PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ไมตรี



*8q*
09-01-2009, 08:22 PM
จะปรารถนาสารพัดในปัฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง" ข้าพเจ้าชอบภาษิตนี้มาก แม้จะเป็นข้อความสั้น ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งเป็นคติจับใจนัก
จริงอยู่ โดยทั่วไป ๆ เงินทองเป็นของที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ถึงกับบางท่านได้แต่งภาษิตรับรองไว้ว่า "มีเงินมีทองเจรจาได้ มีไม้มีไร่ปลูกเรือนงาม" หรือว่า มีเงินหรือจะไร้อะไรกับของ มีทองจะไร้อะไรกับแหวน" แต่ท่านลองคิดดูเถิด สิ่งของที่ได้มาจากเงินทองกับสิ่งของที่ได้มาจากไมตรีจิตมีคุณค่าต่างกันมาก
คนเราลงได้มีไมตรีจิตต่อกันแล้ว จะต้องการอะไรก็หาให้ได้ สิ่งที่ยากก็กลับเป็นง่าย เรื่องที่ใหญ่ก็กลับเป็นเล็ก ทุกอย่างดีหมด อย่างที่เขาว่า "รักกันก็สารพันว่าดี แต่พอเกลียดกันเข้าซี อัปรีย์สารพัน"
มีเรื่องเล่ากันมาว่า ครั้งสมัยแผ่นดินพระจุลจอมเกล้าฯ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งพร้อมด้วยเพื่อนอีกสองคน เข้าไปยิงสัตว์ในป่าเกิดหลงทางกลับไม่ได้ เดินวกไปเวียนมาเกือบ ๆ จะมืดอยู่แล้วบังเอิงพบบ้านเข้าหลังหนึ่ง ต่างดีใจรีบพากันแวะเข้าไป เจ้าของบ้านผู้อารีก็กุลีกุจอจัดแจงต้อนรับขับสู้ด้วยไมตรีจิตเรียกลูกชายให้ไปตักน้ำให้อาบ เรียกเมียมาหุงหาอาหาร ให้รับประทานพร้อมทั้งจัดที่นอนให้เสร็จ
อาคันตุกะทั้ง ๓ รู้สึกซาบซึ้งในไมตรีจิตเป็นที่ยิ่ง ไม่นึกเลยว่าชาวป่าจะมีน้ำใจดีเช่นนี้ นี่แหละเข้าหลักที่ว่าข้างนอกขรุขระแต่ข้างในสะสวยซึ่งดีกว่าชาวเมืองบางคนที่ข้างนอกสุกใส แต่ข้างในไม่ได้เรื่อง
ตอนนี้หัวหน้าอาคันตุกะเอ่ยขึ้นว่า ลุงต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไรบ้างบอกมาเถิดไม่ต้องเกรงใจ
"อย่างอื่นก็ไม่ต้องการอะไรดอก" เจ้าของบ้านตอบ "อยากจะให้เจ้าลูกชายเขาได้เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ เท่านั้นแหละ เขาว่าเจริญดีจริง ๆ ฉ้นเองเกิดมาจนป่านนี้เกือบ ๆ จะเข้าโลงอยู่แล้ว ยังไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ เลย" พูดพร้อมกับหัวเราะ
ดีทีเดียวฉันก็อยู่กรุงเทพ ฯ เหมือนกัน ถ้าลุงไม่ขัดข้องฉันจะพาไปอยู่ด้วย แล้วจะพาไปอยู่ด้วย แล้วจะชุบเลี้ยงให้เต็มที่ลุงไม่ต้องห่วง แล้วก็หยิบนามบัตรมอบให้ไว้หนึ่งแผ่น
เด็กคนนี้แหละ ต่อมาได้เป็นข้าราชการชั้นสูงในกระทรวงแห่งหนึ่งและมีหลักฐานมั่นคงอยู่ในกรุงเทพฯ อบอุ่นอยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่ ซึ่งท่านได้รับเลี้ยงไว้ด้วย
นี่คือผลของไมตรีจิต ที่ชาวป่าทำไว้ครั้งกระโน้น ซึ่งพอดีมาตรงกับภาษิตที่ว่า "อันบุญกรรมทำไว้แต่ปางหลัง เป็นพืชยังปางนี้ให้มีผล" ชาวพุทธทั้งหลาย จงร่วมใจกันแผ่ไมตรีจิตอย่าได้คิดโกรธเกลียดและริษยาพยาบาทซึ่งกันและกันเลย
ชาวโลกจะได้อยู่กันด้วยความผาสุก เพราะโลกร่มเย็นดับเข็ญได้ด้วยไมตรีโปรดภาวนาไว้เสนอว่า "จะปรารถนาสารพัดในปัฐพีเอาไมตรีแลกได้ดังใจจง"



http://www.dhammathai.org/flowers/flower13.gif

http://www.dhammathai.org/dhammastory/story53.php<!-- / message --><!-- sig -->