เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : คือ เมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ 1



Ratchaneewan
06-23-2010, 05:12 PM
ถึง อ.เดฟ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับหนังสือค่ะ ตอนนี้มีเวลาก็สรุปสั้นๆเป็นตอนๆมาให้อ่านเล่นนะคะ
คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ 1

คำนำ

พระพุทธศาสนามุ่งแสดงธรรมะ เพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงเป็นประการสำคัญ พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระบรมศาสดานั้น ทรงเป็นแบบอย่างต้นตอให้วิญญูชนเห็นได้ว่าสามัญมนุษย์นั้น ถ้าสามารถเอาชนะความโลภ โกรธ หลง อย่างรู้ตัวทั่วพร้อม ก็อาจแปรสภาพจากความเป็นผู้ที่ติดยึดอยู่กับความเห็น แก่ตัว เป็นผู้ปราศจาคความเห็นแก่ตัวจนหมดความยึดติดในตัวตน นับได้ว่าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่างแท้จริง ขณะที่ดำรงพระชนม์อยู่ พระพุทธองค์ ทรงมุ่งแสดงธรรมเป็นประการสำคัญ และทรงจัดตั้งขณะสงฆ์ให้เป็นชุมชนที่อาจดำรงชีพได้ให้เป็นแบบอย่างแก่ทุกๆคนที่สนใจ ใคร่มีวิถีชีวิตอันราบเรียบอย่างบรรสานสอดคล้องกันและกัน และอย่างเข้ากันได้ด้วยดีกับระบบทางธรรมชาติทั้งหมด

ที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นไตรสรณคมน์อันสำคัญของพุทธบริษัท ก็เพราะองค์ทั้งสามนี้เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ถ้าเข้าใจเนื้อหาสาระและศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยก็จะเกื้อกูลให้ผู้แสวงหาความสุขได้รู้เท่าทันตนเองและสังคมตลอดจนสิ่งแวดล้อมทั้งหมดว่า อามิสสุข ไม่ใช่สุขที่แท้จริง แม้จะเสพสุขอยู่ก็พึงรู้เท่าทันความสุขนั้นๆอย่างไม่ประมาท และ สิ่งหล่านี้ก็มีความแปรปรวนไปสู่ความเป็นศูนย์ตามกฏของสามัญลักษณะ โดยที่ถ้าพุทธบริษัทต้องการไปพ้นอามิสสุขสู่นิรามิสสุข ก็มีโอกาสเดินทางตามพระอริยมรรคได้จนถึงที่สุดแห่งทุกข์

บทที่ 1 เดินสักแต่ว่าเดิน

ภายใต้ร่มเงาไผ่เขียวขจี พระภิกษุหนุ่มสวัสติ กำลังนั่งสมาธิเจริญอานาปานสติท่านได้บำเพ็ญภวนาอยู่เช่นนี้เป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วในบริเวณเวฬุนาราม ในขณะเดียวกัน พระอีกนับร้อยรูปก็กำลังบำเพ็ญภวนาอยู่ภายใต้ร่มไผ่ หรือไม่ก็ภายในกุฏิมุงแฝก พระสวัสติเพิ่งได้รับการอุปสมบทเมื่อสามวันมานี้เองโดยพระอุปฌาย์สารีบุตรมหาเถระ พระสวัสติมีปีติปราโมทย์อย่างเหลือล้นที่ได้เข้ามาร่วมอย่ในหมู่สงฆ์ของพระพุทธเจ้า ภิกษุหลายรูปมาจากชาติกำเนิดอันสูงส่ง มีพระนันทมหาเถระ พระพุทธอนุชา พระเทวทัต พระอนุรุท และพระอานนท์เป็นอาทิ พระสวัสติเป็น จัณฑาล ถือว่าเป็นวรรณต่ำสุด ยากจนที่สุด กว่าสิบมาแล้วที่ท่านเป็นเด็กเลี้ยงควาย แต่เมื่อสองสัปดาห์มานี้เองท่านได้มาใช้ชีวิตและปฏิบัติธรรมอยู่กับหมู่สงฆ์ที่มาจากทุกชนชั้น วรรณ เพื่อนสหธรรมิกล้วนมีกรุณาอย่างยิ่งต่อท่าน ยิ้มให้แก่ท่านอย่างอบอุ่น และให้เกียรติท่านอย่างลึกซึ้ง พระสวัสติได้ย้อนลำลึกถึงเวลาที่เพิ่งผ่านมาเมือ่สองสัปห์ดาก่อนครั้งที่พระบรมศาสดาเสร็จมายังอุรุเวลา นิคมเล็กๆใกล้เมืองคยา เพื่อเชิญชวนให้ท่านมาเป็นพระภิกษุ พระสวัสติตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับพระพุทธเจ้า พระสวัสติสังเกตุเห็นว่า พระบรมศาสดาทรงมีพุทธดำเนินเพียงเพื่อมีความสุขกับการเดิน โดยมิได้ทรงมุ่งว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางใด บรรดาเหล่าสาวกผู้ติดตามก็เช่นกัน ไม่มีท่านใดเลยที่กังวล หรือลุกลนจะไปให้ถึงจุดหมาย ก้าวย่างของแต่ละท่าน เป็นไปอย่างแช่มช้า สมดุล และสงบ ดูราวกับว่าท่านเหล่านั้นมีความสุขในการเดินด้วยกันไม่มีผู้ใดแสดงอาการเหนื่อยล้า จาริกในยามกลางวันพักเวลากลางคืนเป็นเวลาร่วมสิบวันจึงถึงกรุงราชคฤห์

บทที่ 2 งานเลี้ยงควาย
พระสวัสติและเหล่าพระภิกษุฟังพระบรมศาสดาแสดงพระธรรมเทศนา
วันนี้ตถาคตจะเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังเกี่ยวกับการเลี้ยงควายว่า
“ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เด็กเลี้ยงควายพึงจดจำควายแต่ละตัวที่เขาเลี้ยงดูฉันใด ภิกษุทั้งหลายพึงสังเกตุองค์ประกอบสำคัญของกายตนฉันนั้น เด็กเลี้ยงควายพึงรู้จักอุปนิสัยของควายแต่ละตัวฉันใด ภิกษุพึงรู้จักกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อย่างใดว่ามีสาระหรือไม่ฉันนั้น เด็กเลี้ยงควายพึงอาบน้ำขัดถูทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงของเขาฉันใด ภิกษุพึงทำความสะอาดร่างกายและจิตใจให้ปราศจากกิเลส ความอยาก ความยึดติด ความโกรธ และความขุ่นเคืองฉันนั้น ”
แม้ว่าพระบรมศาสสดาจะมีพระดำรัสด้วยพระสุรเสียงอันราบเรียบธรรมดา แต่พระดำรัสชัดเจนแจ่มแจ้ง จนไม่มีผู้ใดพลาดไปแม้สักคำเดียว ประดุจเด็กเลี้ยงควายที่รู้จักวิธีรักษาแผลให้ควายฉันใด ภิกษุพึงสังเกตุอายตนะทั้งหก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในความฟุ้งซ่าน เด็กเลี้ยงควายป้องกันควายของเขาจากเหลือบยุงริ้นไรด้วยการก่อกองฟางให้เกิดควันฉันใด ภิกษุพึงใช้คำสอนว่าด้วยความตื่นรู้เพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็นวิธีการหลีกเลี่ยงความขุ่นข้องรำคาญทางกายและใจฉันนั้น เด็กเลี้ยงควายหาเส้นทางเดินที่ปลอดภัยให้ควายเดินฉันใด ภิกษุพึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่นำไปสู่ความอยากในชื่อเสียง ในโภคทรัพย์ ตลอดจนกามราคะ พึงหลีกเลี่ยงสถานที่ เช่น โรงขายเหล้า หรือโรงละครฉันนั้น เด็กเลี้ยงควายพึงรักควายของตนฉันใด ภิกษุพึงรักษาความสุข ความสงบ จากสมาธิฉันนั้น เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงควายพึงหาที่ลาดลุ่มในธารน้ำให้ควายเดินข้ามฉันใด ภิกษุพึงอาศัยอริยสัจสี่ในการปฏิบัติต่อชีวิตของตนฉันนั้น เด็กเลี้ยงควายพึงเสาะหาหญ้าอ่อนและให้น้ำแก่ควายฉันใด ภิกษุพึงรู้ว่าสติปัฏฐานสี่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงที่นำไปสู่การหลุดพ้นฉันนั้น เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงควายที่ดูแลทนุถนอมทุ่งหญ้าด้วยการไม่ตัดหญ้าเกินพอดีฉันใด ภิกษุพึงเอาใจใส่ในการสัมพันธ์กับชุมชนรอบๆ ที่ตนออกบิณฑบาตรฉันนั้น..

เดี๋ยวมีเวลาจะสรุปบทต่อไปมาให้อ่านนะคะ. ;D

Pupae

D E V
06-23-2010, 08:59 PM
ซ้าๆๆๆๆทุคับ คุณปู
ที่สรุปเนื้อหาจากหนังสือเล่มโปรด
มาให้เพื่อนๆ ได้อ่าน

อนุโมทนาคับ



8) เดฟ

Ratchaneewan
07-11-2010, 11:57 AM
บทที่ 3 หงส์บาดเจ็บ

พระสิทธิธัตถะทรงแสดงธรรมต่อ เด็กๆ คือ พระสวัสติสมัยยังไม่ได้บวช และ นางสุชาดา

พระสิทธิธัตถะทรงก้มพระศียร เด็กๆ คงจะเข้าใจแล้วนะว่า คนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับวรรณะ น้ำตาของทุกๆคน มีรสเค็ม และ เลือดของทุกคนมีสีแดง เป็นสิ่งไม่ถูกต้องที่แบ่งแยกคนด้วยวรรณะ และ ก่อให้เกิดการแบ่งพวกและอคติต่อกัน สุชาดามีท่าทีครุ่นคิดและกล่าวขึ้นว่า พวกเราเป็นลูกศิษย์ของท่านและพวกเราก็เชื่อคำสอนของท่านแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเหมือนท่านเลยในโลกนี้ ทุกคนต่างเชื่อว่าวรรณะศูทรและจันฑาลมาจากเท้าของพระพรหม แม้แต่ในพระคัมภีร์ต่างๆ ก็กล่าวไว้เช่นนั้น ไม่มีใครกล้าคิดต่างไปจากนี้

อาตมาก็รู้ แต่ว่าสัจจะย่อมเป็นสัจจะ ไม่ว่าคนจะเชื่อหรือไม่ แม้จะมีสักล้านคนที่เชื่อในความเท็จมันก็คงเป็นความเท็จอยู่ดีเธอจะต้องมีความกล้าหารที่เชื่อในสัจจะ และพิทักษ์สิ่งที่ถูกต้อง…

Pu :D

Ratchaneewan
07-28-2010, 02:25 PM
งานเลี้ยงควาย

ไปเจอของคุณ *8q* เคย Post ไว้ก่อนแล้วละเอียดกว่าเลยเอาอันเต็มๆมาให่ออ่านอีกครั้ง

" วันนี้ตถาคตจะเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังเกี่ยวกับการเลี้ยงควาย ว่าเด็กเลี้ยงควายที่ดีต้องรู้อะไรบ้าง และต้องทำอะไรบ้าง เด็กเลี้ยงควายที่ดีจะต้องรู้จักจดจำสังเกตควายแต่ละตัวที่เขาดูแลอยู่ รู้จักอุปนิสัยของควายแต่ละตัว รู้จักวิธีอาบน้ำให้ควาย ดูแลบาดแผล รู้จักการรมควันไล่ยุง หาเส้นทางเดินที่ปลอดภัยให้มัน รักมัน และรู้จักหาชายน้ำตื้นที่ปลอดภัยให้ควายเดินข้ามน้ำ หาหญ้าแลหาน้ำให้มัน บำรุงรักษาทุ่งหญ้าและให้ควายเฒ่าเป็นแบบอย่างสำหรับควายหนุ่ม "

...

" ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

เด็กเลี้ยงควายพึงจดจำควายแต่ละตัวที่เขาเลี้ยงดูฉันใด ภิกษุทั้งหลายพึงสังเกตองค์ประกอบสำคัญของกายของตนฉันนั้น

เด็กเลี้ยงควายพึงรู้จักอุปนิสัยของควายแต่ละตัวฉันใด ภิกษุพึงรู้จักกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อย่างใดว่ามีสาระหรือไม่ฉันนั้น

เด็กเลี้ยงควายพึงอาบน้ำขัดถูทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงของเขาฉันใด ภิกษุพึงทำความสะอาดร่างกายและจิตใจให้ปราศจากกิเลส ความอยาก ความติดยึด ความโกรธ และความขุ่นเคืองฉันนั้น

ประดุจเด็กเลี้ยงควายที่รู้จักวิธีรักษาแผลให้ควายฉันใด ภิกษุพึงสังเกตอายตนทั้งหก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในความฟุ้งซ่าน

เด็กเลี้ยงควายป้องกันควายของเขาจากเหลือบยุงริ้นไรด้วยการก่อกองฟางให้เกิดควันฉันใด ภิกษุพึงใช้คำสอนว่าด้วยความตื่นรู้เพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็นวิธีการหลีกเลี่ยงความขุ่นข้องรำคาญทางกายและใจฉันนั้น

เด็กเลี้ยงควายหาเส้นทางเดินที่ปลอดภัยให้ควายเดินฉันใด ภิกษุพึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่นำไปสู่ความอยากในชื่อเสียงในโภคทรัพย์ ตลอดจนกามราคะ พึงหลีกเลี่ยงสถานที่ เช่น โรงขายเหล้า หรือโรงละคร ฉันนั้น

เด็กเลี้ยงควายพึงรักควายของตนฉันใด ภิกษุพึงรักษาความสุข ความสงบ จากสมาธิฉันนั้น

เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงควายพึงหาที่ลาดลุ่มในธารน้ำให้ควายเดินข้ามฉันใด ภิกษุพึงอาศัยอริยสัจสี่ในการปฏิบัติต่อชีวิตของตนฉันนั้น

เด็กเลี้ยงควายพึงเสาะหาหญ้าอ่อนและน้ำให้แก่ควายฉันใด ภิกษุพึงรู้ว่าสติปัฎฐานสี่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงที่นำไปสู่การหลุดพ้นฉันนั้น

เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงควายที่ดูแลทะนุถนอมทุ่งหญ้าด้วยการไม่ตัดหญ้ามากเกินพอดีฉันใด ภิกษุพึงเอาใจใส่ในการสัมพันธ์กับชุมชนรอบ ๆ ที่ตนออกบิณฑบาตฉันนั้น

และเช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงควายอาศัยควายเฒ่าเป็นแบบอย่างให้แก่ควายหนุ่มฉันใด ภิกษุพึงอาศัยปัญญาและประสบการณ์ของผู้มีอาวุโสฉันนั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ดำเนินตามหลักทั้ง 11 ข้อ จะเข้าถึงอรหัตผลได้ภายในเวลา 6 ปี "