PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ไก่วิเศษ



*8q*
10-24-2010, 08:33 PM
http://www.dhammathai.org/dhammastory/pic/hen2.gif
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายตัดฟืนคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองพาราณาสี วันหนึ่งเที่ยวเก็บฟืนในป่า และกลับมาไม่ทันประตูเมืองปิด เมื่อมืดลงจึงไปอาศัยอยู่ในศาลเจ้านอกเมือง ซึ่งในศาลเจ้านั้นมีไก่นอนอยู่ก่อน ๒ ตัว เมื่อเวลาใกล้รุ่ง ไก่ตัวหนึ่งก็ถ่ายลงมาถูกไก่ตัวที่นอนอยู่ข้างล่าง ไก่ตัวข้างล่างก็ถามว่าใครถ่ายมาถูกเรา ตัวบนก็ตอบว่า เราเองแหละ เราไม่ได้พิจารณาจึงถ่ายลงไป เมื่อพูดแล้วกลับถ่ายซ้ำลงไปอีก ไก่ทั้งสองจึงทะเลาะกัน และอวดกำลัง ความวิเศษของกันและกัน ไก่ตัวล่างว่าใครได้กินเนื้อเราในตอนเช้าจะได้ทรัพย์พันหนึ่งในเวลาเช้า ไก่ตัวบนก็ว่าใครได้กินเนื้อล่ำของเราจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ ใครกินเนื้อภายนอกถ้าเป็นชายจะได้เป็นเสนาบดี ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นอัครมเหสี ถ้ากินเนื้อติดกระดูกจะได้เป็นขุนนาง ถ้าเป็นบรรพชิตจะได้เป็นอาจารย์ของพระยา เมื่อชายตัดฟืนได้ยินดังนั้น จึงย่องไปจับไก่ตัวบนฆ่าให้ตาย และนำไปให้ภรรยาย่างอย่างดี และบอกว่าเมื่อเราได้กินแล้วจะได้เป็นพระราชา เจ้ากินแล้วจะได้เป็นพระมเหสี ดังนั้นก่อนที่จะกิน เราควรจะชำระล้างร่างกายให้สะอาดในแม่น้ำก่อน เมื่อพูดกันดังนั้นแล้วจึงพากันไปอาบน้ำ โดยวางไก่ไว้ริมตลิ่ง ปรากฎว่ามีลมแรงพัดเอาไก่ลอยน้ำไป

เวลานั้นยังนายควาญช้างคนหนึ่ง ขี่ช้างลงไปอาบน้ำทางใต้น้ำ เห็นภาชนะลอยมาเก็บขึ้นดูจึงเห็นว่าเป็นไก่ จึงนำไปให้ภรรยา และยังมีพระดาบสตนซึ่งเป็นอาจารย์ของควาญช้าง พระดาบสผู้นี้ได้ฌาณโลกีย์ รู้เหตุต่าง ๆ จึงรีบมายังบ้านของควาณช้าง เลือกเอาเนื้อล่ำให้ควาณช้างกิน เนื้อนอกให้ภรรยาควาญช้าง ส่วนพระดาบสจึงได้เนื้อติดกระดูก และบอกว่าอีก ๗ วันท่านจะได้เป็นพระยามหากษัตริย์

อีก ๗ วันต่อมาเกิดข้าศึกยกทัพมาล้อมเมือง พระราชาเมืองพาราณสีบอกให้ควาณช้างแต่งตัวเป็นพระราชาออกไปรบ แล้วพระองค์แต่งเป็นนายตรวจ พระราชากลับถูกธนูยิงตาย นายควาญช้างจึงให้เอาทรัพย์สมบัติในคลังหลวงออกมา ประกาศว่าอยากได้ทรัพย์สมบัติจงช่วยกันไปรบ ปรากฏว่าคนไปรบมากมาย ชนะศึกได้ในวันเดียว เหล่าเสนาบดีเห็นว่านายควาญช้างเป็นผู้มีปัญญา สามารถปกป้องบ้านเมืองไว้ได้สมควรที่จะยกขึ้นเป็นกษัตริย์ ภรรยาจึงได้เป็นพระมเหสี ส่วนพระดาบสก็ได้เป็นพระอาจารย์ของพระยา

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเคยทำบุญไว้ ถึงเวลาบุญก็ส่งผลเอง ใครก็มาเอาไปไม่ได้

http://www.dhammathai.org/dhammastory/story15.php