เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : บงการใจ



pikulkaew
05-25-2010, 03:15 PM
http://i246.photobucket.com/albums/gg100/simone166/bin.jpg
http://www.kaweeclub.com/link/2%20(190).gif

๐ ใครหนอ~อยาก~เชยชิดความผิดหวัง
แต่ก็ยังจำไว้ในสมอง
ใคร่ครวญถึงรำลึกหมั่นตรึกตรอง
ยามครอบครองมิได้ดั่งใจตน

๐ เห็นเขาสุขดวงจิตเฝ้าอิจฉา
ริษยาร้อนแรงทุกแห่งหน
ใครดีกว่าหน้าเด่นเป็นร้อนรน
ดั่งต้องมนต์สะกดราดรดทรวง

๐ เห็นเขามีอยากได้ไปทุกอย่าง
ทะยานสร้างเก็บเอาแล้วเฝ้าหวง
หลงจับยึด"ของกู"..กูเฝ้าทวง
ติดภาพลวงรูปรสยศกำจร

๐ ใส่ความกลัวกดลงและบ่งชี้
จะต้องมีท่องไว้ให้สลอน
ใจทะมึนต่อสู้ไม่รู้นอน
คงสะท้อนตัณหาคร่าชีวิน

๐ เราชักนำ"ขยะ"บ้าอำนาจ
ซึ่งสามารถทำลายจิตใจสิ้น
คอยบงการเก็บหมักกักราคิน
จนเหมือนถิ่นเน่าเหม็นมิเห็นทาง

๐ จากหัวใจกลายเป็น"ถังขยะ"
หากไม่คิดลดละเลิกเสียบ้าง
ธรรมชาติจิตใสถ้าได้วาง
และหนีห่างความหลงบงการใจ.


http://www.kaweeclub.com/link/11%20(118).gif

paobunjin
05-26-2010, 11:19 PM
วิงวอนหัวใจ

อย่าเชียวเน้อใจเอ๋ยอย่าเชียวเน้อ
อย่ามัวเผลอรักหลงอยู่เลยนะ
อย่าโลภมากยากนานวานลดละ
แล้วใจจะเยือกเย็นเช่นลำธาร

แต่ใจเอ๋ยบอกดื้อเหลือเกินหนอ
ยังไม่พออยากได้หลายสถาน
ทั้งเงินเดือน,บ้าน,รถโปรดประทาน
อยากมีรักหอมหวานให้พานพบ

บอกให้นั่งสมาธิสติมั่น
แต่ใจมันเหมือนลิงคอยวิ่งหลบ
คิดไปโน่นไปนี่ไม่มีครบ
ให้ทวนทบ พุท โธ โห ง่วงจัง

อย่าเชียวเน้อใจเอ๋ยเชื่อบ้างไหม?
อยากจะไปหาเขาเข้าต่อตั้ง
อย่าวิงวอนงอนง้อก็ไม่ฟัง
ต้องดันหลังให้ไปเสียให้พอ

ลุงเปา มาร่วมแจมด้วย จ้า

pikulkaew
05-30-2010, 12:44 AM
[size=20pt][font=Angsana New][color=brown]๐ หากวิงวอนขอได้ดั่งใจสม
คงไร้ทุกข์ระทมมาข่มหนอ
ที่เรียกร้องเพราะหวังใจยังรอ
แอบตัดพ้ออยู่บ้างกลางหทัย

๐ เหมือนใจมันไม่ยอมจะน้อมรับ
ยากบังคับทนฝืนสะอื้นไหว
หวังคำขอคำนี้....ชี้กลางใจ
จงเป็นดั่งคาดไว้...ในทุกกาล

๐ แต่ความจริงยังหลบยังเร้นหนี
เพราะใจนี้มืดบอดตลอดด้าน
ไม่น้อมรับชะตาฟ้าประทาน
จึงห้าวหาญแหกกฎกำหนดกรรม.

tuleedin
06-14-2010, 10:33 PM
๐ จากหัวใจกลายเป็น"ถังขยะ"
หากไม่คิดลดละเลิกเสียบ้าง
ธรรมชาติจิตใสถ้าได้วาง
และหนีห่างความหลงบงการใจ.
-----------------------------------

ต้องฝึกหัดให้พร้อมตะล่อมจิต
ต้องรู้ผิดรู้ถูกปลูกเอาไว้
ต้องระลึกไม่หลอกทั้งนอกใน
ต้องมิใช้สัญญาเข้ามาปน

เรื่องกงกรรมกงเกวียนต้องเรียนรู้
สัพพัญญูสอนไว้ให้ฝึกฝน
รู้กิเลสตัณหาที่มายล
ต้องอดทนยั่วเย้าของเจ้ามาร

อย่าปิดหูปิดตาถ้าไม่รู้
ใครคิดไม่เหมือนตูตูไม่อ่าน
อย่าอายที่ไม่รู้สู้อาจารย์
เพราะจะอยู่ดักดานอีกนานปี

เรื่องของบาปของเวรเห็นมาเยอะ
ทำเลอะเทอะเขรอะตาดุจทาสี
มีหลายหลากมากตาวางทาดี
แต่ไม่มีอะไรในใบลาน

เมื่อรู้กรรมให้ดีจะชี้ทุกข์
เพราะมันคลุกเคล้าใจให้หลักฐาน
ที่บงชี้ให้เห็นเป็นสันดาน
ด้วยเป็นผลของการกิริยา

จะบงการหัวใจใจต้องรู้
เปิดกะโหลกออกดูให้รู้ว่า
มีขี้เลื่อยเท่าใดเคยใส่มา
จะเพิ่มพูนปัญญามาบงการ

pikulkaew
06-15-2010, 05:08 PM
[size=18pt][font=Angsana New][color=maroon]๐ ถ้อยคำกล่าวถักทอขอเลื่อมใส
ชี้ให้เห็นเหตุใดใคร่สื่อสาร
ช่วยเติมต่อความคิดพิชิตมาร
เป็นพื้นฐานความรู้ให้ดูเอา

๐ ด้วยตัวผู้แต่งกลอนยังอ่อนด้อย
ความรู้น้อยเรื่องศาสตร์ยังขลาดเขลา
แต่สนใจเสกสรรค์เพื่อบรรเทา
มุ่งขัดเกลาตนเองมิเบ่งคำ

๐ เปรียบเหมือนเด็กรู้ค่าภาษาโลก
อารมณ์โบกโยกร่างบ้างถลำ
หวังห้องเรียนนำพาภาษาธรรม
ร่ายระบำกานท์รักอักษรา

๐ จึงรู้สึกยินดีมีคนต่อ(กลอน)
ช่วยหนุนก่อเป็นความตามเนื้อหา
ด้วยแอบหวังพูลเพิ่มเสริมปัญญา
จึงรีบมาตอบท่านกลั่นจากจินต์

๐ ดังที่ท่านกล่าวมาก็ว่าอยู่
แต่ช่วยปูคำแจงทุกแห่งสิ้น
สำหรับผู้ลุ่มหลงทั้งชีวิน
สุขกับกินกิเลสเศษราคี

๐ ผู้รู้ตัวรู้ไว้ได้ประโยชน์
ผู้เพ่งโทษลืมตนหม่นราศี
จะชี้แนะนำไปอย่างไรดี
ให้เขามีสติดำริธรรม.

tuleedin
06-15-2010, 07:10 PM
สติเกิดจากกรรมที่ทำไว้
ทั้งกรรมใหม่แลเก่าเฝ้าซ้ำซ้ำ
เมื่อดวงจิตได้จรดจะจดจำ
จะสูงล้ำต่ำต้อยต้องคอยมอง

หากของเก่าเคยหัดและขัดถู
ก็จะดูงามเงาไม่เศร้าหมอง
ยิ่งของใหม่ยิ่งขัดแล้วรับรอง
จะประกายดังทองลองให้ดี

คนอื่นเป็นอย่างไรก็ใจเขา
ใจของเราไม่กระเพื่อมเสื่อมราศี
จะรู้เห็นเช่นไรดี-ไม่ดี
ก็อยู่ที่ผลกรรมเขาทำมา

จึงได้ย้ำกรรมนี้เครื่องชี้ทุกข์
ในโลกสุขไม่เป็นให้เห็นว่า
ที่ใครเห็นเป็นสุขตลอดมา
จริงคือว่าทุกข์น้อยไปหน่อยไง

นั่งเปล่าๆปลี้ๆก็มีทุกข์
ไม่มีใครรานรุกก็ทุกข์ได้
มันดูเศร้าเหงาหงอยเหมือนคอยใคร
ทั้งทั้งที่หัวใจใครไม่มี

กองขยะที่ใครนำใส่หัว
ดุจความชั่วที่ทำกรรมบัดสี
หากใครเกิดชาติใหม่ไม่ได้ดี
คือผลที่กระทำต้องทำใจ

pikulkaew
06-16-2010, 12:14 PM
[size=18pt][font=Angsana New][color=brown]๐ หากจะคิดเรื่องกรรมชี้นำชีพ
ดับหรือส่องประทีปสู่ทางไหน
คลับคล้ายมีเหตุผลเป็นกลไก
เป็นกฎเกณฑ์ว่าไว้ในทางธรรม

๐ ครั้นตัวเราเริ่มตื่นฟื้นสติ
ใจเริ่มผลิบานยิ้มเหมือนอิ่มหนำ
ก็ได้บ้างบางบทที่จดจำ
ส่งผลย้ำความหมายในทางดี

๐ ส่วนเรื่องเขาปล่อยวางได้บ้างแล้ว
แต่ไม่แคล้วเห็นใจในวิถี
หากจะคิดปล่อยปละผละชีวี
ความปราณีนี่หนาหาหนใด

๐ ส่วนเรื่องทุกข์สุขล้นที่คนชอบ
คือวางกรอบต้องการราญรุกไล่
ด้วยต่อเยื่อความคิดบิดเบือนไป
อารมณ์ไหลลุ่มหลงดงธุลี

๐ เมื่อชีพวายกายเน่าไฟเผาร่าง
ด้วยเปลวพร่างพัดโหมโลมเหล่าผี
เนื้อหนังปริแตกร่อนฟ้อนไพรี
กระดูกนี้ผุกร่อนสู่ฟอนไฟ

๐ เหลืออะไรหยิบจับกลับไปบ้าง
มีบุญบาปที่สร้างมิห่างได้
ถึงภพหน้ามิเห็นความเป็นไท
เพราะผูกไว้กับกรรมที่ทำมา.

tuleedin
06-16-2010, 08:21 PM
กรรมที่เราชี้นำในวันนี้
เป็นกรรมเก่าทันที่ในวันหน้า
ฝึกสติวันนี้ให้มีมา
เหมือนถางป่าวันนี้พรุ่งนี้สบาย

ถ้าชนใดรู้กรรมยากทำผิด
ค่อยค่อยคิดตามมาหาที่หมาย
หากมีใครต่อยหน้าเราตาลาย
อาจจะกลายเป็นว่าต้องฆ่ากัน

แต่ถ้าใจรู้กรรมที่ทำก่อน
ก็จะย้อนไปดูให้รู้มั่น
ว่าตัวเราทำเขาเข้ายืนยัน
ผลของมันคือเจ๊าไม่เอาความ

พระพุทธองค์ทรงย้ำธรรมทั้งหลาย
เกิดแต่กายวาจาใจ ไปแบกหาม
สานุศิษย์ศรัทธาพยายาม
อยากจะถามเพราะอะไรใยทำตาม

pikulkaew
06-17-2010, 04:54 PM
๐ ท่านดำริชี้ทางสว่างแจ้ง
ด้วยสำแดงให้เห็นเป็นล้นหลาม
อนิจจาไม่เที่ยงทั้งรูปนาม
จะหาความใดหรือยึดถือเอา

๐ ศรัทธาเพราะเป็นจริงทุกสิ่งไซร้
หากทดลองฝึกไว้ไม่โง่เขลา
มันรู้ได้เฉพาะตนผลบรรเทา
ผู้มัวเมาอาจคิดเคลื่อนผิดไป

๐ หากขาดความตั้งมั่นย่อมหันหนี
เพราะชีวีติดบ่วงมีห่วงให้
พระท่านกล่าวศึกษามาแลกใจ
เป็นอย่างไรหนอท่านวานบอกที?

tuleedin
06-17-2010, 08:02 PM
แล้วเหตุใดทำไมใครไม่แจ้ง
ท่านแสดงเหมือนกันแม้นวันนี้
ยังศรัทธาเชื่อมั่นต่างกันมี
ทั้งทั้งที่พระธรรมก็คำนั้น

มีรู้มากรู้น้อยค่อยๆคิด
แต่ละจิตสัญญาศรัทธามั่น
จะเจนจบพบทางที่ต่างกัน
เพราะทางนั่นใครถางกันต่างไป

pikulkaew
06-18-2010, 01:15 PM
[size=18pt][font=Angsana New][color=maroon]๐ คงตัวใครตัวมันดั่งท่านว่า
แต่หากการเจรจานั้นมิใช่
แค่สื่อสารชี้แนะแกะกล่องใจ
สุดแต่ไซร้ปัญญามาพิจารณ์

๐ ถ้อยเพียงนิดพิศหน่อยร้อยพันเรื่อง
อาจประเทืองอีกฝ่ายคล้ายอาหาร
ของไม่เคยลิ้มรสพจมาน
อาจจะสานต่อจิตพินิจครวญ

๐ ครั้นความต่างมีไว้ไม่แตกแยก
ยากจำแนกแบ่งจัดเป็นสัดส่วน
คงจะแปลกไปบ้างต่างกระบวน
มิบังควรตัดสินหมิ่นผู้ใด.

tuleedin
06-18-2010, 05:46 PM
หาได้ขัดตัดสินใครหมิ่นเหม่
อุปเทแห่งธรรมที่จำไว้
มิกล่าวขานหวานอมให้ขมใน
เป็นหัวใจแห่งธรรมที่ทำมา

พินิจธรรมเพื่อย่ำเหยียบกิเลส
ไม่มีเจตน์จำนงคงตัณหา
ธรรมต้องตรงและชัดถนัดตา
ไม่ปรุงแต่งกิริยาวาจาใจ

ไม่กลัวนั่นกลัวนี่เป็นที่สุด
เพราะวิมุตติสุดเลิศประเสริฐใหญ่
ไม่ถนอมกล่อมกิเลศเป็นเภทภัย
แก่หัวใจผู้ทรงดำรงธรรม

pikulkaew
06-18-2010, 09:13 PM
๐ ไม่กลัวนั่นกลัวนี่เป็นที่สุด
ความคิดหยุดชะงักมิยักขำ ^_^
เป็นความจริงว่าไว้ใช่ปรักปรำ
คือสัญญาจดจำกระทำการณ์

๐ เคยอ่านเจออยู่ครั้งในหนังสือ
ใจมันยื้อความกลัวทั่วสถาน
กว่าที่จะหลุดพ้นฝึกฝนนาน
เมื่อกลัวเป็นพื้นฐานด้านจิตใจ

๐ บ้างก็เป็นเหมือนกับหินทับหญ้า
เข้าใจว่าพ้นแล้วมิแคล้วไหน
พอเอาเข้าจริงจังกลัวฝังใน
กว่าจะเห็นหญ้าได้ใช้เวลา

๐ ท่านคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้
ลองบอกทีเป็นเค้าคงเข้าท่า
ด้วยกานท์กลอนสุขล้นสนทนา
ช่วยเสริมสร้างปัญญาน่ายินดี.

tuleedin
06-18-2010, 09:47 PM
หินทับหญ้าในตำราที่ว่าไว้
อาจารย์ใช้ในอุบายให้หน่ายหนี
สุขสติสมาธิที่ได้มี
แล้วหลงศรีแห่งสุขไม่ทุกข์ใจ

ไร้โมโหโกรธาหรือว่าหลง
จิตดำรงคงมั่นไม่หวั่นไหว
ไม่ใช้สิทธิ์พิจารณาอารมณ์ใด
จึงเปรียบได้เหมือนหญ้าไม่กล้าโต

ถูกกดทับจับจิตไม่ติดเชื้อ
แต่ไม่เอื้อปัญญาเป็นลาโง่
พอลืมตาร่อนเร่ก็เฉโก
ยังผลุบโผล่เกะกะขยะบาน

ขยะในหัวใจก็ไม่หมด
เพียงแต่กดเอาไว้ในสถาน
เพราะทิฐิเห็นสติเป็นนิพพาน
เป็นการงานที่ต้องผ่านทั้งท่านเรา

pikulkaew
06-19-2010, 11:04 PM
[size=18pt][font=Angsana New][color=maroon]๐ สรุปแล้วกดทับกำกับไว้
ถูกแล้วไซร้ไงหรือ...คือว่าเขลา
หรือคือด่านที่ขัดต้องวัดเอา
ด้วยวิธีขัดเกลาเข้าที่ใจ

๐ เมื่อถูกหินก้อนใหญ่ทับใบหญ้า
คงจักหาลู่ทางสว่างใส
เพื่อเจริญเติบโตแตกต้นใบ
ธรรมชาติสร้างให้ได้ฟื้นฟู

๐ เหมือนกับการแก้ไขในวิกฤติ
หวังพิชิตโดยรอบเพื่อกอบกู้
จะหยุดยั้งอย่างไรใคร่ครวญดู
ยังงงอยู่ละน่าน...จึงค้านความ

๐ หรือต้องพลิกหินหลบหากพบเห็น
ต้องใจเย็นถอนรากทั้งขวากหนาม
ตรงนี้หรือสื่อท่านคิดการณ์ตาม
ได้โปรดตอบคำถามนิยามกลอน.

tuleedin
06-20-2010, 12:35 AM
หินทับหญ้าเป็นสำนวนแค่ชวนพิศ
เอาไว้คิดแค่ปลงตรงที่สอน
อุปมาอุปมัยให้สังวร
เพื่อให้ย้อนสติพิจารณา

อย่าหลงในสมาธิสติแตก
ไม่ยอมแยกเหตุผลเพื่อค้นหา
ทรงอารมณ์อยู่ในวิปัสสนา
เพื่อเกิดดวงปัญญามาฆ่ามาร

สมาธิเป็นหนึ่งถึงที่สุด
กิเลสผุดไม่ได้ในสังสาร
จึงเปรียบหินทับหญ้ามาประจาน
ไม่งอกงามตามกาลเท่านั้นไง

เอาหินออกเปรียบได้ดังคลายจิต
ไม่ยึดติดสมถะละเมื่อไหร่
กิเลสงอกเหมือนหญ้าเจริญวัย
มันไม่ตายตามเหตุกิเลสคน

จะฆ่าหญ้าให้ตายต้องใช้ขุด
บั่นให้กุดสุดรากจำพรากต้น
ไม่ให้เหลือเชื้อใดในกมล
ถึงได้ยลธรรมธาตุตามศาสดา

เปรียบหินหญ้าค่าคล้ายใช่ทั้งหมด
มิใช่กฎอันใดในศาสนา
เพียงไม่ละสมถะวิปัสสนา
ต่างครูบาต่างความหมายขยายความ

pikulkaew
06-20-2010, 05:02 PM
[size=18pt][font=Angsana New][color=maroon]๐ ได้ฟังคำชี้แจงแถลงไข
ดั่งเกิดภาพเห็นไซร้ไม่คิดถาม
อันจะดับที่ใดไม่ลุกลาม
หากกิเลสงอกงามตามฤดู

๐ ต้องไปแก้ที่เหตุสังเกตุได้
หมดสิ้นการเจริญวัยใช่มาขู่
เมื่ออาหารหมดไปใคร่ฟื้นฟู
มาอุ้มชูสติดำริธรรม

๐ กลับไปอ่านอีกครั้งยังลึกซึ้ง
หวนคิดถึงตนนั้นหมั่นถลำ
ช่างน่าอายคิดทวนเมื่อหวนจำ
พยายามตอกย้ำให้ร่ำเรียน

๐ ที่แต่งกานท์เพื่อย้อนสอนตนไว้
และอิ่มใจทุกคราได้มาเปลี่ยน
มีผู้ตอบกะทู้ความรู้เวียน
ครั้งขีดเขียนต่อเติมเสริมปัญญา

๐ ธุลีดินนามนี้ที่เคารพ
ขอน้อมนบท่านนั้นเป็นหนักหนา
อ่านถ้อยกลอนต่อทักษ์อักษรา
ดั่งมนตราสะกดทุกบทมาร.

ขอบพระคุณมากค่ะ ^_____________________^
555+ ไม่รู้จะต่ออะไรเลยค่ะ อิอิ