PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : อภิธรรมมันกินไม่ได้



plarm
08-15-2010, 09:49 PM
ผู้เขียนจึงอยากให้ท่านทั้งหลายได้เปิดอ่านสิ่งดีดี เเละที่สำคัญได้อนุโมทนาในบุญกุศลที่ผู้เขียนได้กระทำมาเเล้วด้วยดีจงทุกประการเทอญ ญ

ไปเจอพระองค์1พอระรู้ว่าพระองค์นี้อยู่ที่สำนักวิปัสนา เลยถามพระองค์นั้นว่าเรียนอภิธรรมหรือเปล่า ถ้าไม่เรียนอภิธรรมเดียวจะปฏิบัติผิด บอกให้ไปเรียนอภิธรรมมาก่อนเเล้วค่อยมาปฏิบัติอีกที
พระอาจารย์ของข้าพเจ้าฟังเออเห็นว่า เราไปหาข้างนอกความจริงธรรมทั้ง 84000 พระธรรมขันธ์นั้นอยู่ภายใน ไปดูในตำราก็มีแต่ชื่อเเทนที่จะเจอตัวจริงก็ไปเรียนชื่อ จะจับโจรมันต้องจับตัวจริงเขียนชื่อมันเเล้วเอาไปใส่คุกเนียเขาไม่ได้ประโยชน์ สมมุติว่ามีโจรคนหนึ่งชื่อ เสือดำ มันต้องเจอตัวจริงเเล้วจับถ้าเขียนชื่อใส่คุกเนียไม่มีใครชมหรอก อือจับสือดำได้เเล้วเขียนเสือดำได้เเล้วจับมันใส่คุกเอากุญแจมือมารัดกระดาษที่เขียนชื่อเสือดำไว้ไม่มีใครเขาชม มันต้องเจอเจอตัวจริงถึงจะจับมันได้กิเลสทั้งหลายในตำรามันมีแต่ชื่อของจริงตัวจริงมันอยู่ในใจเราหมดเเล้วไม่ต้องไปหาในตำรา ถ้าพวกขี้เกียจปฏิบัติหละค่อยไปหาในตำราถ้าพวกปฏิบัติหละไม่เอา ไปนั่งท่องตำราก่อนก็ได้ไปจำได้เป็นอุปนิสัยปัจจัยเเก่ชาติหน้าต่อไปชาติหน้าจะได้คิดปฏิบัติบ้าง ถ้าคิดจะปฏิบัติหละไม่ต้องเพราะธรรมะทุกตัวของเเท้มันอยู่ในใจเรากิเลสทุกตัวของแท้มันอยู่ในใจเรา ชดิน1000รูปฟังอาทิตปริยายะสูตรบรรลุอรหันต์ ทำไมเขาถึงไม่ต้องฟังมากคือเขาฟังเเล้วเนียมันต้องน้อมมาสู้ของจริงในใจตัวเอง ฟังเเล้วต้องน้อมมาสู่ของจริงในใจตัวเองถึงจะบรรลุธรรมได้ ราคะ โทสะ โมหะ มันก็อยู่ในใจเรา ความยึดมั่นถือมั่นมันก็อยู่ในใจเรา ในตำรามีเเต่ชื่อเหมือนตำราทำกับข้าวอะ เอาไปกินก็ไม่ได้ ต้องไปหามา ผักกาดเป็นไง ผักบุ้งเป็นไง ต้องเอาไปต้มน้ำไส่น้ำปลาเข้ากินดูอร่อยยกชึ้นมาตักไส่ปาก โดยเฉพาะตำรากับข้าวนี่ไม่มีประโยชน์กินไม่ได้ เมื่อเราเจริญสติปัฏฐาน
มากำหนดหยั่งรู้ภายในเนียเห็นหมด คือเห็นพอจะดับทุกข์ได้เเล้วดูในกายในจิตเจริญสติหยั่งรู้ดูที่ความรู้สึก รู้สึกตรงไหนดูมันตรงนั้น นั่งนานก้นสัมผัสพื้นเห็นความรู้สึก นั่งนานเห็นความรู้สึกปวดขาเนียเเหละของจริง ธรรมะทั้ง84000 พระธรรมขันธ์เราจะเจอตรงนี้เเหละเจอของจริง ในตำรามีแต่ชื่อแต่เรามากำหนดภายในเนียเจอของจริง จริงยังไงปวดขาอยู่เนียยังทนนั่งอยู่เจอ ขันติ เเล้วเจอขันติที่มันตั้งอยู่ในใจเราแล้ว ขี้เกียจทำความเพียรแต่เราทำความเพียรเนียเจอ วิริยะ แล้ว เจอวิริยะที่มันตั้งมาในใจเราแล้ว กำหนดหยั่งรู้ที่ความรู้สึกที่ปัจจุบันอารมณ์เจอสติสัมปชัญญะแล้วรู้ตัวทั่วพร้อม ก็คือว่ารู้พร้อมในที่ที่เรากำหนด คือคำว่ารู้ตัวทั่วพร้อมไม่จำเป็นต้องรู้ไปทั้งตัวเราตั้งใจกำหนดตรงไหนรู้พร้อมตรงนั้นนั่นแหละใช้ได้แล้ว เขาถึงมีฐานที่ตั้งแห่งสติ พอมันรู้สึกตรงไหนกำหนดหยั่งรู้มันตรงนั้นความสงสัยไม่มี ความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นรู้แค่นั้นพออย่าไปอยากรู้มากกว่านั้นจะเกิด สงสัย หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน แล้วก็อย่าไปอยากรู้น้อยกว่านั้นที่มันปรากฏอะจะเกิด หงุดหงิดรำคาญจะเกิดโทสะได้ มันประกดแค่ไหนก็กำหนดแค่นั้น อย่าไปอยากมากกว่าและน้อยกว่าเห็นแค่ไหนรู้แค่นั้น อย่าไปอยากให้มันทะลุไปต่อไอ้นั่นมันผิด คือมันมีเท่าไรก็ดูเท่านั้นมันจะสบาย วิปัสสนาคือกำหนดหยั่งรู้ในสิ่งที่ปรากฏ ถ้าเราดูแค่ที่เรามีอยู่ก็จะเป็นอุเบกขาไม่ยินดียินร้าย ถ้าเรารักษาปัญญาในภาคปฏิบัติมันจะเกิดกับตัวอุเบกขา

วันนี้ผู้เขียนรู้สึกอ่อนล้ามาก ๆชักเขียนไปไม่ไหวละขอลาไปผักผ่อนก่อนนะครับ หากเขียนตรงไหนผิดก็ขอโทษมา ณ โอกาสนี้นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ