PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ศาสดาเอกของโลก หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม



**wan**
11-02-2008, 03:49 PM
http://www.watthummuangna.com/board/attachment.php?attachmentid=7510&d=1201705129

ศาสดาเอกของโลก
พระธรรมเทศนา ของ
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
กัณฑ์ที่ ๓

โพสท์ในลานธรรมเสวนา หมวดชีวิตกับธรรมะ กระทู้ 15497
โดย: มุก 21 ต.ค. 48


นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

มนุสฺโสวา เอตํ พุทฺธสาสนนฺตี ติ


พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเรานี้ก็เป็นมนุษย์ เมื่อท่าน เป็นมนุษย์นั้น ทานบารมี อยู่ใน ทาน การถวายของ ปรารถนาอยาก เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ศีลบารมี การรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า

เนกขัมมะบารมี ใจคิดออกบวช

ปัญญาบารมี ความรู้ดีรู้ชอบในศีล ในฌาน แต่เป็นโลกียศีล โลกียฌาน น้ำใจปรารถนาอยากเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วิริยะบารมี มีความเพียรให้ทาน หรือความเพียรทำการทำงานต่างๆ แต่น้ำใจปราถนาอยากเป็น พระพุทธเจ้า

ขันติบารมี มีความอดทน ไม่มีเวรเป็นกรรมแก่ใคร แต่น้ำใจอยากเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เมตตาบารมี มีจิตเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา ไม่มีเวรแก่มนุษย์ ใจอยากเป็น พระพุทธเจ้า

อุเบกขาบารมี กระทำจิตเป็นกลาง วางจิตเฉย

สํสาเร สํสารนฺติ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ไม่มีที่สิ้นสุด นับบารมี ถึงสี่อสงขัย แสนมหากัปป์ ชาติที่สุดก็ได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นมนุษย์นั่นแหละ

พุทฺธกปฺเปน มนุสฺเสน ศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสปะสูญไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ธรรมชาติ มนุษย์ ผู้ถือพุทธก็มี ถือพราหมณ์ก็มี ถือไปตามอาการของมนุษย์

เทพยเจ้าจึงได้ปรึกษากันว่า มนุษย์จะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ เทพยเจ้าทั้งสี่ มีสิงกุฏอมาตย์ สัจจะเทวบุตร อาการีเทวบุตร เป็นต้น จึงกล่าวว่า เอส ธมฺโม เอกญาโณ มีพระยาธรรมเจ้าองค์หนึ่ง คือ เวสสันตะระ ท่านตายจากมนุษย์นี้ และจักได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทพยเจ้าจึงขึ้นไปกราบอาราธนาถึง ชั้นจาตุมหาราชิกา จึงกล่าวบท คาถาบาลีมคธว่า กโรยตฺเตมหาวีโร อาราธนํกโร ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอโอกาส อาราธนาหน่อพุทธังกูร ผู้มีบุญตนประเสริฐ จงลงไปเกิดเถิด พระเจ้าข้า

อุปมาดอกบัว ๒ ดอก ดอก๑ ได้แก่ พระเจ้าสุทโธทนะ ดอกที่ ๒ ได้แก่ พระนางสิริมหามายา

ดังนั้น พระโพธิสัตว์ รับนิมนต์ แล้วลงมาจากสวรรค์ ในสวรรค์ พรหมก็เป็นสวรรค์เหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าเป็นชั้นๆ

พระเจ้าสุทโธทนะ ลงมาจากพรหม ชั้นพรหมปริสัชชา พระนางเจ้า สิริมหามายา ลงมาจาก พรหมปโรหิตา

ตัวพระโพธิสัตว์มหาพรหมมานี้แหละ ลงมาจากพรหมปฏิสนธิธาตุ เข้าท้องยายวันพุธ ยายฝันเห็นช้างเผือก ได้อุ้มช้างเผือก ว่าลูกยายจะเป็น ผู้ชาย สิบเดือนคลอด เสด็จเจ็ดก้าวตีนโลกิยฌานของท่าน

ทานบารมี เป็นฌานที่หนึ่ง ศีลบารมี เป็นฌานที่สอง เนกขัมมบารมี เป็นฌานที่สาม ปัญญาบารมี เป็นฌานที่สี่ วิริยะบารมี เป็นฌานที่ห้า ขันติบารมี เป็นฌานที่หก สัจจะบารมี เป็นฌานที่เจ็ด เสด็จเจ็ดก้าวตีน นางสาวสนมได้เห็นด้วยจักขุ คือ ตา กล่าวคาถาว่า ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา ลูกยายบินได้ ลูกตาบินได้ นี่น่าอัศจรรย์

พระเจ้าสุทโธทนะ รับเอาแม่กับลูกไว้ได้ ๗ วัน พระมารดาสวรรคต คือ ตาย ทิ้งลูกเป็นกำพร้า พระแม่น้าเลี้ยงไว้ ฤาษีมาทำนาย จะได้เป็น พระพุทธเจ้า

พระฤาษี ๓ องค์ เข้ามาเฝ้า พระเจ้าสุทโธทนะ จึงอุ้มเอาพระราชบุตร ไปกราบฤาษี

พระฤาษีมองเห็นแล้วด้วยฌาน จึงกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ มหาปุริสาลกฺขณานุภาเวน อสีตยานุพยญฺ ชนานุภาเวน นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน สมยวิมุตฺโต อสมยวิมุตฺโต

อธิบายเป็นภาษาไทย ถวายพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระราชบุตรพระองค์เจ้าออกบวชเป็นฤาษี พุทฺเธ รตนํ ได้เป็นพระพุทธเจ้า หนึ่งไม่มีสอง เอโก สุริโย พระอาทิตย์ดวงเดียว ชายคนนี้แหละ จะได้เป็น พระพุทธเจ้า

เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะแสดงพระปรมัตถ์ พุทฺธปญฺญตฺติ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ อสีติพุทธสาวก ๘๐ องค์ มีฤทธิ์ศักดานุภาพ อสีตยา นุพยญฺญชนานุภาเวน

มหาปุริสลกฺขณานุภาเวน ฝ่าตีนเป็นกงจักร ฝ่ามือเป็นดอกบัว

เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะเทศนาปรมัตถ์ ได้ชื่อว่า พุทฺปญฺญตฺติ นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน แสดงธรรม ๙ ประการ เกิดจากวิญญาณหัวใจ พระโพธิสัตว์ สมยวิมุตฺโต

อาตมาเกิดมาเกินสมัย ก่อนสมัยตายเสียเปล่าๆ ไม่มีทางที่จะไป สวรรค์ก็ไม่รู้ พรหมก็ไม่รู้ นิพพานก็ไม่รู้ อสมยวิมุตฺโต มนุษย์ที่เกิดในสมัย ท่าน เป็นศิษย์ของท่าน นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน จ เทศนา เก้าประการ เกิดจากวิญญาณพระโพธิสัตว์ ถวายพระพรมหาบพิตรพระราชสมภาร

เหตุนั้น พระองค์ใหญ่แล้ว ก็ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินครอบครองพระราช สมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีบุตรชายพระองค์หนึ่ง อายุ ๒๘ ปี บารมีที่ สร้างไว้ ทานเป็นปรมัตถ์ ศีลเป็นปรมัตถ์ ตลอดถึง อุเบกขา เป็นปรมัตถ์

เมื่อเป็นพระปรมัตถ์เกิดจากหัวใจแล้ว จึงเสด็จออกบวช กาย วาจา ใจ เจริญกรรมฐานภาวนา ๖ ปี ได้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกาศ พระศาสนาอยู่ ๔๕ ปี บัญญัติศีลธรรมกรรมฐานแล้วนิพพานไป เมื่อจะปรินิพพานนั้น อายุของพระองค์ ๘๐ ปีแล้ว จึงพร้อมพุทธสาวก ไปเมืองกุสินารา พระอานนท์ พระกัสสปะ พระอนุรุทธะ ข้ามแม่น้ำ กุกุทานามะ ที่อาบน้ำชำระกายแล้วไปถึง แม่น้ำหิรยะประเทศ เข้าเขต กรุงกุสินารา เดือน ๖ ออก ๑๔ ค่ำ

พระเจ้ามัลละกษัตริย์ มาเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงเปล่งคาถาก่อนจะปรินิพพาน นั้นขึ้นว่า โยโข อานนฺท ภิกฺขุ วา ภิกขุณี วา ภิกษุก็ดี นางภิกษุณี นางสามเณรี ก็ดี เจ้าสามเณรก็ดี อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺโม จ วินโย จ พระธรรม จะเป็นครูสั่งสอน พระวินัยจะเป็นครูสั่งสอน ปญฺญตฺโต โสโว ตถาคตบัญญัติ ไว้แล้ว

พรุ่งนี้อยู่ไม่ได้แล้ว เตสํ รูปแตก รูปตายเสียแล้ว แต่ใจไปนิพพาน เตสํ เวทนาแตก เวทนาตายเสียแล้ว เตสํ สัญญาแตก สัญญาตาย สังขาร แตก สังขารตาย

อะไรมันตาย รูปก็ตาย เวทนาก็ตาย สัญญาก็ตาย สังขารก็ตาย มีปาก ปากก็ตาย มีหัวใจ หัวใจก็ตาย แต่ใจนั้นไม่ตาย ใจนั้นจะไปนิพพานเสียแล้ว อันนี้ก็ประเสริฐ

ทุติย ปริเฉทอุปสโก วา อุปสิกา วา โยมทั้งหลายเกิดมาในพุทธศาสนา เป็นผู้ใกล้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใกล้อย่างนั้น อย่างไรจึงจะเป็น ผู้ใกล้ นั่งใกล้ก็ไม่ใช่ นอนใกล้ก็ไม่ใช่ และยืนใกล้ก็ไม่ใช่ ทำอย่างไร จึงจะเป็นผู้ที่ใกล้ โยมผู้หญิง ผู้ชายทั้งหลาย

ทานบารมี ตั้งอยู่ในทาน การถวายของตามที่จัดหามาได้ มีมากก็ทานมาก มีน้อยก็ทานน้อย ทานตามมีตามเกิด

ศีลบารมี ตั้งอยู่ในศีลห้า ศีลแปด ธรรมบารมี ตั้งอยู่ในธรรม คำสั่งสอนของเราแล้ว ศาสนธรรมคำสั่งสอนของเราก็เจริญ เต็มไปด้วย พระโสดา ไม่เลือกผู้หญิง ผู้ชาย เต็มไปด้วย พระสกิทาคา ได้ทั้งหญิง ทั้งชาย เต็มไปด้วย พระอนาคา เต็มไปด้วย พระอรหันต์ จิตวิญญาณ เท่ากันทั้งนั้น

แม้โยมทั้งหลาย ทานบารมีก็ไม่ทำเลย ศีลบารมี ศีลห้า ศีลแปด ก็ไม่เอา ธรรมคำสั่งสอนของเราก็สูญหมด หายหมด ไม่เป็นประโยชน์ แก่มนุษย์

ธมฺโม จ วินโย จ พระธรรมอยู่ที่ไหน เดิมทีอยู่ที่กายพระพุทธเจ้า ที่ใจพระพุทธเจ้า น้อมเข้ามาในกายของเรา ก็เป็นตัวเดียวกันนั่นแหละ พระธรรมที่ใจของเรา วินัยก็ที่ใจของเรา

ธรรมนั้นคืออะไร รูปก็พระธรรม เวทนาก็พระธรรม สัญญาก็พระธรรม วิญญาณก็พระธรรม ตาก็พระธรรม หูก็พระธรรม จมูกก็พระธรรม ปาก ก็พระธรรม กายก็คือพระธรรมนั่นแหละ ใจที่เราทำบาป บาปก็เกิดจากหัวใจ นี่แหละ

สมมติถ้าเราทำนาก็ได้ข้าวกิน เอาผัวเอาเมียก็ได้ลูกสาวลูกชาย ตามความปรารถนา ถ้าเราไม่เอาเมียเอาผัวก็ไม่ได้ลูกสาวลูกชาย

ธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่หัวใจของเรา กายของเรา วินโย จงรักษาวินัย ศีล ๒๒๗ ก็พุทธวินัย มีศีล ๕ เป็นเค้า ศีล ๘ เป็นปลาย ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็เป็นปลาย

ศีลทั้งหลาย มีศีล ๕ เป็นเค้า ศีล ๕ เปรียบเหมือนแผ่นดิน ศีล ๘ เหมือนต้นกล้วย ต้นอ้อย ศีล ๒๒๗ เหมือนต้นข้าว

เปรียบเหมือนนายเศรษฐี จะทำนาก็ดี จะปลูกต้นกล้วยก็ดี ต้นอ้อย ต้นข้าวทั้งหลายนี้ปลูกลงในแผ่นดิน ไม่มีดิน กล้วย อ้อย ทั้งหลายก็ตาย

นี่แหละศีลทั้งหลายมีศีล ๕ เป็นเค้า (ต้น) เมื่อได้ศีล ๕ แล้ว ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ได้เค้า

ศีล ๕ ก็เค้าขาของเราทุกคน เค้าแขนของเราทุกคน ศีล ๕ ก็หัวใจ ของเรานี้แหละ หัวใจนั้นคืออะไร?

การที่เราเกิดมานี้เรียกว่าผู้หญิงผู้ชายนี้ ก็เป็นเพียงแต่ขันธ์เท่านั้น ส่วนใจนั้นทำให้เป็นพระอรหันต์ได้ เหตุนั้น ธรรมอรหันต์ ก็คือ ใจ นั่นแหละ

เวรมณี ไม่ฆ่าสัตว์ เป็นธรรมที่หนึ่ง เวรมณี ไม่ลักทรัพย์ เป็นธรรม ที่สอง เวรมณี ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นธรรมที่สาม เวรมณี ไม่กล่าว มุสาวาท เป็นธรรมที่สี่ เวรมณีไม่กินเหล้าเมาสุรา เป็นธรรมที่ห้า นี่แหละ ธรรมะอยู่ที่นี้ จึงจะแปลเวรมณีออกเป็นภาษาไทย

กายานุปัสสนาสติปัฏฐานัง รูปขันธ์เป็นกายที่หนึ่ง เวทนาขันธ์ เป็น กายที่สอง สัญญาขันธ์เป็นกายที่สาม สังขารขันธ์เป็นกายที่สี่ วิญญาณขันธ์ เป็นกายที่ห้า นี้แหละเรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฎฐานัง

กายานุปัสสนา เรามีกาย ไม่พากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิด ในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา กายก็กลายเป็นพระพุทธเจ้า ใจก็เป็นพระพุทธเจ้า กายเราใจเราทุกคนนี่แหละ

๑. แปลมาที่กายของเรา ใจของเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจเป็นโสดาผลหนึ่ง พุทโธคือใจของเรา

๒. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่า สัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจนั้นเป็นโสดาผล

๓. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ออกบวช ไม่มีผัวเมีย ใจนั้นเป็นโสดาผล

๔. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ไม่ขี้ปด ใจเรานั้นเป็นโสดาผล

๕. กายานุปัสสนา เรามีกายไม่พากายไปกินเหล้า กายกับใจ ก็เป็นโสดาผล

อริยบุคคล เกิดจาก พุทโธ ธัมโม สังโฆ

อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฆ่าสัตว์ก็ละแล้ว ยังแต่พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ คือ ใจของเราทุกคน

ลักทรัพย์ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจของเราทุกคน

เสพกามก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจของเราทุกคน

พุทโธ อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา พุทธภายใน พุทธภายนอก

พุทธภายใน ได้แก่ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่ไม่เป็นใบ้ ใจดีใจงาม ใจซื่อสัตย์ ใจมีศีลธรรม พุทโธ เกิดจากใจของเราทุกคน ธัมโมก็ใจ สังโฆก็ใจ ใจเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า นี้เรียกว่า พุทธภายใน

พุทธภายนอก ได้แก่ ตาของเรา ถ้าตาบอดตาเสีย ตาไม่มีพุทธ ตาไม้สักไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ไม้ไร่ ไม้บง ตาอย่างนั้นไม่ใช่ตามีพุทธ

ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนา พุทธภายใน ได้แก่ ใจของเราทุกคน พุทธภายนอก ได้แก่ อันนี้เป็นองค์ที่หนึ่งและ องค์ที่สอง

พุทธภายใน คือ ใจที่บริสุทธิ์ คือ ใจมีทาน ใจมีศีล ใจมีธรรม พุทโธ เกิดจากใจ ของเราทุกคน ธัมโม สังโฆ ก็เหมือนกัน ใจเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้แหละเรียกว่า พุทธภายใน

พุทธภายนอก พุทโธก็หูของเราทุกคน ธัมโม สังโฆ ก็เหมือนกัน หูเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

หูหนวกหูเสีย หูไม่มีพุทธ ได้แก่ หูกระเช้า หูกระทะ หูกระบุง หูอย่างนั้น ไม่มีพระพุทธ หูมีพระพุทธ ได้แก่ หูมนุษย์เราท่านทั้งหลาย ผู้ถือพุทธศาสนา

พุทธภายใน ก็คือ ใจของเราทุกคน พุทธภายนอกก็คือ หูอันเป็นองค์ธรรม ที่สอง พุทธภายใน ใจอันบริสุทธิ์ ใจมีเมตตา พรหมวิหาร อันเป็นฐานที่อยู่ ของใจ ได้แก่ เมตตาพรหมวิหาร แก่เพื่อนมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา อย่าได้เป็นเวรแก่มนุษย์

กรุณาเจโต กรุณาแก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อนเกิดมาร่วมสุขร่วมทุกข์ อพยาปชฺชาโหนฺตุ อย่าพยาบาทกัน อาฆาตผูกเวรกัน

มุทิตาเจโต มุทิตาจิตอ่อนหวาน ผู้เกิดก่อน เป็นปู่ย่าตายาย ผู้เกิด มาทีหลังเป็นลูก หลาน เหลน

อุเบกขาพรหมวิหาร กระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉยๆ

พุทโธ ตั้งใจของเราให้มีพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งใจของเราให้มี พระธรรม พระสงฆ์ ขาวพุทโธ ให้ขาวลงที่ใจของยาย ธัมโม สังโฆ ให้ขาวพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่ใจของคุณยายคุณตาทุกคน

ผ้าเหลือง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ให้เหลืองลงที่ใจของเราทุก พระองค์เถิด

นี้เพราะพระพุทธศาสนา นี้แหละพุทธใน

พุทธนอกได้แก่ ปากของเรา ธัมโม สังโฆ ได้แก่ ปาก ปากเป็น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปากไม่มีพระพุทธ ได้แก่ ปากน้ำบ่อ ปากน้ำบวย ปากน้ำคนโฑ ปากหม้อ ปากไห ปากอย่างนี้เป็นปากไม่มี พุทธ ปากมีพุทธ ได้แก่ ปากมนุษย์ทั้งหลาย

หูไม่มีพุทธ ได้แก่ หูกระเช้า หูกระทะ หูกระบุง หูมีพุทธ ได้แก่ หูมนุษย์

ตาไม่มีพุทธ ได้แก่ ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ตาไม้ไร่ ตาไม้บง ตามีพุทธ ได้แก่ ตามนุษย์ เราท่านทั้งหลายทุกคน

พุทธใน ก็คือ ใจของเรา พุทธนอก ได้แก่ ตาของเรา ปากไม่มีพุทธ ได้แก่ ปากน้ำบ่อ ปากน้ำกระบวย ปากหม้อ ปากไห ปากมีพุทธ ได้แก่ ปากมนุษย์ของเรา พุทธในก็ใจ พุทธนอก ได้แก่ ปากของเรา

ขอนักกรรมฐานทั้งหลาย ผู้มีพุทโธแล้ว สวรรค์ ๖ พรหม ๑๖ พระนิพพาน ก็จะเป็นของท่าน ถ้าหากนักธรรม นักกรรมฐาน ละพุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว มันไกลพุทธศาสนาตั้งหมื่นวาแสนวา จะนั่งภาวนาเอาสวรรค์ ๖ พรหม ๑๖ พระนิพพาน จนกระดูกหักก็ไม่ได้สวรรค์ นิพพานหรอก

ถ้ามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นผู้รู้สวรรค์ รู้นิพพาน ปรารถนาสวรรค์ ปรารถนานิพพาน ก็จะได้สวรรค์ และนิพพานตามความมุ่งมาดปรารถนา

ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งอยู่ในพุทโธเถิด อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ



&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&