pikulkaew
06-27-2011, 01:39 PM
http://www.dailynews.co.th/content/images/1106/27/newspaper/p3scoop.jpg
กรณีของ ’โลกไซเบอร์-อินเทอร์เน็ต“ ที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมในระยะนี้ นอกจากเรื่องมีภาพหวิว ๆ มีภาพนัวเนียของหญิงไทยกับชายต่างชาติที่คล้าย ๆ คนดังแล้ว ก่อนหน้านั้นก็ครึกโครมด้วยเรื่องมีภาพ ’พระภิกษุ-สามเณร“ ที่โพสท่าตามกระแส-แต่งหน้าทาปาก นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวพุทธ
เรื่องหลังนี้ไม่เพียงเป็นเรื่องทำท่า-ปฏิบัติตัวไม่เหมาะ
แต่ยังเกี่ยวโยงกับ ’การใช้อุปกรณ์ไอทีของพระ-เณร“
ทั้งนี้ อันสืบเนื่องจากการที่มีภาพพระภิกษุทำท่าแพลงกิ้ง และสามเณรแต่งหน้าทาปากทำท่าพับเพียบ ปรากฏในโลกไซเบอร์-อินเทอร์เน็ตนั้น มีรายงานข่าวผ่านสื่อว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทาง พระเทพสิทธิเมธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ระบุว่า อยากให้ “พระวินยาธิการ” หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า “ตำรวจพระ” เฝ้าระวัง การกระทำที่หมิ่นเหม่ การกระทำที่ไม่เหมาะสม ของผู้ที่เป็นพระภิกษุ-สามเณร
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าอาวาสก็ควรต้องเฝ้าระวังเรื่อง ’คอมพิวเตอร์“ หรือโน้ตบุ๊ก กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“ ด้วย ควรต้องมีข้อตกลงว่าจะต้องให้มีการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้ และหากมีการกระทำสิ่งใดที่ไม่ชอบมาพากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็ต้องมีการลงโทษ
ประเด็นที่ทางพระผู้ใหญ่เป็นห่วงและระบุดังที่ว่ามา ประเด็น ’คอมพิวเตอร์“ กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“ นี้ ก็น่าคิด น่าติดตามว่าทางวัดต่าง ๆ จะมีการขานรับ จะมีการดำเนินการอะไรอย่างไรหรือไม่??
อย่างไรก็ดี จริง ๆ ประเด็นนี้ก็มิใช่ประเด็นใหม่
ที่ผ่านมาก็เคยมีกรณี-เคยมีเสียงวิพากษ์เกิดขึ้น...
ประเด็นการใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และหมายรวมถึงโทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ สำหรับพระภิกษุ-สามเณรนั้น ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็เคยสะท้อนไว้เมื่อกว่า 3 ปีมาแล้ว ซึ่งน่าจะได้มีการพิจารณากันจริงจังอีกสักครั้งในช่วงที่มีกรณี-มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เคยระบุไว้ว่า... ถ้าจะพูดถึงพระภิกษุ-สามเณรกับเทคโนโลยี ก็ต้องบอกว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้
และที่จริงพระสงฆ์ควรจะมีสิ่งสื่อสารและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่าประชาชน เพราะเป็นหน้าที่ในการเผยแผ่ธรรมะ ซึ่ง เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ อย่างอินเทอร์เน็ต ก็ช่วยในการเผยแผ่ธรรมะได้ดี เช่น คนอยู่ต่างประเทศอยากฟังธรรมะก็สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อรับฟังได้ ซึ่งถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์มันก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวผู้ใช้และส่วนรวม เพียงแต่หากมีการใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย
’ของแบบนี้มันเหมือนกับเหรียญ 2 ด้าน พระ-เณรยังไม่แก่วัด ออกนอกลู่นอกทางตามนิสัยเดิม ก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและความรับผิดชอบของบุคคลนั้น ๆ ซึ่งหนทางแก้ไขที่ทำได้คือทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังดูแล อย่าให้เกิดสิ่งไม่ดีไม่งามขึ้น“ ...พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งระบุไว้
ขณะที่ ท่าน ว.วชิรเมธี หรือ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระสงฆ์นักเผยแผ่ธรรมะ ก็ระบุถึงเรื่องเดียวกันนี้ผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ว่า... ปัจจุบันพระภิกษุ-สามเณรรุ่นใหม่มีการติดต่อสื่อสารกันทางมือถือและอีเมล มีความสนใจเว็บไซต์ธรรมะ พระไตรปิฎก และคัมภีร์พุทธศาสนาต่าง ๆ มีการเสิร์ชหรือค้นหาข้อมูล มีการศึกษาค้นคว้าจากเว็บไซต์ รวมถึงมีการโหลดเสียงการบรรยายธรรมะของครูอาจารย์ดัง ๆ มาฟัง รวมทั้งคลิปรายการทีวีของพระสงฆ์ชั้นนำ เช่น ท่านพุทธทาส, พระพรหมคุณากร ฯลฯ แล้วส่งต่อ ๆ กันเป็นทอด ๆ
ทั้งนี้ การที่พระภิกษุใช้อินเทอร์เน็ตหาความรู้ และเพื่อเผยแผ่ธรรมะ ส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าใช้เพื่อการแชตเกี้ยวพาราสีผู้หญิง หรือท่องเว็บลามก หรือติดต่อสื่อสารในทางที่ไม่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็เป็นสิ่งไม่สมควร อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรห้ามพระภิกษุ-สามเณรใช้สื่อสมัยใหม่ อินเทอร์เน็ต เพราะเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่สิ่งสำคัญคือต้องถวายคำแนะนำให้รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสื่อสมัยใหม่จะมีคุณหรือจะมีโทษ ไม่ได้เกิดจากตัวมันเอง
จะมีคุณ หรือมีโทษ สำคัญที่ผู้ใช้
’อย่างอินเทอร์เน็ต ถ้าใช้เป็น ก็จะเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก เป็นตลาดวิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในทางกลับกัน ถ้าใช้ไม่เป็นก็จะกลายเป็นแหล่งอบายมุข แหล่งอันตราย เพราะมีทั้งคลิปโป๊ เว็บไซต์ลามก คำแนะนำการฆ่าตัวตาย ช่องทางการซื้อขายอาวุธ ฯลฯ แม้แต่กระทั่งวิธีการบรรลุนิพพาน ก็มีเช่นกัน ดังนั้น อินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีปัญญา คือสวรรค์ของการแสวงปัญญา แต่คนที่ด้อยปัญญา ก็พลิกเป็นนรกได้เช่นกัน“ ...พระมหาวุฒิชัย หรือท่าน ว.วชิรเมธี เคยระบุไว้
ก็เป็นมุมมองจากฝ่ายสงฆ์ ในเรื่องที่เพิ่งมีกรณีครึกโครม
เรื่อง ’โลกไซเบอร์-สื่อไฮเทค“ กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“
ทางสงฆ์ไม่ได้ห้ามใช้ และมีการใช้ที่ไม่เหมาะสม??.
ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
กรณีของ ’โลกไซเบอร์-อินเทอร์เน็ต“ ที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมในระยะนี้ นอกจากเรื่องมีภาพหวิว ๆ มีภาพนัวเนียของหญิงไทยกับชายต่างชาติที่คล้าย ๆ คนดังแล้ว ก่อนหน้านั้นก็ครึกโครมด้วยเรื่องมีภาพ ’พระภิกษุ-สามเณร“ ที่โพสท่าตามกระแส-แต่งหน้าทาปาก นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวพุทธ
เรื่องหลังนี้ไม่เพียงเป็นเรื่องทำท่า-ปฏิบัติตัวไม่เหมาะ
แต่ยังเกี่ยวโยงกับ ’การใช้อุปกรณ์ไอทีของพระ-เณร“
ทั้งนี้ อันสืบเนื่องจากการที่มีภาพพระภิกษุทำท่าแพลงกิ้ง และสามเณรแต่งหน้าทาปากทำท่าพับเพียบ ปรากฏในโลกไซเบอร์-อินเทอร์เน็ตนั้น มีรายงานข่าวผ่านสื่อว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทาง พระเทพสิทธิเมธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ระบุว่า อยากให้ “พระวินยาธิการ” หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า “ตำรวจพระ” เฝ้าระวัง การกระทำที่หมิ่นเหม่ การกระทำที่ไม่เหมาะสม ของผู้ที่เป็นพระภิกษุ-สามเณร
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าอาวาสก็ควรต้องเฝ้าระวังเรื่อง ’คอมพิวเตอร์“ หรือโน้ตบุ๊ก กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“ ด้วย ควรต้องมีข้อตกลงว่าจะต้องให้มีการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้ และหากมีการกระทำสิ่งใดที่ไม่ชอบมาพากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็ต้องมีการลงโทษ
ประเด็นที่ทางพระผู้ใหญ่เป็นห่วงและระบุดังที่ว่ามา ประเด็น ’คอมพิวเตอร์“ กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“ นี้ ก็น่าคิด น่าติดตามว่าทางวัดต่าง ๆ จะมีการขานรับ จะมีการดำเนินการอะไรอย่างไรหรือไม่??
อย่างไรก็ดี จริง ๆ ประเด็นนี้ก็มิใช่ประเด็นใหม่
ที่ผ่านมาก็เคยมีกรณี-เคยมีเสียงวิพากษ์เกิดขึ้น...
ประเด็นการใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และหมายรวมถึงโทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ สำหรับพระภิกษุ-สามเณรนั้น ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็เคยสะท้อนไว้เมื่อกว่า 3 ปีมาแล้ว ซึ่งน่าจะได้มีการพิจารณากันจริงจังอีกสักครั้งในช่วงที่มีกรณี-มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เคยระบุไว้ว่า... ถ้าจะพูดถึงพระภิกษุ-สามเณรกับเทคโนโลยี ก็ต้องบอกว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้
และที่จริงพระสงฆ์ควรจะมีสิ่งสื่อสารและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่าประชาชน เพราะเป็นหน้าที่ในการเผยแผ่ธรรมะ ซึ่ง เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ อย่างอินเทอร์เน็ต ก็ช่วยในการเผยแผ่ธรรมะได้ดี เช่น คนอยู่ต่างประเทศอยากฟังธรรมะก็สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อรับฟังได้ ซึ่งถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์มันก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวผู้ใช้และส่วนรวม เพียงแต่หากมีการใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย
’ของแบบนี้มันเหมือนกับเหรียญ 2 ด้าน พระ-เณรยังไม่แก่วัด ออกนอกลู่นอกทางตามนิสัยเดิม ก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและความรับผิดชอบของบุคคลนั้น ๆ ซึ่งหนทางแก้ไขที่ทำได้คือทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังดูแล อย่าให้เกิดสิ่งไม่ดีไม่งามขึ้น“ ...พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งระบุไว้
ขณะที่ ท่าน ว.วชิรเมธี หรือ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระสงฆ์นักเผยแผ่ธรรมะ ก็ระบุถึงเรื่องเดียวกันนี้ผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ว่า... ปัจจุบันพระภิกษุ-สามเณรรุ่นใหม่มีการติดต่อสื่อสารกันทางมือถือและอีเมล มีความสนใจเว็บไซต์ธรรมะ พระไตรปิฎก และคัมภีร์พุทธศาสนาต่าง ๆ มีการเสิร์ชหรือค้นหาข้อมูล มีการศึกษาค้นคว้าจากเว็บไซต์ รวมถึงมีการโหลดเสียงการบรรยายธรรมะของครูอาจารย์ดัง ๆ มาฟัง รวมทั้งคลิปรายการทีวีของพระสงฆ์ชั้นนำ เช่น ท่านพุทธทาส, พระพรหมคุณากร ฯลฯ แล้วส่งต่อ ๆ กันเป็นทอด ๆ
ทั้งนี้ การที่พระภิกษุใช้อินเทอร์เน็ตหาความรู้ และเพื่อเผยแผ่ธรรมะ ส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าใช้เพื่อการแชตเกี้ยวพาราสีผู้หญิง หรือท่องเว็บลามก หรือติดต่อสื่อสารในทางที่ไม่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็เป็นสิ่งไม่สมควร อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรห้ามพระภิกษุ-สามเณรใช้สื่อสมัยใหม่ อินเทอร์เน็ต เพราะเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่สิ่งสำคัญคือต้องถวายคำแนะนำให้รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสื่อสมัยใหม่จะมีคุณหรือจะมีโทษ ไม่ได้เกิดจากตัวมันเอง
จะมีคุณ หรือมีโทษ สำคัญที่ผู้ใช้
’อย่างอินเทอร์เน็ต ถ้าใช้เป็น ก็จะเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก เป็นตลาดวิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในทางกลับกัน ถ้าใช้ไม่เป็นก็จะกลายเป็นแหล่งอบายมุข แหล่งอันตราย เพราะมีทั้งคลิปโป๊ เว็บไซต์ลามก คำแนะนำการฆ่าตัวตาย ช่องทางการซื้อขายอาวุธ ฯลฯ แม้แต่กระทั่งวิธีการบรรลุนิพพาน ก็มีเช่นกัน ดังนั้น อินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีปัญญา คือสวรรค์ของการแสวงปัญญา แต่คนที่ด้อยปัญญา ก็พลิกเป็นนรกได้เช่นกัน“ ...พระมหาวุฒิชัย หรือท่าน ว.วชิรเมธี เคยระบุไว้
ก็เป็นมุมมองจากฝ่ายสงฆ์ ในเรื่องที่เพิ่งมีกรณีครึกโครม
เรื่อง ’โลกไซเบอร์-สื่อไฮเทค“ กับ ’พระภิกษุ-สามเณร“
ทางสงฆ์ไม่ได้ห้ามใช้ และมีการใช้ที่ไม่เหมาะสม??.
ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์