เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ชวนคนไทยใจบุญตักบาตรวันวิสาขบูชาด้วยเมนูชูสุขภาพ



Sri Visuthi Mongkol
05-31-2012, 05:11 PM
ชวนคนไทยใจบุญตักบาตรวันวิสาขบูชาด้วยเมนูชูสุขภาพ

สธ.31 พ.ค.- กรมอนามัย ชวนคนไทยทำบุญตักบาตร วันวิสาขบูชาด้วยเมนูชูสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม เพื่อลดอัตราความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สร้างสุขภาพดีให้พระสงฆ์ หวังป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน และโรคอ้วนในกลุ่มพระสงฆ์

นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการสนับสนุนให้คนไทยทำบุญตักบาตรด้วยเมนูชูสุขภาพ ว่า เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ปี 2555 นี้ ถือเป็นวันสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ที่มีความสำคัญสากลของโลกด้วยการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถวายเป็นพุทธบูชา โดยคาดว่า วันสำคัญดังกล่าวจะมีพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก หากไม่ใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพพระสงฆ์ตามมา โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ด้วยอาหารที่จำเจ ไม่หลากหลาย ซึ่งอาหารปรุงสำเร็จส่วนมากมักเป็นอาหารที่ประกอบด้วยแป้ง น้ำตาล และไขมัน รวมทั้งกะทิที่ให้พลังงานสูงมากเกินความต้องการของร่างกาย ก่อให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกิน ส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังตามมา

ทั้งนี้ ผลการศึกษา พบว่า ในระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2553 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 มีพระภิกษุ สามเณร จำนวน 98,561 รูป หรือประมาณร้อยละ 30 พบว่าสุขภาพปกติ ร้อยละ 55 เสี่ยงป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ประมาณร้อยละ 40 บางรูปป่วยมากกว่า 1 โรค และมีพระภิกษุอยู่ในภาวะอ้วนรวม 5,381 รูป หรือร้อยละ 5 แสดงให้เห็นว่าการเจ็บป่วยด้วยโรคส่วนใหญ่มีสาเหตุจากปัญหาการบริโภคไม่ถูกหลักโภชนาการ เนื่องจากไม่สามารถที่จะเลือกฉันอาหารเองได้ ต้องฉันอาหารตามที่ฆราวาส ตักบาตรหรือนำอาหารมาถวาย ประกอบกับสถานภาพพระภิกษุสงฆ์ ไม่เอื้อต่อการออกกำลังกาย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค

การสร้างสุขภาพดีแก่พระสงฆ์ ประชาชนผู้ใจบุญทั้งหลายควรทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ด้วยอาหารเมนูชูสุขภาพที่ประกอบด้วยกลุ่มที่ให้ใยอาหารสูง ประเภทข้าวกล้อง ผักต่าง ๆ เพื่อจะได้มีกากอาหารช่วยในการขับถ่าย กลุ่มที่ให้แคลเซียมสูง ประเภทผักใบเขียวเข้ม ปลาที่กินได้ทั้งตัว นมจืดหรือนมพร่องมันเนย เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกไม่ให้เปราะบาง แตกหรือหักง่าย กลุ่มที่มีไขมันต่ำ ประเภทเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เพื่อลดพลังงานส่วนเกินที่จะไปสะสมในร่างกายซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง โดยอาหารที่ปรุงนั้นต้องมีรสที่ไม่หวานจัด มันจัด และเค็มจัด เน้นการต้ม นึ่ง อบ หรือทำเป็นน้ำพริก แต่หากต้องการปรุงอาหารประเภทผัดหรือกะทิก็ต้องใช้น้ำมันและกะทิแต่น้อย และให้ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ที่มี ไขมันต่ำ เช่น ปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน อาทิ เมนูลาบปลา ปลานึ่งผัก แกงส้ม แกงเลียง แกงเหลือง ต้มยำปลา ยำมะม่วง ยำสมุนไพร เป็นต้น ที่สำคัญควรมีผักสดและผลไม้สดด้วยทุกครั้งเพื่อให้ครบคุณค่าทั้ง 5 หมู่ นอกจากนี้ พระสงฆ์สามารถสร้างสุขอนามัยที่ได้ด้วยการใช้ช้อนกลางขณะฉันภัตตาหารทุกครั้ง. -สำนักข่าวไทย

oubasika
06-01-2012, 01:07 PM
ขอบพระคุณค่ะในข้อมูล เพิ่มความรู้ เพื่อที่จะได้ทำบุญและในส่วนของทานให้ปราณีตขึ้นนะค่ะ สาธุๆค่ะ
เป็นกรรมสะสม โดยที่เราไม่ตั้งใจให้เป็นเลยจริงๆ

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/309/15309/images/line/line_03/13.gif

http://blog.th.88db.com/wp-content/uploads/2011/11/Bowll.jpg


ถวายอาหาร-น้ำปานะเพื่อสุขภาพ

ปัญหาสุขภาพของพระภิกษุและสามเณรมีหลายโรคที่เป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาหารและน้ำปานะ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่ทุกส่วนควรร่วมกันป้องกันและแก้ไข
แต่เดิมมาอาหารใส่บาตร เป็นอาหารที่ชาวบ้านเราจัดเตรียมกันในตอนเช้าตรู่ แล้วนำไปถวายพระ หรือมีการส่งปินโตโดยมีเด็กวัดหรือขโยม มาเก็บ ถ้าเป็นหมู่บ้านใหญ่ ก็จะมีการแบ่งเป็นป๊อกๆ (โซน) ดังนั้นอาหารใส่บาตรจึงเป็นอาหารสดใหม่ ชาวบ้านตั้งใจทำบุญตั้งใจปรุงข้าวแกงด้วยตนเอง จึงเป็นทั้งวัฒนธรรมและการทำบุญที่ดี
แม้ว่าปัจจุบันหมูบ้านหลายพื้นที่จะยังคงวัฒนธรรมทำบุญใส่บาตรหรือถวายอาหารพระภิกษุสามเณรเช่นนี้ แต่สำหรับในเมืองมีการทำอาหารใส่บาตรขายเป็นการเฉพาะ หรือชาวบ้านมักใส่บาตรด้วยอาหารปรุงสุกที่ขายในตลาดตอนเช้า ซึ่งรูปแบบการใส่บาตรหรือถวายอาหารพระเช่นนี้ ก็เริ่มเข้าไปสู่ในพื้นที่นอกเมืองมากขึ้น ความเร็ว ความง่าย ความสะดวก จึงเป็นความคิดแทนความตั้งใจทำบุญ แทนความตั้งใจทำอาหาร เพราะเปลี่ยนทัศนคติว่า ทำเอง เป็นความยุ่งยาก เสียเวลา ประกอบกับอาชีพการงานของชาวบ้านเปลี่ยนไป จึงต้องการความเร็วแข่งกับเวลา รีบซื้อรีบทำบุญรีบไป ผลคืออาหารใส่บาตร มักเป็นอาหารบูด อาหารไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ หรืออาหารทอดที่เต็มไปด้วยไขมัน ดูไปดูมาคล้ายเป็นอาหารทอดเก่าด้วยซ้ำ


มีอาหารกลุ่มใดบ้าง ที่น่าสงสัยว่าไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ


ชุดอาหารใส่บาตร เป็นชุดอาหารที่ขายเป็นชุด 10-25 บาทโดยประมาณ บางท่านทำบุญวันเกิด เชื่อว่าต้องใส่บาตรจำนวนอายุหรือมากกว่า ก็มักจะคิดว่า ต้องราคาถูกเข้าไว้ เพราะต้องครบปริมาณตามความเชื่อ บางท่านผ่านมาก็อยากซื้อใส่บาตร ก็ไม่ทันได้คิดอะไร มีเป็นชุดก็ง่ายดีไม่ต้องคิดมาก


หากท่านจะลองเอาอาหารชุดมาสักชุด ไม่ต้องใส่บาตร แต่เอาลองรับประทานเองที่บ้าน สิ่งที่ท่านพบคือ ข้าวแข็งๆ แกงจืด ผัดผักแข็งๆ หรือแกงที่ไม่แน่ใจว่าจะบูดไหม รสชาตชอบกล กลุ่มอาหารเหล่านี้ หากนำมาเวียนขายก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงบูดเน่าอีก นอกจากคุณค่าทางโภชนาการต่ำอยู่แล้ว

และที่ขาดไม่ได้คือน้ำสีส้ม เห็นเป็นสีส้มแต่ไกล เจ้าน้ำสีส้มดูเหมือนเป็นสัญญลักษณ์น้ำใส่บาตรหรือน้ำทำบุญไปแล้ว และตอนนี้ไม่เพียงแต่มีสีส้ม แต่มีสารพัดสี ลองเอาอ่านฉลากดูก็จะพบว่า ประกอบด้วย สารใส่สี สารปรุงแต่งกลิ่นสีรสซึ่งล้วนสารสังเคราะห์ และน้ำตาล

บางคนอาจแย้งว่า บางยี่ห้อจะมีเครื่องหมาย อย.แล้ว ไม่เห็นเป็นพิษภัยอะไร ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า เครื่องหมาย อย.ในเครื่องดื่ม เป็นการแสดงถึงการผลิต ตามกฎหมาย แม้ว่าจะควบคุมปริมาณการใช้สารเคมีและควบคุมความปลอดภัย เรื่องนี้แยกเป็น 3 ประเด็นคือ ประการแรกความปลอดภัย การมีเครื่องหมาย อย.ในน้ำดื่มใส่สีเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย เมื่อดื่มมาก ดื่มบ่อย ดื่มเป็นประจำ เพราะชาวบ้านถวายเป็นประจำ พระเณรจึงต้องฉันเป็นประจำเช่นกัน ดังนั้นไม่เป็นผลดีแน่นอน ส่วประเด็นประโยชน์ทางโภชนาการนั้น เนื่องจากส่วนประกอบสำคัญคือน้ำตาลและสารสังเคราะห์ ดังนั้น จึงไม่มีคุณค่าต่อร่างกาย และสุดท้ายคือประเด็นความเสี่ยงต่อสุขภาพ ปริมาณน้ำตาลมาก สีและสารสังเคราะห์บางส่วนอาจสะสม ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะอ้วนและไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพหากได้รับสารสังเคราะห์มาก

ความเสี่ยงของอาหารกลุ่มนี้ คือ ขาดคุณค่าทางโภชนาการ หรือเสี่ยงบูดเน่า สามเณรที่อายุยังน้อย ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ กลับได้รับอาหารเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่นอน

ทางออกสำหรับเรื่องนี้ ต้องปรับเปลี่ยนความตั้งใจของผู้ขายและผู้ซื้อเป็นหลัก หากเป็นสินค้าทั่วไป ทางเลือกอาจมากกว่านี้ แต่นี่เป็นอาหารใส่บาตร คนขายไม่ได้กิน คนซื้อไม่ได้กิน ดังนั้นจึงลอยตัว เพราะต่างได้ประโยชน์คนขายได้ขาย คนซื้อได้ทำบุญ การแก้ปัญหาจึงต้องเริ่มปรับเปลี่ยนความคิดก่อน


อาหารที่ปรุงใหม่ด้วยความปราณีต

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/309/15309/images/line/line_03/13.gif

https://encrypted-tbn2.google.com/images?q=tbn:ANd9GcT5PFQycPQO2uozMeJ_ufdef3JrjaLMUmC-kGByhxGbncB6ScXPRA[/IMGhttps://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRWzAy2ThLxHYRdunlMqIlDGb30UxqHJQXyoMHFSlPLnNXuLmT9

[IMG]https://encrypted-tbn2.google.com/images?q=tbn:ANd9GcQjNb9d74JGywFVvvVlqoziZlXFJvDpvb9y1lki1ETIrRIE7IShhttps://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcTOWfqYWTcPIOVaZFUZ8vlJZKN3mOKgr9BfmadSwlVEQxB2kphnlA


สาธุ๊ๆๆ