PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สิ่งที่ทับตนเอง



numning
03-16-2010, 09:14 PM
เราทุกคนมีหลักประพฤติปฏิบัติในอันที่จะเว้นจากความชั่วแล้วก็ทำความดี
นี้หมายความว่า ความดีที่ทำได้นั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ต้องแบกหามเอาไว้ เพราะว่าเราต้องรู้จักทำจิตให้บริสุทธิ์
คือ ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดอยู่เสมอด้วย ฉะนั้นความดีจึงไม่ต้องยึดถือ เราจะมีความดีสักเท่าไหร่ก็ไม่ต้องยึดถือ
ความดีก็กลายเป็นบริวาร คอยรับใช้คอยอำนวยความสะดวก ไม่มาทับถมสุมอยู่บนศรีษะของผู้นั้นเลย
นี้เรียกว่ารู้จักจัด รู้จักจัดทำอย่างถูกต้องกับการเดินทางในทางนามธรรมคือในทางจิตใจ ได้แก่ การทำความดีให้ก้าวหน้า
ให้มากสูงยิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเข้าใจผิดมันก็กลายเป็นเพียงการสะสมสิ่งต่างๆ ที่จะทับถมตนเองให้เคลื่อนไหวไม่ได้กระดุกกระดิกไม่ได้ในที่สุด
เพราะความยึดมั่นถือมั่นแล้ว ก็จมอยู่ในความทุกข์ตลอดเวลา เพราะถูกความดีทับถมมีความหนักจนกระดุกกระดิกไม่ได้นั่นเอง

*8q*
03-19-2010, 05:42 PM
http://variety.teenee.com/saladharm/img6/83379.jpg


กายนี้เป็นบ่อเกิดของธรรมทั้งหลาย
โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


กายนี้จะพิจารณาให้เป็นฌานก็ได้ ให้เป็นสมาธิก็ได้ ให้เป็นวิปัสสนาก็ได้ สุดแท้แต่ผู้นั้นจะมีอุบายแยบคายเชี่ยวชาญทางไหน กายนี้ได้ชื่อว่าเป็นก้อนธรรมก้อนหนึ่ง เป็นคัมภีร์ทรวง เป็นตู้พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ เป็นต้นตอบ่อเกิดของพระพุทธศาสนา ถ้าไม่มีกายอันนี้เสียแล้ว พุทธศาสนาจะเกิดได้อย่างไร

ศีล สมาธิ ปัญญา จะเอาไปประดิษฐานไว้ที่ไหนเมื่อมีกายอันนี้แล้วพระพุทธศาสนาจึงได้ประดิษฐานตั้งลงที่กายนี้ ใครต่างคนก็ได้นำเอาไปปฏิบัติตามกำลังแก่ความต้องการของตนๆ พระพุทธศาสนาเป็นของสากล มนุษย์ชาวโลกนี้มีใจเกิดขึ้นในที่ใดแล้วก็มีกิเลสหุ้มห่อในใจของมนุษย์ในที่นั้น พระพุทธเจ้าจึงอุบัติขึ้นในที่นั้นแล้วจึงได้บัญญัติ

พระพุทธศาสนาลงที่กาย วาจา และใจของมนุษย์เหล่านั้น เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว แต่ธรรมคำสอนของพระองค์ที่ยังเหลืออยู่ในหัวใจของมนุษย์เหล่านั้น ผู้มีศรัทธาก็ปฏิบัติกันต่อไป ต่อเมื่อมนุษย์ในโลกนี้ทั้งหมดไม่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา หรือใจมนุษย์ไม่มีมาเกิดในโลกนี้อีกนั่นแหละพระพุทธศาสนาจึงจะหมดไปจากโลกนี้

พระพุทธศาสนาเป็นของสากลอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติในโลกนี้ก็ดี หรือจะไม่มาอุบัติในโลกนี้ก็ดี ธรรม คือ อกุศลและกุศล หากเป็นของมีอยู่อย่างนั้นแต่ไหนแต่ไร ความนิยมสมมติว่าเป็นนั้นเป็นนี้ต่างหากมีอยู่ในโลก

ผลที่สุดสังขารคือการปรุงแต่งเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น ผู้ถือว่าเราถึงธรรมได้ ธรรมชั้นนั้นชั้นนี้ ผู้นั้นยังมีความอยากอยู่ จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ถึงธรรมได้อย่างไร ท่านว่าเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ท่านย่อมคิดค้นมูลเหตุแห่งกิเลสหรืออกุศลเครื่องเศร้าหมองในใจของตน จนเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยใจของตน แล้วหาวิธีกำจัดให้หมดสิ้นไปด้วยตนเอง ท่านไม่เพ่งโทษของคนอื่น กิเลสของคนอื่น เหมือนพวกเราเหล่าพุทธบริษัทในสมัยนี้

ท่านทำเพื่อความสงบสุขแห่งขันธโลกของท่าน เพราะกิเลสในขันธโลกของท่านอันนี้มันทำให้ท่านทนทุกข์ทรมานมานานแสนนานแล้ว ท่านเข็ดหลาบพอแล้ว


: ของดีมีในศาสนาพุทธ
: โดย พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)


http://variety.teenee.com/saladharm/24916.html