pikulkaew
05-31-2011, 02:40 PM
http://www.posttoday.com/media/content/2011/05/31/9B1F1E7932044DD5AE6D872139C12535.jpg
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศช่วยตรวจสอบดูแลร้านสัก(TATOO) หลังจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักให้บริการสักรูปพระพุทธเจ้ากับชาวต่างประเทศ ตามอวยวะต่างๆบนร่างกาย ซึ่งค่าบริการสักแต่ละครั้งสูงถึง 20,000 บาท ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากหันประกอบกิจการสักกันมากขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่เหมาะสม
นายนิพิฎฐ์ กล่าวอีกว่า ชาวต่างชาติเห็นว่าการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงแฟชั่น ไม่ได้มองถึงความเคารพและอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว โดยให้มีการตรวจสอบสถานประกอบการสัก และห้ามมิให้มีการบริการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนาบนร่างกาย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด จัดประชุมชมรมผู้ประกอบการ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้นำภาพทางศาสนามาให้บริการสักแก่ชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดทำข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเพื่อป้องกันปัญหาการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ แต่ในส่วนของผู้ใช้บริการก็ขอให้ใช้ภาพอื่น ๆ สักแทน รวมทั้งยังได้ได้จัดทำข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อป้องกันการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกด้วย
ด้าน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ระบุว่ารูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของ บุคคล เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากมีการนำไปสักบนเรือนร่าง จะถือว่ามีความไม่เหมาะสม เพราะเรือนร่างของคนจะต้องนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หากยิ่งพบเห็นการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในกลุ่มบุคคลที่ใช้เรือนร่างโชว์เป็นอาชีพ เช่น อาชีพขายบริการ นักเต้นอะโกโก้ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกต่อผู้ศรัทธาด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์โพสทูเดย์ วันที่ 31 พฤษภาคม 2554
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศช่วยตรวจสอบดูแลร้านสัก(TATOO) หลังจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักให้บริการสักรูปพระพุทธเจ้ากับชาวต่างประเทศ ตามอวยวะต่างๆบนร่างกาย ซึ่งค่าบริการสักแต่ละครั้งสูงถึง 20,000 บาท ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากหันประกอบกิจการสักกันมากขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่เหมาะสม
นายนิพิฎฐ์ กล่าวอีกว่า ชาวต่างชาติเห็นว่าการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงแฟชั่น ไม่ได้มองถึงความเคารพและอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว โดยให้มีการตรวจสอบสถานประกอบการสัก และห้ามมิให้มีการบริการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนาบนร่างกาย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด จัดประชุมชมรมผู้ประกอบการ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้นำภาพทางศาสนามาให้บริการสักแก่ชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดทำข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเพื่อป้องกันปัญหาการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ แต่ในส่วนของผู้ใช้บริการก็ขอให้ใช้ภาพอื่น ๆ สักแทน รวมทั้งยังได้ได้จัดทำข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อป้องกันการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาในทางที่ไม่เหมาะสมเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกด้วย
ด้าน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ระบุว่ารูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของ บุคคล เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากมีการนำไปสักบนเรือนร่าง จะถือว่ามีความไม่เหมาะสม เพราะเรือนร่างของคนจะต้องนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หากยิ่งพบเห็นการสักรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในกลุ่มบุคคลที่ใช้เรือนร่างโชว์เป็นอาชีพ เช่น อาชีพขายบริการ นักเต้นอะโกโก้ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกต่อผู้ศรัทธาด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์โพสทูเดย์ วันที่ 31 พฤษภาคม 2554