PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : "ให้...แบบสละออก"



Vipawee
01-12-2010, 11:00 PM
ชอบคำนี้มากเลย...
"ให้...แบบสละออก"

ผู้คิดคำนี้ คือหลวงพ่อท่านหนึ่ง (ขออภัยค่ะ ก้อยจำชื่อท่านไม่ได้) ท่านอยู่ที่วัดปทุมวนาราม ข้างห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด์
ตอนนี้ก้อยรู้สึกมีความสุขจริงๆค่ะ ทั้งที่พิจารณาแล้ว สิ่งรอบตัวก้อย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปซักกะอย่าง
อ้าว... แล้วทำไมอยู่ดีดีมีความสุขได้ไง...???
มีแฟนหรอ...ป่าว ถูกหวยหรอ...ป่าว ได้ซื้อกระเป๋าใหม่หรอ...ก็ป่าวอีกอะแหละ
แต่ก้อยสุขเพราะว่า ก้อยมองเห็นว่า สิ่งรอบๆตัวก้อยนั้น มีแต่ความสุขจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน สิ่งที่ตัวเองเป็นและเป้าหมายที่เริ่มมองเห็นแล้วในอนาคต
ได้มองเห็นคุณค่าและความงามในสิ่งรอบตัวที่มันเป็นอยู่
อีกอย่าง... ก้อยมีความสุข กับการทำดีมั้ง อ๊ะๆ ก้อยไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดีนะ แต่ก้อยบอกว่า ทำดี ตะหาก
การคิดดี พูดดี ทำดี คนแรกที่จะได้รับผล คือ เราเอง ไม่ใช่ใคร
การให้ ก็ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมีความสุข ความจริง คำว่า "การให้" นี่ ความหมายมันกว้างมาก
อย่างเช่น อาชีพของก้อย ก็คือ ให้ความสุขกายและสบายใจแก่คนไข้
หรือแม้กระทั่งการร่วมงานและการทำงาน เราก็ให้และเสียสละในบางเรื่องได้ เช่น เสียสละให้พี่พยาบาลดุว่านิดๆหน่อยๆบ้าง แหะๆ
หรือเรื่องไหนที่เราคิดว่า เพื่อนเราไม่น่าทำแบบนี้เลย ทำไมต้องโยนให้เราทำ เราก็เสียสละทำไปเถอะ เพราะเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าไม่มีใครยอม เรื่องก็ไม่จบ

ก้อยพบว่า สิ่งหนึ่งของการดำรงชีวิตกับเพื่อนร่วมโลกอย่างสันติ คือ การให้ ... ซึ่งไม่ได้หมายเฉพาะการให้แบบสิ่งของ
แต่ต้องเริ่มให้ด้วย "ใจ" คือใจเราคิดที่จะให้ และเสียสละ ด้วย
มันเย้น...เย็นจริงๆนะ เย็นใจมาก
การที่เราทำดี ก้อยคิดว่า ไม่ใช่แค่ทำ แต่ต้องมี "ใจ" ที่ดีด้วย
เพราะถึงทำดี แต่ใจไม่คิดดี คนอื่นเขาก็ดูออกอะ ... อย่างน้อยก็หลอกตัวเองไม่ได้หรอก แถมเหนื่อยเปล่าๆมานั่ง fake ใส่คนอื่น

ดังนั้น การให้ สำหรับก้อย ต้องให้ด้วยใจ และที่สำคัญ ให้ แบบสละออก
หมายถึง ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ "ไม่ติดดี" "ไม่ติดคำชมหรือสรรเสริญ"

สิ่งที่ก้อยกลัวมากคือ คำยกยอ
เพราะมันจะทำให้เราลอยขึ้นไปแบบไม่มองคนอื่น
มันจะทำให้เราไม่รู้ตัวเลยว่า เรานั่นแหละที่กำลังหลอกตัวเราเอง
และมันก็คือสิ่งที่เป็นศัตรูของการทำดี

เพราะถ้ามีคนชมเรามากๆ จิตเราจะติดดีไปโดยที่เราไม่รู้ตัวซึ่งน่ากลัวมาก
ทีนี้ ทิฐิเราจะสูงขึ้นๆ
จนวันนึงถ้าเราทำดีแล้วไม่มีคนชมเรา เราจะรู้สึกไม่ดี หรือไม่อยากทำดีต่อไป
ดังนั้น การทำดี แบบอยากจะทำดี
และการให้ แบบ ให้ด้วยใจ แบบสละออกนั้น เป็นการให้ที่ประเสริฐสุด
เพราะทำดีแล้ว ให้เขาไปแล้ว เราสุขใจพอ จบ หลังจากนั้นเราไม่คิดต่อแล้ว
คำสรรเสริญ ของขวัญ เงิน อะไรต่างๆ เราก็ไม่เอาแล้ว อย่าให้ของเหล่านั้นมาหลอกเราได้
อีกอย่าง การทำดีต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว เช่น ทำดีเพราะจะได้คะแนนเพิ่ม ได้ยศเพิ่ม ... ไม่ใช่...
เพราะถ้ายังงั้น คนเขาจะนับถือเราที่เกรดหรือยศเท่านั้น... แต่...
ความเป็นมนุษย์ในตัวของเรา คุณค่าในตัวของเราจริงๆ เขาไม่ได้นับถือเลย...

ถ้าถามว่า ก้อยยกย่องคนที่อะไร --> ยกย่องคนที่ให้เกียรติและเห็นคุณค่าของคนอื่น
เพราะถึงแม้คุณมีเงินซื้อทั้งประเทศได้ แต่การทำตัวของคุณกลับไม่สมกับที่คุณได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก้อยว่านั่นคือการเสียชาติเกิด

เงินน่ะ ก็แค่กระดาษ หมดแล้วก็หาใหม่
แต่คุณค่าอันงดงามของคน ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ สร้างยาก และดำรงอยู่ได้ยาก
และสิ่งนี้แหละที่จรรโลงสังคมและโลกให้งดงาม

ความจริงคือ ยิ่งเรามีฐานะสูงทางสังคมเท่าไร เรายิ่งต้องย่อตัวลงเท่านั้น

อย่าลืมว่า มนุษย์ส่วนใหญ่อยู่บนพื้นดิน แล้วท่านจะเงยหน้าหรือบินขึ้นไปบนฟ้าคนเดียว เพื่ออะไร
และก็อย่าลืมว่า ท่านเองนั้น ก็กำเนิดมาจากพื้นดิน เหมือนกัน...

เธอจะทำดี ก็ไม่มีใครเป็นสุขใจเท่าตัวเธอเอง
เธอจะทำเลว ก็ไม่มีใครรู้ดีเท่าเธออีกเช่นกัน
ตัวเธอเอง ที่จะเป็นผู้ตัดสิน ว่าเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว จะไปทางดีหรือเลว
ไม่มีใครบังคับเธอ เพราะเธอต้องเลือกการมีชีวิตอยู่ในแบบของเธอเอง

แต่อย่าลืมอย่างหนึ่ง ... ว่า ถ้าเราขว้างลูกบอลใส่กำแพงแรงเท่าไร เราก็ได้รับแรงสะท้อนกลับใส่ตัวเรามากขึ้นเท่านั้น
เช่นกัน...ในทุกๆการกระทำ ไม่ว่าดีหรือเลว จะต้องมีผลสะท้อนกลับไปยังผู้กระทำไม่ช้าก็เร็ว

จงเป็นมนุษย์ อย่าเพียงแค่ เป็นคน
และเธอเองต้องเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าในตัวของเธอเอง
อย่าให้ใคร หรือคำสรรเสริญ อามิสสินจ้างใดๆ มาทำให้คุณค่าของเธอด่างพร้อยเป็นอันขาด
เมื่อนั้น... เธอก็จะเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์


BY: KhUnMoRkoymoo__________________
http://khunmorkoymoo.blogspot.com/