียงสระ ๒ คำ
ท้ายวรรคทุกวรรค
ครั้นรุ่งรางสว่างรัศมีศรี พระภูมีลีเดิรเนินป่าหา
ซึ่งผลไม้ใกล้กลาดดาษป่ามา ให้กัลยาเสวยเชยสมชม
ถึงเนินวิบูลย์บรรพ์อันกว้างขวาง พระพานางย่างเดิรเนินพนมสม
เห็นบบรรศาลาสุดอุดมชม น่านิยมชื่อจิตรพิสมัยใน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: ก้านต่อดอก
O O O O O X X
หอระฆังทรงสร้างใหม่ เหมือนเรือน แรกฤๅ
ในอุดรลานเถลิง หลั่นนั้น
การประดับสร้างสรรค์เสมือน มีที่ เพรงพ่อ
สถานสถิตนอกชั้นกั้น แห่งกระแพง
(กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ

ปีศาจ
11-17-2009, 11:42 AM
กลอน: อักษรสังวาส
X X O O O O X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ คำต้น และ ๒ คำท้ายทุกวรรค ซ้ำเสียงพยัญชนะอย่างน้อย ๑ คู่ ทุกวรรค โดยไม่กำหนดตำแหน่ง
ส่วนนวลเจ้าล้ำเลิศประโลมโฉม คลายหายโทมนัสคิดจิตรตั้งหวัง
เพราะเจาะใจในบุตรสุดมั่งคั่ง เปรียบเทียบดั่งได้เสวยเชยสมชม
ที่พิภพจักรพรรดิ์ประเสริฐเลิศ ในใจเจิดแจ่มสว่างอารมณ์สม
ครั้นขวัญตาอายุอุดมชม ควรจวนจักนิยมเป็นชีม
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: กินนรรำ
ะ x x ะ + + ะ O O
ซ้ำเสียงอะ ในคำที่ ๑,๔,๗ ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ คู่ ในคำที่ ๒-๓, ๕-๖, ๘-๙
ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๓-๕, ๖-๘
ชะจิตรใจไฉนนางระคางเขิน
ปะพบพักตร์จะทักทายชม้ายเมิน ละเลิงเหลือจะเชื้อเชิญพเอิญอาย
สมรเหมือนจะเคลื่อนคลาดอนาถนัก ขะรอยเริงละเลิงรักสมัครหมาย
ระทดถึงคะนึงนางจะวางวาย จะห่างเหเสน่ห์หน่ายสลายเลือน
(นายนกมหาดเล็ก: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: อักษรสลับล้วน
x x x O O O + + +
ซ้ำเสียงพยัญชนะชุดละ ๓ คำ ๓ ชุด ทุกวรรค ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๓-๔, ๖-๗
เศร้าโศกแสนแค้นครุ่นคิดจิตรจวนจาก บ่ายเบี่ยงบากมากมายเมียงเสียงโศกสง
ส้านเสียวสรรคครั่นเครงครุ่นวุ่นเวียงวง เอนเอียงองค์ลงแลเลียบเมียบเมียงมอง
กาเกาะกิ่งจิงโจนจับงับเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวเปล่าเหงาเงื่องงงสงสารสอง
นกน้อยนิ่งอิงแอบอกหมกมุ่นมอง เซ่าเซื่องซ้องมองเมียงไม้ใครคร่ำครวญ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ดวงเดือนประดับดาว
X X Y Y + + +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ ชุด จำนวน ๒-๒-๓ ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๕ ทุกวรรคลักษณะบังคับเช่นนี้ เป็นเช่นเดียวกับอักษรสลับล้วน แต่ลดจำนวนคำ ในแต่ละวรรคลงเหลือวรรคละ ๗ คำ
เจ็บจิตรมิตรหมางค้างเขินขวย
เวียนวงหลงลมงมงงงวย ฉาบฉวยรวยเร่อเธอถูกทาง
โลมโลกโยกย้ายอายอกเอ๋ย ชวดเชยเลยลามความแขวนขวาง
เคลื่อนคลายหมายใหม่ใจจืดจาง เหินห่างว่างเว้นเล่นเลยละเลิง
(นายทัตมหาดเล็ก: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-17-2009, 11:44 AM
กลอน: ดำเนินนางสระ
X X Y Y O + +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ ชุด ชุดละ ๒ คำ ในคำที่ ๑-๒, ๓-๔, และ ๖-๗ ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่
ในคำที่ ๒-๓ และ ๔ กับ ๖ ทุกวรรค และเลื่อนรับสัมผัสระหว่างวรรค
ไปรับในคำที่ ๔
โฉมเฉิดเพริศพริ้งทุกสิ่งสรรพ์
พักตร์ผ่องส่องศรีฉวีวรรณ พิศเพี้ยนเจียนจันทร์บุหลันลอย
พุ่มภู่ดูดีเกศีเส้น ขลับคล้ำดำเด่นทุกเส้นสอย
ยิ่งอย่างนางใจจุไรรอย เรียบร้อยช้อยชมนิยมยิน
(พระองค์เจ้าคเนจร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: กบเต้นสลักเพชร
X Y + X Y + X Y +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ เสียง สลับกันตลอดวรรค ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๓-๔
และ ๖-๗ ทุกวรรค และเลื่อนรับสัมผัสระหว่างวรรคไปรับในคำที่ ๖
จนแต่นกจกเต้นหน้าจาตามแน่น มองหน้าสูหมู่นกแสนแม่นเนตรใส
จับไม้น้าวเจ้าโมกนอนจอนมากใน จิตรเปลี่ยวเหงาเจ่าเปลี่ยวไหงใจปลอดจง
เหล่าชะนังหลั่งชลไนยน์ไหลเช็ดเนตร แนวพักตร์หวังนั่งเพ่งเวทเนตรพิศวง
นายเพ็ชรฆาตนาดเพียงแค้นแน่นเพ็ชคง เดินแนวจงดงเนินจวนด่วนนำจร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: กบเต้นต่อยหอย
X Y + X Y + O O O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ เสียง สลับกัน ๒ ชุด ในคำที่ ๑,๒,๓ กับ ๔,๕,๖ ซ้ำเสียงสระ ๑ คู่
ในคำที่ ๓ กับ ๔ ทุกวรรค และเลื่อนรับสัมผัสสระหว่างวรรคไปรับคำที่ ๖
ยกหัตถ์น้อมยอมหัตถ์นั่งขึ้นตั้งเศียร
น้ำใจตรึกนึกจิตตรองต่างทองเทียน แจ่มจำนองจองจำเนียรบังคมคัล
ยุคลบังยังคู่บาทพระศาสดา เป็นเทวินทร์ปิ่นเทวาโลกาสรรพ์
เคารพธรรมคำรพที่โมลีธรรม์ ส่องดวงใจใสดั่งจันทร์แจ่มอัมพร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ระลอกแก้วกระทบฝั่ง
X Y + X Y + O O O
ลักษณะบังคับเช่นเดียวกับกบเต้นต่อยหอย แต่เพิ่มซ้ำเสียงสระเป็น ๒ คู่ ในคำที่ ๓
กับคำที่ ๕ และคำที่ ๖ กับคำที่ ๘
นายชายพรานหนึ่งชาญไพรล่ำใหญ่ขยับ ได้ยินกลองเดินย่องกลับดูคับขัน
มือป้องหน้ามุ่วป่าแน่วเข้าแถววัน สุนัขย่องสุดมองขยันติดพันตาม
มุ่งปะทะมาปะที่คนตีกลอง เพื่อนทักจ๋าพูดท่าจ้องคนร้องถาม
เดิมแรกหูได้รู้เหตุสังเกตความ ว่าทรงนามว่าทรามนาฏนิราศจร
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-17-2009, 11:47 AM
กลอน: กบเต้นสามตอน
X Y X Y X Y
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ ชุด ชุดละ ๒ เสียง สลับกันตลอดวรรค ซ้าเสียงสระ ๒ คู่
ในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๖
เสือร้องสองเรียงเสียงราน ก้องหาญการฮึกกึกหวน
นอนแอบแนบอิงนิ่งอ้วน ครึกรวนครญร่ำคำรน
ซบมองช่องไม้ซ้ายมือ ครึกหือครือหวนครวญหน
เห็นหมูหูหมางหางมน โจมต้องจ้องตนจนตัว
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: สุรางค์ระบำ
O X Y X Y O X Y
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ เสียง ๓ ชุดตลอดวรรค ในคำที่ ๒-๓, ๔-๕ และ ๗-๘
ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๓-๔ และคำที่ ๕ กับ ๗
แต่วันเห็นเว้นหายไม่วายห่วง
จนทุกข์สุมทุ่มซ้อนสะท้อนทรวง เพราะเหตุหน่วงห่วงเนิ่นห่างเหินนาน
เมื่อไรหนอรอหนักยิ่งรักน้อง จนคิดมุ่นขุ่นหมองถึงของสมาน
ชะรอยกรรมร่ำก่อให้รอการ ควรรำคาญราญคิดสุดฤทธิ์คอย
(นายทัตมหาดเล็ก: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: นารายณ์ทรงเครื่อง
X Y X Y + O + O
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ ชุด ชุดละ ๒ คู่ ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๒-๓ และคำที่ ๔
กับคำที่ ๖ ทุกวรรค เลื่อนรับสัมผัสระหว่างวรรคไปรับในคำที่ ๔
ข้าสาวข้าวศรีทรวดมีทรงมิ่ง นางแอบแนบอิงสุดถวิลแสนถวิล
นมตั้งนั่งเต้าคลอเคล้าแคลคลิ้น ฬ่อหลาลาลินเลิศลินลาลอย
โอษฐ์เอี่ยมอรอรรถศรีจัดแสงจิ่ม เยือนแย้มแย่มยิ้มแสงหิมสุกห้อย
หน้ายวนนวลอย่างดวงนางดูน้อย แชล่มแช่มลอยพักตร์ช้อยเพียงชม
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: นาคราชแผลงฤทธิ์
O O O O O X Y + X Y + O O X Y +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ คำ ท้ายวรรค กับ ๓ คำ ต้นวรรคถัดไป ซ้ำเสียงสระ วรรคละ ๓ คู่
ในคำที่ ๓-๔, คำที่ ๕ กับ ๗ และคำที่ ๘ กับคำที่ ๑ ในวรรคถัดไป เลื่อนรับสัมผัส
ระหว่างวรรคมารับในคำที่ ๕ ของแต่ละวรรค
กรุงกระษัตริย์ตรัสฟังแค้นคั่งจิตร คิดแค้นใจไหวหวิดในจิตรฉงน
จนฉงายกายไฉงใจร้อนรน จนร้าวราญการกระมลจิตรวนเวียน
เจียรวุ่นวายบ่ายพักตร์ให้หนักใจ ให้น้อยจิตรคิดไปใจหันเหียน
เจียรหวนหาว่าไว้ไม่สมเพียร เมียนสุดภาคยากเจียนเวียนจิตรใน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: เจ้าเซนเต้นต้ำบุด
X Y X Y X Y X Y X Y X Y X Y
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ เสียงสลับกันตลอดลบท สุดแต่ว่าจะยาวเท่าใด และซ้ำเสียงสระ
๑-๒ คู่ ทุกวรรคโดยไม่กำหนดตำแหน่ง
สุดแค้นแสนคมสมเขาสรวล
คำสอนข้อนสั่งข้างสิ่งควร ซึ่งข้อส่วนเข้าแซงแข่งซน
ข้อซึ่งขำซ้ำไขใส่เข้า รู้เค้าสุดแค้นแสนขัดสน
คำสัตย์คัดเสียคนเสียคน ซึ่งขนไล้ขายสายคำซ้อน
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-18-2009, 11:50 AM
๑.๔ บังคับวรรณยุกต์ มีลักษณะสำคัญคือ บังคับให้มีคำผันวรรณยุกต์ ๓ เสียงเรียงกันอยู่ทุกวรรค เสียงวรรณยุกต์ ทีมาเรียงกัน อาจเป็นเสียงสามัญ เอก โท, เอก โท ตรี, โท ตรี จัตวา ฯลฯ ตำแหน่ง ของคำที่ผันในวรรคไม่ตายตัว
โคลง: อักษรสามหมู่
เสนาสูสู่สู้ ศรแผลง
ยิงค่ายหลายเมืองแยง แย่งแย้ง
รุกร้นร่นรนแรง ฤทธิ์รับ
ลวงล่วงล้วงวังแว้ง รวบเร้าเอามา
(โคลงอักษรสามหมู่)
ระวังไพรร่ายร้องกร่อ กร๋อกรอ
แอ้แอ่แอ้แอ๊อุลอ เลียบร้อง
พญาลอล่อล้อคลอ เคล้าคู่ อยู่แฮ
กระหรอดกรอดกร๊อดกร๋อดก้อง กระรอกเต้นเล่นกระแต
(โคลงนิราศสุพรรณ)
กลอน: ประดับ
O O x x่ x้ O O O
ผันรูปวรรณยุกต์ สามัญ เอก โท ทุกวรรค
เจ้าโศกแคนแค่นแค้นดังแสนศร มารานร่านร้านรอนให้ตักไษย
ว่าโอโอ่โอ้กำม์มาจำไกล เวรชื่อใดจองจ่องจ้องประจาน
ให้ร้อนราวร่าวร้าวดวงจิตถวิล จากบดินทร์แดวแด่วแด้วสงสาร
อกน้องรอนร่อนร้อนเร่งรำคาญ ฤดีดานด่านด้านอาดูรเดียว
(ศิริวิบุลกิตติ์)

plyfha
11-18-2009, 12:31 PM
มาศึกษาหาความรู้ค่ะ

ปีศาจ
11-18-2009, 01:52 PM
กลอน: ตรีประดับ
O x x่ x้ O O O O หรือ O x้ x่ x O O O O
ผันรูปวรรณยุกต์ สามัญ เอก โท หรือ โท เอ สามัญทุกวรรค
อมรแมนแม่นแม้นเจ้างามโฉม
ชะลอล่อล้อโลกให้โศกโซม แต่เลาเล่าเล้าโลมฤดีแด
ดังกระต่ายหง้อยหง่อยหงอยแหงนหงาย ชะม้ายม่ายมายเมียงจะเคียงแข
รัชนีนี่นี้มิอาลัยแล กระต่ายแต่ซบเซาเซ่าเซ้าคะนึง
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: ตรีเพชรพวง
ผันเสียงวรรณยุกต์ ๓ เสียงทุกวรรค
มโหรีรี่รี้ดีดสีเสียง
จับปี่หริงหริ่งหริ้งพริ้งเพราะเพียง ฆ้องสำเนียงเตงเต่งเต้งติงเหน่งโนน
จะเข้กรีดดีดเรงเหรงเหร่งเหร้ง เสียงเหนงเหน่งเหน้งระนาดออกผาดโผน
ซอแหนแหน่แหน้จังหวะจะโคน เสียงทับโทนโจ๋งทิงทิ่งทิ้งเลย
(หมื่นนิพนธ์อักษร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
๑.๕ บังคับเสียงสั้น-ยาว, หนัก-เบา
กลอน: ตะเข็บไต่ขอน
อุ อั อุ อั อุ อั อุ อั อุ อั อุ อั
บังคับใช้เสียงสั้น-ยาว หรือ หนัก-เบา ๖ คู่ สลับกันตลอดวรรค ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่
ในคำคู่ที่ ๒-๓ กับ ๔-๕
สละสลดระทดระทวยระหวยระหาย จะย่างจะกรายจะยืนจะหยุดก็สุดจะหมาง
จะแลจะเหลียวก็เปลี่ยวก็มืดก็จืดก็จาง จะแวะจะวางให้หวาดให้หวั่นให้พรั่นให้พรึง
เห็นเสือเห็นสิงห์กระทิงกระแทะอีแกะอีเก้ง ก็โป่งก็เป่งระเห็ดระหันช่างขันช่างขึง
พยัคฆ์ทยานก็รานก็ร้องก็ก้องก็อึง ตะลานตะลึงก็รุงก็เริงก็เจิ่งก็จร
(ศิริวิบุลกิตติ์)


ระทวยระทดสลดสละขนิษฐ์ชนาง
ระเหระหนกระวนกระวายระคายระคาง จะแรมจะร้างอนงค์อนาถนิราศนิรา
เพราะยลเพราะยินระบินรหัสสนัดสนั่น จะเกียดจะกันก็สุดจะสอนจะวอนจะว่า
กระซิกกระซี้ขะรี้ขะรมระอมระอา จะไปจะมาระร่าระเริงตะเลิงตะลุย
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
เสลาสลอดสลับสล้าง สลัดได
สอึกสอะสอมสไอ สอาดสอ้าน
มแฟ่มฟาบมเฟืองมไฟ มแฟบมฝ่อ พ่อเอย
ตขบตขาบตเคียนตคร้าน ตคร้อตไคร้ตเคราตครอง
(โคลงนิราศสุพรรณ)

ปีศาจ
11-18-2009, 01:55 PM
๒.๑ ซ้ำคำต้นวรรคในลักษณะกระทู้ มีตั้งแต่กระทู้เดียว จนถึงกระทู้สี่คำ และมีทั้งใช้ กระทู้เดียวตลอดบท เปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุกบาท ฯลฯ เป็นต้น
กลอน: บุษบงแย้มผกา
X O O O O O O O
ซ้ำคำแรกทุกวรรค
พระกุมารตรึกตรองทำนองปราชญ์ พระจอมราชเจ้าคิดน้ำจิตรเถลิง
พระหน่อน้อมค้อมบังคมภิรมย์เริง พระเอี่ยมเองแอบองค์ประจงกร
พระกราบลาว่าข้าแต่แม่เจ้า พระคุณเอ๋ยลูกนี้เล่าจะลาสมร
พระคุณจงอำนวยช่วยอวยพร พระคุณเจ้าฉันจะจรตามบิตุรา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: พยัคฆฉันทลรรโลง
X X O O O O O
กระทู้ ๒ คำ ต้นบาท และเปลี่ยนกระทู้ทุกบาท
ทรนุกได้ต้องบาท บัวจันทร์
ทรลำมือไปพัน พาดเหน้า
ทระนงว่าจอมขวัญ รักพี่
ทรโลดได้ต้องเจ้า โทษนั้นเรียมขอ
(จินดามณี)
โคลง: พันธวีสติการ
บังคับให้วรรคต้น ของโคลงทุกบาทเป็นกระทู้ ช่วงละ ๔ คำ ๕ ช่วง โดยให้มีเสียง
สัมผัสสระเป็นคู่
พี่พบ รักชู้ ช่างวิงวอน
เย้าสวาดิ์ครวญ คนึงนอนแนบน้อง
เจ้าคลาศป่วนถึงสมรเสมอหนึ่ง เรียมนา
หลบภักตร์อยู่นางข้องคึ่งแค้นฤๅไฉน
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-18-2009, 02:03 PM
โคลง: วิติมาลินี
บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท โดยให้เป็นคำคล้องจอง
พี่ กำพร้าหน้าต่ำ ออมอด
น้อง เป็นดีมียศ ก่อเกื้อ
ซ้อง ฦๅชาปรากฏ โฉมแม่ เดียวแม่
แซม ซุมซนต้นเนื้อ บ่ให้เห็นองค์
(จินดามณี)
โคลง: ชลาสังวาลย์
บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท ทุกบาท
แก้ว แหวนน้องเกื้อมี ทุกอัน
ชู้ ก่อของนองนันต์ แต่งเจ้า
กอง ทองคอสบสรรพ์ เศกแม่
เงิน เลื่อนหลังข้างเต้า แต่งขึ้นเรือนเรียม
(จินดามณี)
โคลง: นารายณ์กางกรณ์
บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท และท้ายบาท ทุกบาท
วัด วรนิเวศเรื้อ รัง เสือ
ไป คัดวัดหวายเหลือ ค่า คู้
บา บึงรกแฝกเสือ เป็น ป่า
หา แห่งตำแหน่งรู้ เรียกท้อง นายาง
(จินดามณี)
โคลง: สกัดกระทู้
บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท และท้ายบาท โดยให้คล้องจองกันทุกบาท
ฝน ฟ้าคะครื้นคร่ำ เครง ตก
นก ผาดโผนเกรียวกก กู่ ร้อง
เที่ยว ทางเหล้นผันผก โทน ท่อง
ไป ยากไปหาน้อง พี่สู้ไป หา
(จินดามณี)
โคลง: พระจันทร์ดั้นเมฆ
บังคับกระทู้ ๒ คำ ต้นบาท ทุกบาท
เที่ยงคืน ดวงดาวเต้น แขไข
เดือนดับ กับสายใจ อยู่เหล้น
ป่าชัฏ สงัดไพร ใครเพื่อน
ฝนตก นกร้องเร่ง อยู่ด้วยสายสมร
(จินดามณี)
โคลง: สถิตอัษฎาพรหม
บังคับกระทู้ ๓ คำ ต้นบาท ทุกบาท โดยให้คล้องจองกัน
ไม่เห็นน้ำ ถ้าก่อน ชวนกัน
ด่วนตัดบอก ปูนปัน ส่วนได้
ไม่เห็นรอก มาขัน มือแม่น
ก่งหน้าไม้ ไว้ให้ หย่อนแท้เสียสาย
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-18-2009, 02:20 PM
โคลง: อรรคอักษร
บังคับให้นำคำในวรรคแรกของบาทต้น ไปแต่งซ้ำตลอดบท โดยไม่กำหนด
จำนวนและตำแหน่ง
หนีเสือเสียเสื่อเสื้อ เพราะเสือ
โอ้อาตมหนีเสือเสีย เสื่อเสื้อ
หนีศึกมาพะเสือ คืนเล่า
เสียเสื่อเสียทั้งเสื้อ ห่มเสื้อหนีเสือ
(จินดามณี)
กลอน: ธงนำริ้ว
X X O O O O O O
ซ้ำ ๒ คำ ต้นวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค
กุ๋ยกุ๋ยหน้าไม่เก้อละเมอถึง
ฟังฟังก็เหมือนแกล้งแพร่งความอึง คิดคิดแล้วให้ขึ้งขุ่นเคืองใจ
ดูดูก็น่าหัวตัวเต้นหยาว ชะชะนางช่างเอาอายออกส่ายไส้
จริงจริงฤๅหนอที่ว่าสิ้นอาลัย นี่นี่ใครให้สำนวนดูควรเป็น
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บัวบานกลีบ
X X O O O O O O
ซ้ำ ๒ คำ ต้นวรรคทุกวรรค ใช้กระทู้เดียวตลอดจนจบความ
เสียดายพักตร์ผ่องเพียงเพ่งไพบูลย์ เสียดายประยูรยอดกษัตริย์มหาศาล
เสียดายเนตรดุจนิลมฤคีปาน เสียดายขนงกงสมานคันศรทรง
เสียดายนาสาสุดดั่งแสงขอ เสียดายศอเปรียบสร้อยคิวาหงษ์
เสียดายกรรณทันทัดกลีบสัตบง เสียดายทรงส่งศรีระวีวรรณ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บัวบานกลีบขยาย
ลักษณะบังคับเหมือนบัวบานกลีบทุกประการ
เจ้างามพักตร์ผ่องเพียงบุหลันฉาย
เจ้างามเนตรประหนึ่งนัยนาทราย เจ้างามขนงก่งละม้ายคันศรทรง
เจ้างามนาสายลดังกลซอ เจ้างามศอเหมือนคอสุวรรณหงส์
เจ้างามกรรณกลกลีบบุษบง เจ้างามวงวิลาศเรียบระเบียบไร
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: หงษ์ทองลีลา
ลูกเอ๋ย O O O O O O พ่อเอ๋ย O O O O O O
ซ้ำคำ ๒ คำ ต้นวรรคทุกวรรค คำที่ ๒ เป็นคำว่า เอ๋ย แยกกระทู้วรรคคู่ และกระทู้
วรรคคี่ วรรคคู่ใช้กระทู้เดียวตลอดข้อความ วรรคคี่ใช้กระทู้เดียวตลอดข้อความ
ลูกเอ๋ยแม่จะเล่าให้เจ้าฟัง พ่อเอ๋ยแม่จะตั้งอุทาหรณ์
ลูกเอ๋ยเมื่อแรกเริ่มเติมแต่ก่อน พ่อเอ๋ยยังไม่จรมาอยู่ไพร
ลูกเอ๋ยพระบิตุรงค์ผู้ทรงฤทธิ์ พ่อเอ๋ยเรืองมหิศรศักดิ์ใหญ่
ลูกเอ๋ยครองจัมบากพระเวียงไชย พ่อเอ๋ยเลื่องลือไปทุกภารา
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-18-2009, 02:25 PM
กลอน: จตุรงค์ประดับ
X X O O O O O O
ซ้ำ ๒ คำ ต้นวรรคทุกวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุก ๔ วรรค
พระหน่อไทยได้สดับแสดงกิจ พระหน่อคิดจิตรวาบระหวาบหวาม
พระหน่อตรึกนึกคะเนคะนึงความ พระหน่อถามแจ้งกระจัดกระจ่างใจ
ไม่ควรคู่ผู้แสวงสวัสดิ์หวัง ไม่ควรนั่งนิ่งตะลึงตะเลิงไหล
ไม่ควรเฉยเลยสละสลัดใด ไม่ควรไทยจะชีวงชีวังวาย
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ทศประวัติ
X X เอ๋ย O O O O O
ซ้ำ ๓ คำ ต้นวรรค คำที่ ๓ เป็นคำว่า เอ๋ย เปลี่ยนกระทู้ทุก ๑๐ วรรค

โอ้อกเอ๋ยหวาดหวังจะวังเวง โอ้อกเอ๋ยครุ่นเครงจะครวญหา
โอ้อกเอ๋ยสงสารพระมารดา โอ้อกเอ๋ยอนิจจาจะอาวรณ์
โอ้อกเอ๋ยอาตมาในครานี้ โอ้อกเอ๋ยเอกีในไพรสอน
โอ้อกเอ๋ยครั้นไม่ลามารดาจร โอ้อกเอ๋ยพระบิดรจะมรณา
โอ้อกเอ๋ยครั้นจะลามารดาเล่า โอ้อกเอ๋ยแม่จะเศร้ากระศัลย์หา
พุทโธเอ๋ยพุทธองค์ทรงวัดวา พุทโธเอ๋ยกายาไม่จีรัง
พุทโธเอ๋ยได้ยศแล้วถดถอย พุทโธเอ๋ยเลื่อนลอยแล้วเหลียวหลัง
พุทโธเอ๋ยเมื่อมีดีมั่งคั่ง พุทโธเอ๋ยเพื่อนสพรั่งพร้อมพรู
พุทโธเอ๋ยยากจนแล้วคนหยาม พุทโธเอ๋ยมีแต่ความจะอดสู
พุทโธเอ๋ยรูปก็งามความก็รู้ พุทโธเอ๋ยอับแล้วอู้อกระอา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ภุมรินเชยทราบเกสร
X X O O O O O O
ซ้ำ ๓ คำวรรคทุกวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุกบาท
ว่าพระคุณทูลเกล้าจักเศร้าโศก ว่าพระคุณจุลโลกจะลับไศล
พระเจ้าพ่อจะทรงพิราไลย พระเจ้าพ่อจะพึ่งใครไฉนนึก
โอ้พระองค์ทรงเกล้าของลูกเอ๋ย โอ้พระองค์ไม่เคยในการศึก
พระปิ่นเกษอยู่ในป่ามหาพฤกษ์ พระปิ่นเกษท้าวสถึกไม่ตรึกตรอง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ดอกไม้พวงคำน้อง
X X X X O O O O
ซ้ำคำ ๔ คำ ต้นวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุกบท (๔ วรรค)
หมู่นักสนมว่าแม่ร่มโพธิ์ทองทิพย์ หมู่นักสนมว่าจะลิบครรไลสถาน
หมู่นักสนมว่าแม่ร่มโพธิ์นากนาน หมู่นักสนมว่าลมกาลประหารพัด
ต่างต่างองค์ต่างทรงค่อนทรวงโลก ต่างต่างองค์ต่างวิโยคแสนสาหัส
ต่างต่างองค์ต่างทรงซึ่งโทมนัส ต่างต่างองค์ต่างอัดอั้นอุรา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ดอกไม้พวงพู่ร้อย
ลักษณะบังคับเหมือนกับดอกไม้พวงคำน้องทุกประการ
นิจจาเอ๋ยกระไรเลยไม่เคยเห็น
นิจจาเอ๋ยกระไรน่าน้ำตากระเด็น นิจจาเอ๋ยกระไรได้เช่นนี้
แค้นใจเจ็บใจงมหลงลมล่อ แค้นใจเจ็บใจหนอไม่พอที่
แค้นใจเจ็บใจหนอเพราะเชื่อดี แค้นใจเจ็บใจกระจี้บัดสีใจ
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
๔๑.กวางเดินดง
O เอ๋ย O O O O O O
บังคับใช้คำว่า เอ๋ย ในคำที่ ๒ ทุกวรรค
ลูกเอ๋ยแม่จะจัดเอานกแก้ว นกเอ๋ยบินมาแล้วมาเลี้ยงสมร
ยูงเอ๋ยมาเป็นเพื่อนพ่อน้อยจร ยางเอ๋ยมาเยี่ยมร้อนที่เรียมครวญ
นกเอ๋ยนามชื่อว่านกโนรี เร็วเอ๋ยเรียบมานี่มาแนบสงวน
กระเหว่าเอ๋ยแอบกระเวนกระเวียนรวน นกเอ๋ยช่างชูนวลน่าชวนชม
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-18-2009, 02:31 PM
๓.๓ ซ้ำคำในวรรคเดียวกัน
กลอน: คมในฝัก แบบที่ ๑
1 2 3 1 5 6 7 8
ซ้ำคำที่ ๑ กับคำที่ ๔ ทุกวรรค
ช้างที่นั่งช้างทรงอลงกรณ์ งวงงามงอนงวงงาผิวผุดผ่อง
ม้าที่นั่งม้าพยศบทลบอง ว่องทำนองว่องไวพิชัยยุทธ์
รถที่นั่งรถทรงม้าทรงรถ สดสีสังข์สดร่าเริงสุด
จัตุรงค์จัดถ้วนกระบวนยุทธ์ สุดแสนงามสุดกระบวนตาม
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: จักรวาฬ
1 2 3 4 5 6 7 1
ซ้ำคำที่ ๑ กับ คำที่ ๘ ทุกวรรค
นายอำมาตย์ผู้ใหญ่ที่เป็นนาย สงจิตรบ่ายบากจิตรคิดประสงค์
จงจิตรมาถึงวังตั้งจิตรจง ทูลซึ่งองค์พระนเรศน้อมเกศทูล
ดังที่ได้ทัศนามาเดิมดัง สูญความสังขาแต่บดีสูญ
มูลเหตุเห็นประหลาดข้าบาทมูล ก่อกองกูณฑ์อัคคีที่กองก่อ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ครอบจักรวาล
ลักษณะบังคับเหมือนจักรวาลทุกประการ
ขามจิตรคิดข้อหมางระคางขาม
ความจริงใจนี่ไฉนจึงแหนงความ ควรจะถามก็ไม่ถามกันตามควร
พี่นางแกล้งแปลงเรื่องให้เคืองพี่ สรวลซิกซี้กันเสียได้ไม่ไต่สวน
จวนจะชื่นช่างมาคืนให้รัญจวน ออสำนวนพี่นางอย่างนี้ออ
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กำแพงแก้วมุขนั้น แนวกำ แพงนา
กระเบื้องปรุเคลือบด่วนดาม ดาษกระเบื้อง
ที่ทางจะดำเนิน ในที่ มุขฤๅ
เกยย่อย่อขึ้นเยื้อง เยี่ยงเกย
(กรมพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
โคลง: สกัดแคร่ ชื่อ ทวาตรึงประดับ
ลักษณะบังคับเหมือนครอบจักรวาลทุกประการ
เนตรคมสมลักษณ์เนื้อ นิลเนตร
น้องจะวอนวานเชษฐ์ เหนี่ยวน้อง
ส่องศรห่อนถูกเภท เรียมส่อง
มาสบจบจวบห้อง ต่อเท้าวันมา
(จินดามณี)
โคลง: สกัดแคร่
หนาวลมห่มผ้าห่อน หายหนาว
ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว พร่างฟ้า
เด่นเดือนเกลื่อนกลาดดาว ดวงเด่น
ใจเปล่าเศร้าซบหน้า นึกน้องหมองใจ
(โคลงนิราศสุพรรณ)

ปีศาจ
11-19-2009, 01:26 PM
โคลง: หมายกงรถ
ลักษณะบังคับเหมือนครอบจักรวาลและสกัดแคร่ทุกประการ
กินกล้วยกินเบื่อแล้ว ยังกิน
เข้าคิดฤควรยิน ยิ่งเข้า
เข้าไปเพื่อวอนวิน คู่เข้า
นอนที่ใดใดเข้า สุดค้นเคยนอน
(จินดามณี)
โคลง: ยมก
บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท และซ้ำคำ ๒ คำ เลื่อนตำแหน่งทุกบาท
ฦๅ ฤทธิ์ฤทธิ์ราชเรื้อง รณรงค์
ชา พระยศยศยง ยิ่งไท้
ปรา รถพระองค์องค์ ราเมศ
กฏ พระเกียรติไว้ไว้ กว่าม้วยเมื่อกัลป์
(จินดามณี)
กลอน: มยุราฟ้อนหาง
1 1 3 4 5 6 7 7
บังคับซ้ำ ๒ คำต้นวรรค และ ๒ คำ ท้ายวรรค
หวลหวลเจ้าครวญหาว่ากำม์กำม์ อกอกเอ๋ยเวรมาจำจองผลาญผลาญ
ให้ให้เราร้างรักอยู่นานนาน จอมจอมนาฏราชกุมารคลานเมียงเมียง
มองมองแม่แลเห็นยิ่งหวลหวล จิตรจิตรร้อนอ่อนไรรวนครวญเสียงเสียง
ก้องก้องแจ้วแก้วลูกเจ้ากล่าวเอียงเอียง หมอบหมอบแม่แลเมียงเสียงอ่อนอ่อน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: งูกินหาง
1 2 3 4 5 1 2 3
บังคับซ้ำคำ ๓ คำ ต้นวรรค กับ ๓ คำ ท้ายวรรค เลื่อนรับสัมผัส ระหว่างวรรค
ไปรับในคำที่ ๕
อำมาตย์น้อมอภิวาทอำมาตย์น้อม บังคมถวายกายพร้อมบังคมถวาย
ทูลลาบ่ายบากหน้าทูลลาบ่าย จัดแจงกันผันผายจัดแจงกัน
สพรั่งพร้อมมานั่งสพรั่งพร้อม ให้จัดสรรกันล้อมให้จัดสรร
ประชุมกันขุดหลุมประชุมกัน โดยเร็วไวฉับพลันโดยเร็วไว
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: งูกลืนหาง
ลักษณะบังคับเหมือนงูกินหางทุกประการ
โอ้อกเอ๋ยแสนวิตกโอ้อกเอ๋ย
กระไรเลยช้ำใจกระไรเลย จะจากไกลไม่เคยจะจากไกล
สงสารนุชสุดแสนสงสารนุช จะโหยให้ไหนจะหยุดจะโหยไห้
รันทดใจให้สลดรันทดใจ ต้องไกลจรทำไฉนต้องไกลจร
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-19-2009, 01:29 PM
กลอน: สารถีชักรถ แบบที่ ๑
1 2 3 4 4 6 7 1 2
ซ้ำคำ ๒ คำต้นวรรค กับ ๒ คำท้ายวรรค และซ้ำคำกลางวรรคอีก ๑ คู่
สังเวชจิตรคิดคิดมาน่าสังเวช สาหัสเศษเศษสาแสนสาหัส
ต้องมัดผูกผูกจำจองมาต้องมัด เป็นริ้วตัดหลังทลายลายเป็นริ้ว
สงสารเอ๋ยคิคิมาน่าสงสาร ผ่องผิวพาลพาลแต่ก่อนอ่อนผ่องผิว
เป็นนิ้วแนวแนวในกายลายเป็นนิ้ว เดินมาหินหกระเหินด้วยเดินมา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: สารถีชักรถ แบบที่ ๒
1 2 3 4 5 6 1 2
ซ้ำคำ ๒ คำต้นวรรค กับ ๒ คำท้ายวรรค
สงสารกายหมายมิตรคิดสงสาร
ประมาณจิตรผิดเพราะเชื่อเหลือประมาณ เสียดายการที่คิดเปล่าเศร้าเสียดาย
สุจริตคิดว่าตรงคงสุจริต ไม่หมายจิตรเลยว่าใจจะไม่หมาย
กลับกลายเกลื่อนเงือนงามความกลับกลาย สัญญาไว้ไยไม่วายคำสัญญา
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: พระจันทร์ทรงกลด
1 2 3 3 5 6 1 2
ซ้ำคำ ๒ คำ ต้นวรรค กับ ๒ คำ ท้ายวรรค และซ้ำคำที่ ๓ กับ ๔ อีก ๑ คู่
ดาบสน้อยน้อยหน่อเนื้อเชื้อดาบส ผ่องเผ่นภักตร์ภักตร์ทรงกลดงามผ่องเผ่น
แจ้งเจนไพรไพรพงจิตรแจ้งเจน ยามย่ำเย็นเย็นนอนไพรยามย่ำ
หลายวันเดิรเดิรมาได้หลายวัน อุปถัมภ์นั้นนั้นไม่มีที่อุปถัมภ์
ระกำกายเลื่อยล้ามาระกำ ถึงแดนจำจัมบากหน้ามาถึงแดน
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-19-2009, 01:37 PM
กลอน: หงษ์คาบพวงแก้ว
1 2 3 3 5 6 6 8 9
ซ้ำคำ ๒ คู่ ในคำที่ ๓-๔ และ ๖-๗ ทุกวรรค
จักกลับกล่าวกล่วถึงมิ่งมิ่งเมียขวัญ นับแต่วันวันแสนโศกโศกเศร้าศรี
ไม่วายทุกข์ทุกข์ถึงจอมจอมโมลี แสนสุดที่ที่ทุกข์ถึงถึงภัสดา
อยู่ในไพรไพรระหงแดนแดนดงหลวง ให้เปลี่ยวทรวงทรวงนางร่ำร่ำไห้หา
จนเนิ่นนานนานเลื่อนนับนับเดือนมา อยู่ในป่าป่าไพรสัณฑ์สันโดษเดี่ยว
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: รักร้อย
1 2 3 3 5 6 7 8
ซ้ำ ๒ คำ ต้นวรรค เปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค
ยังมีเมืองเมืองใหญ่หนึ่งไพบูลย์ พร้อมสกูลสกูลวงษ์ทั้งพงษา
อันจอมท้าวท้าวไทนามใจกล้า เธอเตรียมการการมหาโยธายศ
เที่ยวปราบหมู่หมู่มหาประชาราษฎร์ ใจฉกาจฉกาจล้ำเกินกำหนด
อันนามท้าวท้าวก็ไม่ได้ปรากฏ โดยจะจดจดนามตามนคร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: บุษบารักร้อย
ลักษณะบังคับเหมือนกับรักร้อยทุกประการ
มีรูปเหยี่ยวเหยี่ยวตั้ง ตามไตร มุขนา
ทกที่มุมมุมของ เขตต์นั้น
ป้านลมจับจับไสว แสวงเหยื่อ เยี่ยงเฮย
กระเบื้องประดับดับถ้วยไสร้ สบสรรพ์
(กรมพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: คุลาซ่อนลูก แบบที่ ๑
1 2 3 3 5 6 7
ลักษณะบังคับเหมือนรักร้อยทุกประการ แต่จำนวนคำในวรรคใช้วรรคละ ๗ คำ
พระปิตุเรศปิตุเรศสังเวชบุตร ก็แสนสุดสุดนิยมสม
ไม่ฟังคำคำจำนิยม พระทรงกรมกรมระทมกรอม
นายเพ็ชฌฆาฎก็มาทหมาย ฉกาจร้ายร้ายไม่ถดถ่อม
จึงปลดเปลื้องเครื่องจำพร้อม จากพระจอมจอมกระหม่อมจริง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: กินนรเก็บบัว
1 2 3 4 3 6 7 8
ซ้ำคำที่ ๓ กับ ๕ ทุกวรรค
สั่งทัพเสร็จทัพแล้วรับสั่ง ให้โหรตั้งหาตั้งคูณหารนับ
ให้ดูฤกษ์ยกฤกษ์จะเบิกทัพ พวกโหรจับหาจับตำรับครู
พิเคราะห์วันหาวันวันธงไชย ได้ฤกษ์ใหญ่ยามใหญ่ปลอดราหู
พระกาลปลอดห่วงปลอดมิตยู บ่ายหน้าสู่ผินสู่หมู่เทวา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
เช็ดหน้าบานหน้าวาด วิจิตร อุไรฤๅ
แทตย์แบกแท่นแบกพบู เบี่ยงถ้า
ทูนเทพรูปเทพสถิต ทายเทิด ขรรค์เอย
มุขนอกมุขหน้าห้อง แห่งละสอง
(กรมพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: นกกางปีก แบบที่ ๑
1 2 3 2 5 6 7 8 1 2 3 4 5 4 7 8
1 2 1 4 5 6 7 8 1 2 3 2 5 6 7 8
บังคับซ้ำคำ ๑ คู่ โดยมีคำอื่นคั่นกลางทุกวรรค โดยไม่ซ้ำตำแหน่งกัน มีลักษณะเหมือน
นกกางปีกบิน
สองกระษัตริย์กระศัลย์ให้รันทด แสนกำสรดสุดคิดสุดพิไสมย
ต่างองค์ต่างทรงโศกาลัย พระภูวไนยภูวนารถให้หวาดทรวง
สองทรงแสนทรงโศกสงสาร ดั่งจะลานชีพดั่งภูเขาหลวง
มากลิ้งทับกลับทับอุทรทรวง เหมือนศรร่วงศรแรงมาแผลงลาญ
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-23-2009, 12:33 PM
กลอน: พยัคฆ์ข้ามห้วย
1 2 3 4 5 6 7 3
บังคับซ้ำคำที่ ๓ กับคำท้ายวรรคทุกวรรค
ครั้นถึงเมืองตั้งค่ายไว้ใกล้เมือง นับหมื่นแสนแน่นเนื่องโยธาแสน
จนล่วงแดนเกือบถึงพ้นกึ่งแดน พวกโยธาหนาแน่นแสนโยธา
ให้ตั้งค่ายรายเรียบระเบียบค่าย ตั้งนักขาพยัคฆ์รายซ่อนนักขา
จับมฤคาแล่นไล่มฤคา ดูดั่งมังกรง่าหัตถากร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ตรีพิธพรรณ
O X O O X X O O หรือ O X X O X O O O
หรือ O X O X O X O O
บังคับซ้ำ ๓ คำ ทุกวรรค โดยไม่กำหนดตำแหน่ง
นางศรียอดศรีศรีระมะดี อัญชุลียกชุลีชุลีสอด
ขึ้นเหนือเศียรอ่อนเศียรน้อมเศียรทอด พระกายกอดบาทร่ำร่ำรำพรรณ์
ว่าโอ้พระพระองค์พระทรงเกล้า ผู้เป็นเจ้าจอมเจ้าเจ้ามิ่งสวรรค์
จะละน้องน้องจักนองเทวศวัน จักครวญครันโศกโศกแสนโศกทรวง
(ศิริวิบุลกิตติ์)

สังเวชจิตรเอยจิตรจิตรเราหนอ
ไม่เจียมกายกายแก่ทำกายตะกอ ดีแต่ก้ออวดก้อก้อเกินนัก
เที่ยวสืบข่าวสาวสาวที่สาวสวย เห็นรูปรวยรื่นรวยสำรวยหนัก
พอผินพักตร์พบพักตร์ประสานพักตร์ เวียนถามทักเราไม่ทักขึ้นทักทาย
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)
๒.๓ ซ้ำคำข้ามวรรค
กลอน: สร้อยสนแบบที่ ๑
1 2 3 3 5 6 7 8 8 2 3 3 5 6 7 8
บังคับซ้ำคำในวรรค ๑ คู่ คือคำที่ ๓ กับคำที่ ๔ และซ้ำคำสุดท้ายของวรรคแรก
กับต้นวรรคต่อไป
พ่อยอดยิ่งยิ่งอนงค์ยุพงษ์สวัสดิ์ สวัสดิ์จิตรจิตรจัดจองผ่องผิวแม่
แผ่ผิวผ่องผ่องภักตร์เมื่อภักตร์แปร แปรภักตร์แลแลเอี่ยมเสงี่ยมองค์
องค์พระมิ่งมิ่งหวังจะตั้งพระนาม นามตั้งตามตามชื่อเมื่อประสงค์
ประสงค์เอาเอาพระนามตามบิตุรงค์ บิตุรงค์พระองค์องค์ตั้งทั้งชื่อนาง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: สร้อยสนแบบที่ ๒
1 2 2 4 5 6 7 8 8 2 2 4 5 6 7 8
บังคับ ซ้ำคำในวรรค ๑ คู่ คือคำที่ ๒ กับคำที่ ๓ และซ้ำคำสุดท้ายของวรรคแรก
กับต้นวรรคต่อไป
สารศรีศรีสวัสดิ์อาวรณ์ถวิล
ถวิลหวังหวังสวาทยุพาพิน ยุพินพี่พี่นี้จินตนาวรณ์
อาวรณ์หวังหวังจะฝากไมตรีจิตร์ จิตร์จงจงมิตรสมัครสมร
สมรหมายหมายมุ่งพะงางอน พงางามงามอรไม่เอออวย
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-23-2009, 12:36 PM
กลอน: วัวพันหลัก
1 2 3 4 5 6 7 8 8 2 3 4 5 6 7 8
บังคับ ซ้ำคำท้ายวรรคแรกกับคำต้นวรรคต่อไปทุกวรรค
อันเรื่องราวดาวบศสร้างพรตทรง ทรงจำนงน้อมกรอ่อนเศียรศรี
ศรีโรราบกราบไหว้เปลวอัคคีมี มียินดีนึกหมายชายจีวร
จีวรแห่งพระปัจเจกพุทธองค์ องค์ท้าวทรงจิตรจำคำสั่งสอน
สอนดวงจิตรทิฎฐิแต่ก่อน ก่อนสั่งสอนฤๅษีย่อมมีมา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: วัวพันหลัก
ตักศิลาจารึกข้อ คำโคลง ไว้เฮย
โคลงบอกเรื่องเลขา คัดแจ้ง
แจ้งอรรถวัจนจรรโลง ลักษณ์ทุก หลังแฮ
ทุกแห่งทั่วห้องแสร้ง สายประกล
(กรมพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)
โคลง: นาคเกี่ยวชั้นเดียว
ลักษณะบังคับเหมือนวัวพันหลักทุกประการ
ประสงค์คงชื่อต้อง สงวนศักดิ์
ศักดิ์ประสงค์จงรัก สัตย์ไว้
ไว้แน่และแม้จัก เสียชีพ
ชีพก็ยอมเสียได้ เพื่อไว้สัจจัง
(โคลงพระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว)
กลอน: เมขลาโยนแก้ว
1 2 3 4 5 6 7 8 7 8 3 4 5 6 7 8
บังคับ ซ้ำคำท้าย ๒ คำ ท้ายวรรคแรกกับ ๒ คำ ต้นวรรคต่อไปทุกวรรค
โอ้แสนเสน่เหหักรักหักเห
เหหักรานถ้อยคำทำลังเล ลังเลเทธิบายบ่ายเบี่ยงกระบวน
กระบวนบิดคิดเห็นดอกเช่นคิด เช่นคิดปิดความควันก็กลั้นสรวล
กลั้นสรวลกันฉันใดไฉนนวล ไฉนนวลที่มีควรก็ควรตรอง
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: ม้าเทียมรถ
1 2 3 4 5 6 7 8 7 8 3 4 5 6 7 8
ลักษณะบังคับเหมือนกัลป์เมขลาโยนแก้วทุกประการ
แสนอาวรณ์นอนนั่งตั้งคิดถึง
คิดถึงวันประสบทักเห็นพักตร์ตึง พักตร์ตึงจึงอิดอ้อนเป็นอำความ
อำความเคืองเรื่องร้อนอะไรเจ้า อะไรเจ้าที่เฝ้าให้ว่าวอนถาม
วอนถามซักนักก็เกรงพะงางาม พะงางามว่าจะตามเฝ้ารบกวน
(ขุนธนสิทธิ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
โคลง: ต่อต้ำ หรืออลงกฏ
บังคับ ซ้ำคำ ๒ คำ ท้ายบาท กับ ๒ คำ ต้นบาทต่อไป
ฦๅพระยศเลื่องทั่ว แดนไตรย
ไตรยเทพอรอวยไชย เลิศแล้ว
เลิศแล้วยิ่งยงใน ภูวโลก
ภูวโลกนี้พระแก้ว เลิศล้ำองค์เดียว
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-23-2009, 12:39 PM
๒.๔ ซ้ำคำใดคำหนึ่งตลอดบท โดยไม่กำหนดตำแหน่ง
กลอน: พวงแก้วกุดั่น
จำรักดูจะใคร่ดูอะไรหนอ
ดูที่ดูชู้ในน้ำใจคอ ดูที่พอใจรักจักอยากดู
จะดูมวยดูปล้ำดูรำเต้น ดูเจ้าเซ็นงิ้วหนังยังไม่อู๋
ดูที่มีชั่วทั่วชมพู ดูไม่สู้ดูชู้ที่ชู้ใจ
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

ปีศาจ
11-23-2009, 12:41 PM
๒.๕ ซ้ำคำถอยหลังในวรรคเดียวกัน
กลอน: คมในฝัก แบบที่ ๒
1 2 3 3 2 1 7 8 9
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๓ คำ แรก กับคำที่ ๔-๕-๖ ทุกวรรค
ปางเริ่มรักรักเริ่มปางจะห่างเหิน
สองใจเป็นเป็นใจสองต้องหมองเมิน เขินขามคิดคิดขามเขินสเทินอาย
ว่าหวังรักรักหวังว่าจะช้าชื่น รื่นรวยรสรสรวยรื่นเร็วคืนหาย
ชิดเชยกลิ่นกลิ่นเชยชิดยังติดกาย วายว่างเว้นเว้นว่างวายเสียดายที
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: กลมกลืนกลอน แบบที่ ๑
1 2 3 4 5 6 5 4
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ในคำที่ ๔-๕ กับคำที่ ๗-๘ ทุกวรรค
นกบินมาราร่อนแล้วร่อนรา บรู้ว่าสมรนาฏพระนาฏสมร
อยู่แห่งใดจรแจ้งไม่แจ้งจร สกุณร่อนราปีกแล้วปีกรา
จะแจจะจอแจ้วจำเสียงจ๋าแล้ว เหมือนเสียงแก้วหาพี่ตามพี่หา
พระน้องเอ๋ยมาเถิดเชิญเถิดมา ครองภาราไชยเรืองให้เรืองไชย
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: สกัดแคร่ ชื่อ ทวารประดับ
1 2 3 4 5 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำ ต้นบาทกับ ๒ คำ ท้ายบาท
ลางวันฟังข่าวร้าย วันลาง
ร้อนยิ่งไฟฟอนฟาง ยิ่งร้อน
ข่มสุดโศกบ่วาง สุดข่ม ขืนนา
กรรมกูฉันใดย้อน ซัดให้กูกรรม
(จินดามณี)
โคลง: สารถีขับรถ
1 2 3 4 5 2 1
ลักษณะบังคับเหมือน สกัดแคร่ ชื่อ ทวารประดับ ทุกประการ
แถวเขตต์ตะวันตกข้าง เขตต์แถว นั้นนา
น้ำช่วงหน้าวัดชาย ช่วงน้ำ
ก่อฉนวนเนื่องเนินแนว ฉนวนก่อ อิงเอย
ดูลิ่วตระหลอดน้ำล้ำ ลิ่วดู
(กรมพระปรมานุชิตชิโนรส: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-23-2009, 12:49 PM
อินทรวิเชียรฉันท์: สารถีขับรถ
ทรงศรีวิสิฐฐา- นะพระราชศรีทรง
งามยิ่งพระยศยง สิริบงพระยิ่งงาม
ยามยุคนิยมกาล กลจาร ณ ยุคยาม
ไทยรัฐจรูญนาม ก็เพราะรามณรัฐไทย
(สมเด็จพระภัทรมหาราชคำฉันท์)
โคลง: สารถีขับรถ แบบที่ ๓
ลักษณะบังคับเหมือนสารถีขับรถ และสกัดแคร่ชื่อ ทวารประดับ ทุกประการ
ทางไทยคอยข่าวข้าง ไทยทาง เหนือนา
ได้ข่าวแมวมองตาม ข่าวได้
ซุ่มซ่อนเสือป่าพราง ซ่อนซุ่ม
ตรงลิ่วมาแล้วใกล้ ลิ่วตรง
(ผืนแผ่นไผทนี้ล้ำ แหล่งคุณ)
กลอน: มังกรคายแก้ว
1 2 3 4 5 6 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำ ต้นวรรค กับ ๒ คำ ท้ายวรรค ทุกวรรค
นายเพ็ชรฆาฎมาทในใจเพ็ชนาย เสถียรบ่ายบากหน้าพาเสถียร
เวียนถึงที่ป่าช้าพาถึงเวียน มัดผูกเนียนกับหลักชักผูกมัด
ให้กายแหงนแอ่นคองอกายให้ หัดฝึกได้ชำนาญการฝึกหัด
กัดฟันกรอดออดอึกกึกฟันกัด รำดาบจัดจ้องท่าร่าดาบรำ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: มังกรคาบแก้ว
ลักษณะบังคับเหมือนกับมังกรคายแก้วทุกประการ
สารสงวนควรมิตรสงวนสาร
นานคะนึงเสน่ห์นวลคะนึงนาน ทวีทุกข์เหลือที่ทานทนทุกข์ทวี
โศกถวิลกินเทวษถวิลโศก พี่ห่างน้องต้องวิโยคด้วยห่างพี่
ปีกว่าปานประมาณไว้ได้กว่าปี แลสุดที่พำนักนุชพี่สุดแล
(กรมหมื่นไกรสรวิชิต: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: ฉัตรสามชั้น
1 2 3 4 5 3 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๓ คำ ต้นวรรค กับ ๓ คำ ท้ายวรรค ทุกวรรค
ในการเมื่อพระยาพาลเมื่อกาลใน หวนหันให้ใจคิดฝันให้หันหวน
จวนใจคิดผิดจิตรคิดใจจวน วายวอดควรม้วยมอดควรวอดวาย
ไปตกที่อวิจีที่ตกไป ฝ่ายนาคที่เป็นใหญ่ที่นาคฝ่าย
บ่ายบากพาโพธิสัตว์พาบากบ่าย จรจากผายผันที่ผายจากจร
(ศิริวิบุลกิตติ์)

lek
11-23-2009, 07:04 PM
สวัสดีทุกๆท่านขอรับ และท่านปีศาจฯขอรับ
มาลองแต่งขอรับ ลองดูขอรับ ;D



กลอน: มังกรคายแก้ว
1 2 3 4 5 6 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำ ต้นวรรค กับ ๒ คำ ท้ายวรรค ทุกวรรค
นายเพ็ชรฆาฎมาทในใจเพ็ชนาย เสถียรบ่ายบากหน้าพาเสถียร
เวียนถึงที่ป่าช้าพาถึงเวียน มัดผูกเนียนกับหลักชักผูกมัด
ให้กายแหงนแอ่นคองอกายให้ หัดฝึกได้ชำนาญการฝึกหัด
กัดฟันกรอดออดอึกกึกฟันกัด รำดาบจัดจ้องท่าร่าดาบรำ
(ศิริวิบุลกิตติ์)


ใจมั่นหมั่นทำย้ำจนมั่นใจ
หลงรู้ให้ชัดหัดดูรู้หลง
วงเวียนเปลี่ยนวนปนเข้าเวียนวง
ทันรู้ตรงใจกลางทางรู้ทัน

ทางเดินทอดยาวก้าวไปเดินทาง
สรรค์สร้างย่างเหยียบรู้ใจสร้างสรรค์
วันวานผ่านพ้นอดทนวานวัน
ใจแจ้งนั้นรออยู่รู้แจ้งใจ

ปีศาจ
11-24-2009, 12:25 PM
กลอน: ม้าลำพองแบบที่ ๑
ลักษณะบังคับเหมือนฉัตรสามชั้น ทุกประการ
เช้าเมื่อยามรุ่งเรืองยามเมื่อเช้า ผ่อนผันเข้าเขตรขันธ์เข้าผันผ่อน
จรเมืองในเสด็จในเมืองจร ชนหญิงชายชาวนครชายหญิงชน
ต่างต่างมาแต่งตัวมาต่างต่าง สนเสือกวางวิ่งมาวางเสือกสน
วนวุ่นแวงแครงครุ่นแวงวุ่นวน ชมชวนชนต่างคนชนชวนชม
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: กระแตไต่ไม้
1 2 3 0 0 3 2 1 1 2 0 0 0 0 2 1
1 0 0 0 0 0 0 1 1 2 3 0 0 3 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลังต้นวรรค กับท้ายวรรค ทุกวรรค และซ้ำลดจำนวนลงตั้งแต่ ๓-๒-๑
เศร้าหมองทรงยุพยงทรงหมองเศร้า หุนหวนเจ้าสุดแค้นแสนหวนหุน
ครุ่นครั้นหวังฟังบุตรสุดแสนครุ่น ในใจแค้นแสนวุ่นแค้นในใจ
สุดจิตรห้ามสามจนจิตรสุด ไฉนบุตรสุดคิดน้ำจิตรไฉน
ใจเกรงคิดจิตรละเวงคิดเกรงใจ พรอวยไชยให้บุตรสุดอวยพร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: นกกางปีก แบบที่ ๒
ซ้ำคำถอยหลัง ๒ คู่ ทุกวรรค โดยไม่ซ้ำที่กัน
แสนรักร้อนร้อนรักหนักอกเอ๋ย
ฉันใดจะได้ชมชิดชิดชมเชย ไม่ลืมเลยเลยลืมปลื้มอาลัย
แต่ได้เห็นโฉมงามงามโฉมเฉลิม ก็พูนเพิ่มเพิ่มพูนจิตรพิสมัย
สวาทแสนแสนสวาทเพียงขาดใจ ก็คิดไฉนนี่นี่ไฉนนะอกอา
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: กลมกลืนกลอน แบบที่ ๒
X X 3 4 5 6 5 4
บังคับกระทู้ ๒ คำ ต้นวรรคทุกบาท โดยเปลี่ยนกระทู้ทุกบท และซ้ำคำถอยหลัง
คำที่ ๔-๕ กับ ๒ คำ ท้ายวรรคทุกวรรค

แสนเสียดายหายห่างโอ้ห่างหาย
แสนเสียดายกรายนาฏช่างนาฏกราย แสนเสียดายงามงอนเจ้างอนงาม
คิดถึงเหลือเมื่อครั้งสุขครั้งเมื่อ คิดถึงเนื้ออ่อนเนื้ออุ่นเนื้ออ่อน
คิดถึงเคยนอนแนบนางแนบนอน คิดถึงจรจำใจจากใจจำ
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:27 PM
๒.๖ ซ้ำคำถอยหลังข้ามวรรค
กลอน: ถอยหลังเข้าคลอง
1 2 3 4 5 6 7 8 8 7 6 5 4 3 2 1
บังคับให้วรรคที่ ๒ ซ้ำคำถอยหลังจากวรรคแรก ทุกบาท
เจ้างามสรรพสรรพางค์ดังนางสวรรค์
โพยมแจ่มจันทร์เปรียบพอเทียบทัน ทันเทียบพอเปรียบจันทร์แจ่มโพยม
โฉมฉะอ้อนอัปสรทรงเสมอสมร สมรเสมอทรงอัปสรฉอ้อนโฉม
ฤๅทัยโทโทรมเศร้าประเล้าประโลม ประโลมประเล้าเศร้าโทรมโทมฤทัย
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: นาคเกี่ยวกระหวัด
1 2 3 4 5 6 7 8 8 7 3 4 5 6 7 8
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำท้ายวรรคแรก กับ ๒ คำต้นวรรคต่อไป ทุกวรรค
พระปิตุรงค์ฟังบุตรเห็นสุดห้าม ห้ามสุดความคิดบุตรเห็นสุดหาญ
หาญสุดไม่หยุดยั้งจะรั้งราญ ราญรั้งนานแน่วเนตรสังเวชบุตร
บุตรเวทนาถึงพ่อก็คลอเนตร เนตรคลอเวทนาแน่นก็แสนสุด
สุดแสนแค่นแค้นใจดังไฟจุด จุดไฟรุทใจร้อนดั่งศรราน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: นาคพันธ์ ชื่อ สนธิอลงกฏ
1 2 3 4 5 6 7
7 6 3 4 5 6 7
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำท้ายบาทแรก กับ ๒ คำหลังทุกบาท
เหมือนกับนาคเกี้ยวกระหวัด
ฝนตกนกร้องร่ำ ครวญคราง
ครางครวญถึงนวลนาง โศกเศร้า
เศร้าโศกร่ำแต่ปาง ไปจาก
จากไปเรียมไฉนเจ้า พี่เพี้ยงตรอมตาย
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:29 PM
๒.๖ ซ้ำคำถอยหลังข้ามวรรค
กลอน: ถอยหลังเข้าคลอง
1 2 3 4 5 6 7 8 8 7 6 5 4 3 2 1
บังคับให้วรรคที่ ๒ ซ้ำคำถอยหลังจากวรรคแรก ทุกบาท
เจ้างามสรรพสรรพางค์ดังนางสวรรค์
โพยมแจ่มจันทร์เปรียบพอเทียบทัน ทันเทียบพอเปรียบจันทร์แจ่มโพยม
โฉมฉะอ้อนอัปสรทรงเสมอสมร สมรเสมอทรงอัปสรฉอ้อนโฉม
ฤๅทัยโทโทรมเศร้าประเล้าประโลม ประโลมประเล้าเศร้าโทรมโทมฤทัย
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: นาคเกี่ยวกระหวัด
1 2 3 4 5 6 7 8 8 7 3 4 5 6 7 8
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำท้ายวรรคแรก กับ ๒ คำต้นวรรคต่อไป ทุกวรรค
พระปิตุรงค์ฟังบุตรเห็นสุดห้าม ห้ามสุดความคิดบุตรเห็นสุดหาญ
หาญสุดไม่หยุดยั้งจะรั้งราญ ราญรั้งนานแน่วเนตรสังเวชบุตร
บุตรเวทนาถึงพ่อก็คลอเนตร เนตรคลอเวทนาแน่นก็แสนสุด
สุดแสนแค่นแค้นใจดังไฟจุด จุดไฟรุทใจร้อนดั่งศรราน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: นาคพันธ์ ชื่อ สนธิอลงกฏ
1 2 3 4 5 6 7
7 6 3 4 5 6 7
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๒ คำท้ายบาทแรก กับ ๒ คำหลังทุกบาท
เหมือนกับนาคเกี้ยวกระหวัด
ฝนตกนกร้องร่ำ ครวญคราง
ครางครวญถึงนวลนาง โศกเศร้า
เศร้าโศกร่ำแต่ปาง ไปจาก
จากไปเรียมไฉนเจ้า พี่เพี้ยงตรอมตาย
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:31 PM
กลอน: นารายณ์ประลองศิลป์
บังคับซ้ำคำและซ้ำเสียงพยัญชนะเหมือนกับพิณประสานสายทุกประการ แต่ซ้ำเสียงสระ เพียง ๒ คู่ คือ ในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๕ ส่วนคำที่ ๘-๙ ไม่แน่นอน
สำเนียงเสียงสำนวนสรวลสำเนาสาร
ทำรอพ้อทำฤทธิ์พิษทำรานพาล ประเมิณเกินประมาณการประมวลกวน
เฉลียวเลี้ยวชะลอล่อแฉลบแหลม ทำแนมแซมทำนองซ้องทำน่าสรวล
ฉนางช่างไฉนใช่ชนวนชวน กระบวนทวนกระบอยถ้อยกระบิดทำ
(หลวงนายชาญภูเบศร์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
กลอน: จตุรงคนายก
1 X 1 X 1 Y 1 Y
บังคับซ้ำคำที่ ๑, ๓, ๕ และ ๗, ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ คู่ ในคำที่ ๒ กับ ๔ และ
คำที่ ๖ กับ ๘ ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๔ กับ ๖ ทุกวรรค
จักกรีดจักกรายจักย้ายจักย่อง ไม่เมินไม่มองไม่หมองไม่หมาง
งามเนื้องามนิ่มงามยิ้มงามย่าง ดูคิ้วดูคางดูปรางดูปรุง
ดั่งดาวดั่งเดือนดั่งจะเลื่อนดั่งจะลอย พิศแช่มพิศช้อยพิศสร้อยพิศสุง
ช่างปลอดช่างเปลื่องช่างเรืองช่างรุ่ง ทรงแดงทรงดุ่งทรงวุ้งทรงแวง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: เสือซ่อนเล็บ
1 2 3 4 5 6 2 8
บังคับซ้ำคำที่ ๒ กับคำที่ ๗ ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๓-๔ และ ๕-๖ ทุกวรรค
ตัวเราคิดพิสไมยใจเราหาย เอาจิตรกายบ่ายบากหากจิตรเถลิง
แทนคุณท้าวสนองจองคุณเจิง เราผู้เริงเชิงอาจชาติผู้ชาย
จักแลกเปลี่ยนเจียนองค์ปลงแลกจิตร แลกกายคิดติดต่อก่อกายหมาย
ท่านผู้เชิดเลิศชื่อฦๅผู้ชาย จับเราบ่ายกายหนาพาเราไป
(ศิริวิบุลกิตติ์)

กลอน: ดุริยางคจำเรียง
1 1 3 4 6 7 7 9
บังคับซ้ำคำ ๓ คู่ ในคำที่ ๑-๒,๔-๕ และ ๗-๘ ซ้ำเสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๓-๔
และ ๖-๗ ทุกวรรค เลื่อนรับสัมผัสไปรับในคำที่ ๖
หวั่นหวั่นจิตรคิดคิดไปใจใจหวล อ่อนอ่อนท้อรอรอรวนนวลนวลสมร
ท้าวท้าวแนบแอบแอบน้องย่องย่องจร เหนื่อยเหนื่อยนอนขอนขอนไม้ใต้ใต้ไพร
เสียงเสียงนกกกกกคู่คูคูขัน จักจักกระจั่นกลั่นกลั่นเกลี้ยงเกลี้ยงใส
แจ้วแจ้วจ้าร้าร้าร้องก้องก้องไพร เรเรไรใสใสเสียงเกลี้ยงเกลี้ยงกลม
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:33 PM
๘๑.ฟักพันร้าน
1 X Y X Y X 1
บังคับซ้ำคำแรกกับคำท้ายวรรค ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ เสียง สลับกันตลอดวรรค และซ้ำ
เสียงสระ ๒ คู่ ในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๕ ทุกวรรค บังคับจำนวนคำวรรคละ ๗ คำ
จิตรแหนงเจ้าในใจหนักจิตร
มิตรเชือนเหมือนใช่ไม่เช่นมิตร เบือนจิตรบิดจากบากใจเบือน
หนักทรวงหน่วงสารนาสื่อหนัก เหมือนจิตรมิตรจักมักจักเหมือน
เพื่อนใจใฝ่เจ้าเฝ้าเชือนเพื่อน
(พระองค์เจ้าคเนจร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
๘๒.นาคบริพันธ์
1 2 3 4 5 6 7 X 6 7 X 4 5 6 7 X
บังคับซ้ำคำที่ ๖, ๗ ในวรรคแรกกับ ๒ คำแรกใสวรรคถัดไป และซ้ำเสียงพยัญชนะ
ในคำสุดท้ายของวรรคแรกกับคำที่ ๓ ของวรรคถัดไปทุกวรรค เลื่อนรับสัมผัสนอก
ไปรับในคำที่ ๖
กรุงกระษัตริย์ชัดคำโหรทำนาย โหรทำนูนทูลหมายอาไลยสูญ
อาไลยเสียงเหลียวหลังให้คั่งคูน ให้คั่งแค้นแน่นหนูนด้วยดวงจันทร์
ด้วยดวงจอมสุดาโหราทาย โหราทูลว่าร้ายพระไทยหวั่น
พระไทยหวังสังเกตสังเวชครัน สังเวชครุ่นจิตรมั่นเอาขันตี
(ศิริวิบุลกิตติ์)
โคลง: นาคบริพันธ์
รับพรพระสั่งแล้ว ลีลา
ลีลาศสู่ปรางคืน เขตห้อง
เขตหอส่ำสนมมา เมียงม่าย
เมียงหมอบมวลพร้อมร้อง ร่ำครวญ
(ผืนแผ่นไผทนี้ล้ำ แหล่งคุณ)
๘๓.ม้าลำพองแบบที่ ๒
1 2 3 4 5 4 3 2 1
บังคับซ้ำคำถอยหลัง ๔ คำ ต้นวรรค กับ ๔ คำ ท้ายวรรค ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ คำ
ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๓-๔ และ ๖-๗
แสนโศกทรวงหน่วงหนักหน่วงทรวงโศกแสน
แค้นเคืองคิดจิตรเจ็บจิตรคิดเคืองแค้น นางทดแทนแม่นหมายแม่นแทนทดนาง
น้องแหนงหน่ายคลายรักคลายหน่ายแหนงน้อง หมางจิตรหมองจิตรมีจิตรหมองจิตรหมาง
จางเจื่อนจริงหญิงเอ๋ยหญิงจริงเจื่อนจาง รวนเรร้างค้างเขินค้างร้างเรรวน
(พระองค์เจ้าคเนจร: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:35 PM
๔. กลบทชนิดบังคับอักขรวิธี ได้แก่กลบทที่นำเอาอักขรวิธีไทย เช่น การใช้สระ, พยัญชนะ, วรรณยุกต์, มาตราตัวสะกด ฯลฯ มาบังคับใช้
กลอน: ถาวรวธิรา
บังคับให้มีคำใช้ไม้ม้วนทุกวรรค โดยไม่กำหนดจนวนและตำแหน่งของคำ
กล่าวถึงมเหสีที่อยู่ใน อรัญใหญ่องค์เดียวอนาถา
อนาถใจถึงพระองค์พระภัสดา ให้โศกาถึงบุตรสุดอาวรณ์
พ่อเนื้อทองผ่องใสสุดใจเอ๋ย มาละเลยแม่เสียในศิงขร
ให้แม่ทุกข์ทุเรศเทวศวอน บเห็นมิ่งดวงสมรแม่ร้อนใจ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: โสภณาอนุกูล
บังคับให้มีคำใช้ไม้มลายทุกวรรค โดยไม่กำหนดจำนวนและตำแหน่งของคำ
โอ้พระร่มโพทองของน้องไฉน ไม่เห็นไทกลับหลังดังประสงค์
ตั้งแต่ท้าวไปจากน้องพรากองค์ อาไลยทรงโศกเศร้าร้าวอุรา
เมื่อยามเสวยเสวยชลเนตรไหล ดังฟอนไฟไหม้อกหมกมุ่นหา
พระจอมไทไกรจักรหลักโลกา อนาถายากไร้หมดไพร่พล
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: อุภะโตโกฏิวิลาศ
บังคับให้ใช้วรรณยุกต์รูปเดียวกันตลอดวรรค โดยไม่กำหนดจำนวนและตำแหน่งของคำ
จักกล่าวถึงยอดยิ่งมิ่งกุมาร ให้รีบยกพลทหารสท้านไหว
มาถึงที่เขาวิบุลบรรพตไพร เห็นไรไรราวแคว้นกุฎีดง
เสด็จด่วนจากที่มงคลคช น้อมประนตนบนิ้วขึ้นจำนง
ค่อยไคลคลาลาลีกับบาทบง กระประจงน้อมนบเคารพคุณ
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: กัจจายนมณฑล
บังคับให้คำต้นวรรคใช้อักษรสูง อักษรกลาง และอักษรต่ำ สลับกันไปทุกวรรค
สมเด็จพระศิริวิบุลกิตต์ กำจัดจิตจากโศกวิโยคหา
ค่อยตรึกตรองฉลองคุณพระชนมา ให้เสนาจัดแจงแต่งโกษทอง
ดับประดิดวิจิตรบรรจงเจิด วิไลยเลิศล้วนลายไม่มีหมอง
แผ้วจำรัสผ่องศรีมณีรอง ดูลอยล่องเครื่องประดับระยับตา
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:42 PM
กลอน: สุนทรโกศล
บังคับใช้แต่ "ส"
จักกล่าวถึงสมเด็จราชกุมาร กระเษมสานต์สุรสิทธิ์สมฤทธิ์สมร
ครองสมบัติแสนสวัสดิสุนทร พระยานาคเสด็จจรยังบาดาล
พระองค์กับทรงฤทธิ์พระบิตุราช คิดถึงนาฏชนนีในไพรสาณฑ์
จะไปรับหม่อมราชสุริกากาญจน์ ให้คืนสู่เขตรสถานเสวยรมย์
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: วิมลวาที
บังคับให้ใช้แต่ "ศ"
บ้างเชยชมศาขาแลศิงขร แง่ชง่อนงามพิเศศน่าพิศไมย
ทั่วประเทศน่าบันเทิงเริงพระไทย ข้างชั้นในซอกผาศิลาลาย
แลล้วนวิเศศด้วยรุกขชาติ เหมราชงามเลิศดูเฉิดฉาย
หมู่วิหคหัศดินกินนรราย ช่างเพริศพรายเพราพร้อมลม่อมนวล
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: อธิบดีอักษร
บังคับให้ใช้แต่ "ษ"
พระเกษแก้วมงกุฎของลูกเอ๋ย พระไม่เคยราษร้างห่างบุตรถนอม
เพราะรักบุตรเหลือรักจักตรมตรอม จะซูบผอมรังษีฉวีวรรณ
เห็นปักษีจับต้นพฤกษาเรียง เหมือนแม่เคียงพระหัตถ์กอดประคองขวัญ
เที่ยวประพาษในป่ามหาวัน เก็บพฤกษ์พรรณผลไม้ให้ภุญชา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา
บังคับไม่ให้ใช้คำที่มีตัวสะกดตลอดวรรค
พระฤๅษีมีคำนำวาที ว่าข้านี้อยู่มาในป่าใหญ่
ไมมีผู้ตู่ต่อก่อกำม์ใด นิราภัยโรคีไม่มีบีฑา
ที่ปีนี้มีงูที่อยู่ไพร ไม่ทำใจอยู่ดีมีศุขา
แต่อยู่ในไพรศรีนี้ช้ามา นี้เวลาเช้าค่ำย่ำราตรี
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-24-2009, 12:45 PM
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน
เจ้าพรานเห็นอิสีมีใจหาญ ที่รำคาญแต่ก่อนถอนใจใหญ่
แสนสำราญบานชื่นรื่นในใจ ก็เข้าไปกินหาผลามี
อยู่มาได้ไม่ช้าก็ลาจร พระภูธรชี้หนตำบลศรี
ให้พรานไปปิ่นเกล้าเจ้าธานี มีวาทีว่าดูผู้ชำนาญ
(ศิริวิบุลกิตติ์)]
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน กง
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน กับแม่ กง
พอถึงครามามหาสถาน สันดานพาลทมิฬมลทินหวั่น
ไหวอยู่เหมือนในอุบลที่รนรัน น้ำใจนั้นไหลลุเหมือนอุทกา
อันตั้งอยู่ในใบอุบลมี ไหลรินรี่สิ้นวันไม่กังขา
พอได้ยินคำคนนั่งสนทนา ว่าราชาเจ้าธานีที่หนีไป
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน กง กด
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน, กง และ กด
กรุงกระษัตริย์ทรงฟังไม่กังขา ซึ่งตรัสว่าบัดนี้อยู่ที่ไหน
ขอประทานข้าเถ้าเต้าจรไป ได้อาไศรยอยู่ที่กฎีดง
ถึงเจ็ดวันจึ่งข้าทูลลาจร ใกล้ศิงขรป่าใหญ่ไพรระหง
สัจจังฤๅดังนั้นเป็นมั่นคง ประทานจงเหมือนข้าแจ้งจาบัลย์
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน กง กด กก
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน, กง, กด และ กก
โอ้ระอาอกข้าครานี้นี่ เห็นสุดที่ที่จะคิดคิดถึงสมร
สมรแม่แม่จะร่ำร่ำอาวรณ์ อาวรณ์ร้อนร้อนร่ำร่ำรำพึง
รำพึงคิดคิดถึงพี่พี่จากเจ้า พี่จากใจใจพี่เศร้าคนึงถึง
คะนึงถิ่นที่สถิตจิตรคะนึง จิตรคเนแต่อ้ำอึ้งให้อึ้งใจ
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:25 PM
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน กง กด กก กบ
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน, กง, กด, กก และ กบ
พระนางสดับนางวับน้ำจิตรหวิด น้ำจิตรคิดใจแค้นดั่งแสนศร
จึ่งทูลองค์ทูลพงษ์ทิพากร ว่าภูธรภูเบศร์นเรศร์ตรี
จักจากน้องจากนางไปทางไหน สุดอาไลยประไลยกลางไพรสี
พระตอบนางปลอบนางพลางพาที ว่าพี่นี้วันนี้จักนิรา
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: บังคับใช้แต่ ก กา กน กง กด กก กม
บังคับให้มีตัวสะกดได้เฉพาะแม่ กน, กง, กด, กก และ กม
น้องน้องพี่นี้นี้แน่แม่แม่เจ้า อย่าอย่าทุกข์รุกรุกเร้าเจ้าเจ้าจง
เร่งเร่งจับรับรับแหวนแสนแสนตรง ธำธำรงค์วงวงนี้ดีดีนัก
เก็บเก็บไว้ให้ให้บุตรสุดสุดใจ นานนานไปใหญ่ใหญ่มากล้ากล้าศักดิ์
พี่พี่ยาลาลาน้องผ่องผ่องภักตร์ ภักตร์เพียงภักตร์พรหมอุดมงาม
(ศิริวิบุลกิตติ์)


กลอน: อักษรกลอนตาย
บังคับให้ใช้แต่คำตาย
สุดคิดจิตรวิตกอกจะทรุด ทุกข์เพราะรักหนักดุจชีพจักขาด
นุชเทวศเกษชกตบอกนาฏ แทบจะวาทชีพวอดอกงอบแงบ
เจ็บจิตรเจ็บอกวิตกหนัก จักจากรักจากราชนาฏหอบแหบ
คิดเคียดคัดข้อขัดอกวิตกแทบ จิตรวอบแวบวาบวิบจะลิบลับ
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:26 PM
กลอน: สิงหฬวาท
บังคับให้ใช้คำภาษาบาลีต้นวรรค
มีโองการว่าดูพธุนาฏ ตุมเห ท่านจงปรารถนาหา
ปุตฺซึ่งพระราชกุมารา รักขิตา อีกได้ครองสนองวงษ์
ยา อิตฺถี หญิงใดแม้ใสสุด ได้ซึ่งบุตรชายหมายประสงค์
สา อิตฺถี หญิงนั้นเป็นมั่นคง ให้เลื่อนองค์ยศยิ่งเป็นมิ่งวัง
(ศิริวิบุลกิตติ์)
กลอน: ยัติภังค์
บังคับให้ลงท้ายวรรคด้วยคำขาดหรือความขาด แล้วนำไปต่อต้นวรรคถัดไป
ครั้นรุ่งแสงแสงทองส่องซึ่งรัศ- มีจัดจัดแจ่มแอร่มใส-
สว่างแสงแสงศรีระวีใน- นพภาไลยไลยประเทศวิเศษกรุง-
กระษัตริย์เสด็จเสด็จยังที่นั่งน่า- มุขมหาปราสาทประเสริฐสูง-
ศรีสุกสุกเริงบรรเทิงรุ่ง- ราษีพุ่งพุ่งเผ่นกระเด็นจอม-
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:28 PM
โคลง: ฤษีแปลงสาร
บังคับเสียงเรียงอักษรกลับคำ เช่น "ไว้" เป็น "ว้ไ"
กอัรษรวณษกลันวล้ งลพเลพา
อชื่ฤรีษงลปแรสา บสืว้ไ
ดลัผนยพีเนยลี่ปเนอลกราก ยาลกบลัก
นสห์ท่เห์เบลัห้ไ นาอ่นล้หเนป็เมษกเ
ถอด
อักษรวรลักษณล้วน เพลงพาล
ชื่อฤษรีแปลงสาร สืบไว้
ผลัดเพี้ยนเปลี่ยนกลอนการ กลายกลับ
สนเท่ห์เล่ห์ลับให้ อ่านเหล้นเป็นเกษม
(จินดามณี)
โคลง: ไทหลง
บังคับใช้ตัวอักษรแทนกัน ผู้อ่านต้องรู้จักสูตรของการใช้อักษร เรียกว่า
"สูตรไทหลง" ซึ่งพระปิฎกโกสล(อ่วม) ทำขึ้นไว้ดังนี้ (หลวงธรรมาภิมณฑ์ ๒๕๑๔:๗)
กาเหงา เจ่าอยู่ ไฟฮือ ฬือฦๅ ด เป็น ถ ถอดอักษรได้ว่า
ก <--> ง ข <--> ค ฃ <--> ฅ ฆ <--> ฌ
จ <--> ย ฉ <--> ช ซ <--> ฒ ญ <--> ฑ
ฎ <--> ฐ ฎ <--> ณ ด <--> ถ ต <--> น
ท <--> บ ธ <--> ฝ ป <--> ม ผ <--> พ
ฟ <--> ฮ ภ <--> ฬ ร <--> ล ว <--> ส
ห <--> อ
หังวลสลวาลวล้หจ วีวสัวถิ์
สติถาตาลีลันต แน่กไส้
จุทรงรโขรกผลัถ เผีจ้ตนิ
ขืหไบอรกพยกใอ้ หายห้ากเม็ดพร

ถอด
อักษรวรสารสร้อย สีสวัสดิ์
วนิดานารีรัตน์ แต่งไว้
ยบุลกลโคลงพรัด เพี้ยนติ
คือไทหลงผจงให้ อาจอ้างเป็นผล
(จินดามณี)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:30 PM
โคลง: ไทยนับ ๓
นับครั้งละ ๓ อักษร แล้วเก็บตัวอักษรออกมาหนึ่งตัว เมื่อหมดแถวก็นับทวนต้นใหม่
จนครบอักษรทุกตัวในแถว เช่น มจ้ไบงทอตนักมบเอ้สาเถ

นับครั้งที่ ๑ จะได้ตัวอักษร ไทนับสา แล้วเหลืออักษร ๒ ตัว ต้องนับรวมแล้วตั้งต้นใหม่
นับครั้งที่ ๒ จะได้ตัวอักษร มบอกแ แล้วเหลือตัวอักษร ๑ ตัว นับรวมแล้วตั้งต้นใหม่
นับครั้งที่ ๓ ได้ตัวอักษร จ้งตามอัถ ครบทุกตัวอักษร นำมาเรียงกัน
มจ้ไบงทอตานักมบเอ้สาเถ
ศสาถทุมอกสัดถ้นทีอทัลย
กวัใสสนสาติเร่พเสจ
ยบเงสิสส้นนาะรุสุสำอนเยทนีซาร
ถอด
ไทยนับสามบอกแจ้ง ตามอัถ
ถอดทีละสามสันทัด ทุกถ้อย
ในแกสสารสวัส ดิพจ
เสนาะสำเนียงสร้อย ซาบสิ้นสุนทร
(จินดามณี)



โคลง: ไทยนับ ๕
บังคับเช่นเดียวกับ ไทยนับ ๓ แต่นับครั้งละห้าตัวอักษร
รท้วขอัปรโบกวงควษรไยน
ชเนลเวล่ช้ยปนห์อลนชื่กย
ทำวร้ร่ลำสำญนอนำเรเซ่น
คตยนลัตริยาคบรึถักนฦๅกอพ้ณา
ถอด
อักษรบวรทรงไว้ โดยขบวน
เป็นเล่ห์กลยลชวน ชื่นช้อย
ลำนำทำสำรวญ เร้นซร่อน
ลับฤกตรึกตริถ้อย ยากพ้นคณนา
(จินดามณี)
** นอกจากนี้ยังมี กลโคลง อักษรเลข และฝนแสนห่า ซึ่งใช้ตัวเลขแทนสระ ไม่สามารถพิมพ์ได้ จึงเว้นไว้
กลบทชนิดไทหลง ไทนับสาม ไทนับห้า ฤๅษีแปลงสาร อักษรเลข และฝนแสนห่า นี้ ฉันทิชย์กระแสสินธุ์ ได้อธิบาย ไว้ว่า "โบราณจารย์คิดขึ้นสำหรับ ใช้ในราชการสงคราม และสำหรับกุลบุตรกุลธิดา ได้ศึกษา" จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นหลักสูตรสำหรับเรียน เพื่อใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง มิใช่เพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ดังกลบทชนิดอื่นๆ

ปีศาจ
11-30-2009, 01:31 PM
๕. กลบทชนิดบังคับฉันทลักษณ์ กลบทชนิดนี้จะเพิ่ม บังคับฉันทลักษณ์ ของคำประพันธ์ แต่ละชนิด ให้มากขึ้น เช่น บังคับใช้ คณะฉันท์ กับคำประพันธ์ชนิดที่ไม่ใช่ฉันท์ เพิ่มสัมผัสบังคับ หรือเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งรับสัมผัส เป็นต้น
๑๐๑.ลิ้นตะกวด
O O O O O O O O O O O O O O O O
O O O O O O O O O O O O O O O O
บังคับสัมผัสวรรคละ ๒ คำ คือ ๒ คำท้ายวรรค กับคำที่ ๒, ๓ ของวรรคถัดไป
รวมทั้งสัมผัสระหว่างบทด้วย


ได้ทราบสารเสน่หาน่าเสสรวล
จะมาเย้ายั่วใจให้เรรวน เห็นเล่ห์ล้วนลวงล่อข้อจงใจ
ซึ่งว่าแสนรัญจวนหวนโหยถวิล ทั้งโดยดิ้นอกจะหักรักหลงใหล
มอบชีวังฝังฝากปลงฤๅทัย จะคงให้ความสัตย์จริงสิ่งรักแรง
(พระราชนิพนธ์: ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ)
๑๐๒.ลิ้นตะกวดคะนอง
ลักษณะบังคับเหมือนลิ้นตะกวดทุกประการ
เจ้าโศกแค้นแสนคิดดั่งแสงศร มาแรงรอนรานกายให้หวนหา
แต่วิโยคโศกเศร้าร้าวรวนรา ระหวนหาอกดังจะพังพิน
พระรอมผอมแรงแห้งหิวโหย เดียวดิวโดยใจจงปลงหวังถวิล
สังเวชคิดถึงบุตรสุดดังจะดิ้น เนตรหลั่งรินดังเลือดเดือดแดงดู
(ศิริวิบุลกิตติ์)
๑๐๓.มาลินีโสภิต
บังคับให้นำคณะฉันท์ของ มาลินีฉันท์ มาแยกออกวางไว้ต้นวรรคทุกวรรค
ปะทะปะทังหวังบุตรจะมาถึง จะริจะรึงลูกรักได้รักษา
ถึงตายเป็นเห็นพักตร์พระมารดา จะปลื้มใจชนมาเมื่อวายปราณ
จะได้ใครให้พระอรหัง จะพวงหวังพระองค์น่าสงสาร
จะริจะรึงบุตรสุดรำคาญ เมื่อสังขารจักคิดถึงบิตุรงค์
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:33 PM
๑๐๔.วสันตดิลกวาที
บังคับให้นำคณะฉันท์ของ วสันตดิลกฉันท์ มาแยกออกวางไว้ต้นวรรค ทุกวรรค
เหมือนแม่สิเนหาให้ข้าบาท ดังสุวราชแขกเต้าสโมสร
ปิโยปิยาในบุตรสุดอาวรณ์ จะราจะร่อนไม่ไปให้ไกลรัง
ฉันใดใจหวังดั่งมารดา ปกป้องครองข้าชีวาหวัง
จากวากีวะพระหทยัง จะเปรียบจะประดังจากพรากเมื่อจากจร
(ศิริวิบุลกิตติ์)



๑๐๕.บวรโตฎก
บังคับให้นำคณะฉันท์ของ โตฎกฉันท์ มาแยกออกวางไว้ต้นวรรค ทุกวรรค
ชลเนตรไหลนองร้องร่ำรัก ชลไนยไหลหนักอาวรณ์หวาม
ชนนีห้ามบุตรสุดไม่ตาม ชลนานองน้ำพระเนตรนอง
ปิยบุตรสุดจากพระแม่เจ้า ปิยหัทไทยร้าวอารมณ์หมอง
ปิยโยคเทวศเดือดเป็นเลือดหนอง ปิยวิปโยคต้องพรากจากจร
(ศิริวิบุลกิตติ์)
๑๐๖.วิกลิดสทสา
บังคับให้นำคณะฉันท์ของ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ มาแยกออกวางไว้ต้นวรรค ทุกวรรค
บ้างจับเจ่าเหวาจ๋อยพลอยสงสาร อุระรุ่มกลุ้มรานระโหยหวย
ทวีเทวศเนตรย้อยระทอยทวย ระงุงวยจับเจ่าเหงาเงื่องงง
ทั้งเทวฤทธิ์รุกขรัตน์พิมานไม้ พลอยโหยละห้อยให้กรรแสงสง
สารโศกทวีเทวศถ้วนทุกองค์ ทุกทั่วเทพต่างทรงโศกาวรณ์
(ศิริวิบุลกิตติ์)
๑๐๗.อิทาธิกร
บังคับให้นำคณะฉันท์ของ อินทรวิเชียรฉันท์ มาแยกออกวางไว้ต้นวรรค ทุกวรรค
ครั้นรุ่งสุริยเรืองบรรเทืองแสง ส่องสีวีแจ้งจำรัสไข
นรานเรศเรืองฤทธิไกร ยกโยธาคลาไคลข้ามดงดอน
ป่างปิ่นบดินทร์สุรราชกุมาร พาสกลทหารเข้าไพรสอน
อุราระทมกรมทรวงยิ่งร่วงร้อน ให้อาวรณ์ถึงนาฏพระชนนี
(ศิริวิบุลกิตติ์)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:37 PM
กลแบบในจินดามณี
สารถีชักรถ (ยังไม่ได้ถอด)
พี่คอยหาเจ้า
ตาแลสั่งสุด
มาคคล้อยเหลียว
น่าเอ็นดูน้อยๆนิ่ม

สารถีชักรถ (ถอดแล้ว)
พี่คอยหาเจ้า พี่คอย
มาคะคล้อยเหลียวมา คะคล้อย
ตาแลสั่งสุดตา แลสั่ง
น่าเอ็นดูน้อยน้อย นิ่มน่าเอ็นดู

บทสังขยา (ยังไม่ได้ถอด)
ครางครวญพี่เศร้า
ร้อนพี่นางไกล
ฤๅเรียมมาศบัวปราง
โลมใครโพ้นอยู่อ้อน

บทสังขยา (ถอดแล้ว)
ครางครวญพี่เศร้าพี่ ครวญคราง
ร้อนพี่นางไกลนาง พี่ร้อน
ฤๅเรียมมาศบัวปราง บัวมาศ เรียมฤๅ
โลมใครโพ้นอยู่อ้อน อยู่อ้อนใครโลม
มชณทิปก (ยังไม่ได้ถอด)
สมสมัครรัก อย่า หร้วมสมสนิท
สวาทหวังชื่น ไว้ ชิดเชื่อหน้า
จองเจือเพื่อ ใจ มิตรร่วมรัก
ชั่วบ่กลัว คน กล้าบาปหล้วงละอาย

มชณทิปก (ถอดแล้ว)
อย่า สมสมัครรักหร้วม สมสนิท
ไว้ สวาทหวังชื่นชิด เชื่อหน้า
ใจ จองเจือเพื่อมิตร ร่วมรัก
คน ชั่วบ่กลัวกล้า บาปหล้วงละอาย

ปีศาจ
11-30-2009, 01:40 PM
ตันตะนัย (ยังไม่ได้ถอด)
พ่อ เบิกมุขพร้อง วร
ถาม เหตุสายสมร เจ้า
จง แจ้งแสดงบอกกร แน่
เล่า ตามมูลเหตุเศร้า ถ้อยบิดา

ตันตะนัย (ถอดแล้ว)
พ่อ เบิกมุขพร้อง พ่อวร
ถาม เหตุสายสมร ถามเจ้า
จง แจ้งแสดงบอกกร จงแน่
เล่า ตามมูลเหตุเศร้า เล่าถ้อยบิดา

ไชยกังเวียร (ยังไม่ได้ถอด)
ดาธรรมรารสดิเรื้องเรก
ปางเกล้าเมื่ออยู่พระสรรเพชญ
เผด็จนาภพพระเสด็จจ่อมสู่จวรกรรม
วานพานพระนฤชนม์ห้องเสด็จสู่เข้า
ไชยกังเวียร (ถอดแล้ว)
ดาราดิเรกเรื้อง รสธรรม
ปางเมื่อพระเพชรสรร อยู่เกล้า
เผด็จภพเสด็จสู่กรรม จวรจ่อม พระนา
วานพระชนม์เสด็จเข้า สู่ห้องนฤพาน

เสือซ่อนเล็บ (ยังไม่ได้ถอด)
คำ โคลงเหมาะบทสี่ดี ให้
หม่อม อ่านสารศรีเสนาะแต่ง ดู
พร้อม ไพรถ้อยถี่กล่าวราว รู้
เพราะ พรั่งทั้งพินทุ์ได้เรื้อง เรื่อง

เสือซ่อนเล็บ (ถอดแล้ว)
คำ โคลงสี่บทรู้ เหมาะดี
หม่อม อ่านดูสารศรี เสนาะให้
พร้อม ไพรถ้อยถ้อยถี่ ราวกล่าว
เพราะ พรั่งทั้งพินทุ์ได้ เรื่องเรื้องแต่งพินทุ์

ปีศาจ
11-30-2009, 01:44 PM
พยัคฆานอนซ่อนเล็บ (ยังไม่ได้ถอด)
เหี้ยมใจบอกออก เล็บ
ขยับคอยขยายผันผ่อน ซ่อน
เฟี้ยมฟุบกายระวังนั่ง นอน
นอนตายเนื้อหมู่จับโจม เสือ

พยัคฆานอนซ่อนเล็บ (ถอดแล้ว)
เสือโจมจับหมู่เนื้อ นอนตาย
นอนนั่งระวังกาย ฟุบเฟี้ยม
ซ่อนผ่อนผันขยาย คอยขยับ
เล็บออกบอกใจเหี้ยม เล็บซร้อนนอนเสือ

ช้างกระหมวดหญ้า (ยังไม่ได้ถอด)
นาคินทร เชื้อชาติราช
คว้าจับ ติณวะลิฉวย
งวงกระหมวด ลินมัดมุ่น
รัดรอบ คล้าจรสลัด
ช้างกระหมวดหญ้า (ถอดแล้ว)
นาคินทรราชชาติเชื้อ นาคินทร
คว้าจับฉวยวลิติน จับคว้า
งวงกระหมวดมุ่นมัดลิน งวงกระหมวด
รัดรอบสลัดจรคล้า รอบรัดสลัดจร
ซ้อนลายยนทิพ (ยังไม่ได้ถอด)
ทวา นาไปปีกมีนั้นเหินเห็จ ทวา
ทศ การทวายิ่งเรืองรถสนุก ทศ
หง มัญราท้องเทพยทิพท หง
ษา เฟื้องฟากสวรรค์ลองเทียม ษา

ซ้อนลายยนทิพ (ถอดแล้ว)
ทวา ปีกเหินเห็จนั้น มีทวา ไปนา
ทศ รถสนุกการทวา ยิ่งเรื้อง
หง ทิพย์ท้องเพทรา- มัญทิพ
ษา ฟากสวรรค์ลองเฟื้อง ฟากเฟื้องเทียมษา

ปีศาจ
11-30-2009, 01:46 PM
กลทะแยง (ยังไม่ได้ถอด)
น้อง เคียด
คิด ชวน
ใด แหน
ฟังพี่กล่าว ชอบ แปรก่อนเจ้า
ว่า ขึง
ยุ บ่
ใคร แล
พี่
เลย
กลทะแยง (ถอดแล้ว)
น้องคิดใดชอบขึ้ง บ่แล พี่เลย
ฟังพี่กล่าวชอบแปร ก่อนเจ้า
ใครยุว่าชอบแหน ชวนเคียด
............................. ..........................
(หมายเหตุ: ต้นฉบับขาดไป ๑ บาท สุดท้าย)

ปีศาจ
11-30-2009, 01:47 PM
กลสารดาลฉงน (ยังไม่ได้ถอด)
นิ่ง
สร้อย ใจ
สาร จน
อ่าน จบ
สุด คิด เวียน จวบ สกล แต่ เศร้า
นึก สิ้น
คนึง ดาล
ฉงน
กลสารดาลฉงน (ถอดแล้ว)
สร้อยสารอ่านจวบสิ้น ดาลฉงน
สุดคิดเวียนจวบสกล แต่เศร้า
คะนึงนึกจวบจบจน ใจนิ่ง
............................. ..........................

ปีศาจ
11-30-2009, 01:49 PM
โคลงกลล่อ (ยังไม่ได้ถอด)
ล่อ
น้อง กล
ขึ้ง เอา
เพื่อ เขา
มา ด่วน ตัดเพราะเดา อื่น โอ้
เขา น้อง
ฟัง ฟัง
เขา
โคลงกลล่อ (ถอดแล้ว)
น้องขึ้งเพื่อเพราะน้อง ฟังเขา
มาด่วนตัดเพราะเดา อื่นโอ้
ฟังเขาเพราะเขาเอา กลล่อ
............................. ..........................
(หมายเหตุ: ต้นฉบับขาดไป ๑ บาท สุดท้าย)

lek
12-01-2009, 06:15 AM
กลอน: หงษ์ทองลีลา
ลูกเอ๋ย O O O O O O พ่อเอ๋ย O O O O O O
ซ้ำคำ ๒ คำ ต้นวรรคทุกวรรค คำที่ ๒ เป็นคำว่า เอ๋ย แยกกระทู้วรรคคู่ และกระทู้
วรรคคี่ วรรคคู่ใช้กระทู้เดียวตลอดข้อความ วรรคคี่ใช้กระทู้เดียวตลอดข้อความ
ลูกเอ๋ยแม่จะเล่าให้เจ้าฟัง พ่อเอ๋ยแม่จะตั้งอุทาหรณ์
ลูกเอ๋ยเมื่อแรกเริ่มเติมแต่ก่อน พ่อเอ๋ยยังไม่จรมาอยู่ไพร
ลูกเอ๋ยพระบิตุรงค์ผู้ทรงฤทธิ์ พ่อเอ๋ยเรืองมหิศรศักดิ์ใหญ่
ลูกเอ๋ยครองจัมบากพระเวียงไชย พ่อเอ๋ยเลื่องลือไปทุกภารา
(ศิริวิบุลกิตติ์)

สวัสดีทุกๆท่านและท่านปีศาจฯขอรับ
มาลองแต่งกลอนขอรับ ขอบคุณมากขอรับท่านปีศาจฯ

ลูกเอ๋ยเจ้ายังเด็กปัญญาน้อย พ่อเอ๋ยคอยสอนคอยเตือนแก้ไข
ลูกเอ๋ยหมั่นเรียนรู้ฝึกฝนไป พ่อเอ๋ยไม่ท้อไม่ถอยพากเพียร

ลูกเอ๋ยจงอดทนขัดเกลาใจ พ่อเอ๋ยคงอยู่ได้ไม่เสถียร
ลูกเอ๋ยจงรู้จักกาลแปลเปลี่ยน พ่อเอ๋ยให้บทเรียนเพียรรู้เทอญ

ปีศาจ
06-13-2010, 11:46 AM
สวัสดีครับทุกๆท่าน
ห่างหายกันไปนานไม่ค่อยได้เอากลอนเอากลบทมาฝาก
รู้สึกว่าช่วงหลังๆนี่ยุ่งมากเลยครับ
แต่ถึงจะยุ่งยังไงก็จะพยายามรวบรวมกลบทตางๆไว้ต่อไปให้มากที่สุดครับ
เพื่ออนุรักษ์เอกลักษณ์อีกอย่างของไทยไว้ให้ยั่งยืนสืบไป

ความไพเราะความอ่อนหวานของถ้อยธรรมคำประพันธ์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิต กลบท จะต้องอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป

สวัสดีครับ

ปีศาจ
07-13-2010, 10:37 PM
สวัสดีครับทุกท่าน
หากมีปัญหาสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องการแต่งคำประพันธ์
ก็สามารถนำมาลงไว้ที่นี่ได้นะครับ
หรือว่าใครไม่เข้าใจเกี่ยวกันคำประพันธ์ชนิดไหน
ก็ลงคำถามไว้นะครับ
จะได้ช่วยกันตอบ

สวัสดีครับ

ปีศาจ
08-10-2010, 12:24 PM
มาลงเพิ่มครับ
ตกหล่นเรื่องใกล้ตัวไปจริงๆ

คำสร้อยที่นิยมใช้กันเป็นแบบแผนมีทั้งหมด 18 คำ

1.พ่อ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล
2.แม่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรือเป็นคำร้องเรียก
3.พี่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล อาจใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1 หรือบุรุษที่ 2 ก็ได้
4.เลย ใช้ในความหมายเชิงปฏิเสธ
5.เทอญ มีความหมายเชิงขอให้มี หรือ ขอให้เป็น
6.นา มีความหมายว่าดังนั้น เช่นนั้น
7.นอ มีความหมายเช่นเดียวกับคำอุทานว่า หนอ หรือ นั่นเอง
8.บารนี สร้อยคำนี้นิยมใช้มากในลิลิตพระลอ มีความหมายว่า ดังนี้ เช่นนี้
9.รา มีความหมายว่า เถอะ เถิด
10.ฤๅ มีความหมายเชิงถาม เหมือนกับคำว่า หรือ
11.เนอ มีความหมายว่า ดังนั้น เช่นนั้น
12.ฮา มีความหมายเข่นเดียวกับคำสร้อย นา
13.แล มีความหมายว่า อย่างนั้น เป็นเช่นนั้น
14.ก็ดี มีความหมายทำนองเดียวกับ ฉันใดก็ฉันนั้น
15.แฮ มีความหมายว่า เป็นอย่างนั้นนั่นเอง ทำนองเดียวกับคำสร้อยแล
16.อา ไม่มีความหมายแน่ชัด แต่จะวางไว้หลังคำร้องเรียกให้ครบพยางค์ เช่น พ่ออา แม่อา พี่อา หรือเป็นคำออกเสียงพูดในเชิงรำพึงด้วยวิตกกังวล
17.เอย ใช้เมื่ออยู่หลังคำร้องเรียกเหมือนคำว่าเอ๋ยในคำประพันธ์อื่น หรือวางไว้ให้คำครบตามบังคับ
18.เฮย ใช้เน้นความเห็นคล้อยตามข้อความที่กล่าวหน้าสร้อยคำนั้น เฮย มาจากคำเขมรว่า "เหย" แปลว่า "แล้ว" จึงน่าจะมีความหมายว่า เป็นเช่นนั้นแล้ว ได้เช่นกัน

ขอบคุณที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E

ปีศาจ
04-17-2011, 02:06 PM
สวัสดีครับทุกท่าน
ห่างหายกันไปนาน
เท่าที่มาเมียงมองดู ก็ดีใจนะครับ
ที่มีคนสนใจกระทู้นี้อยู่พอสมควร
หากใครมีปัญหา หรืออยากจะติกระทู้นี้
หรืออยากได้ข้อมูลใดๆก็บอกได้นะครับ
จะพยายามหามาให้

และขอฝากเว็บบล็อกไว้หน่อยนะครับ
http://learnkaweethai.blogspot.com
อาจจะยังไม่ค่อยสมบูรณ์นะครับ
แต่ก็พยายามรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ
มีอะไรก็เขียนด่าได้นะครับ
ไม่ต้องเกรงใจ

สวัสดีครับ