PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ถามเรื่องภวังคจิต แถมด้วยอสัญสัตตพรหม



chocobo
06-16-2012, 11:06 AM
สวัสดีอีกครั้งครับมิตรธรรมทุกท่านที่เคารพ


วันนี้ก็มีปัญหามาถามอีกแล้วว

เรื่องภวังคจิต ภวังคจิตนี้คืออาการที่ไม่รู้อารมณ์ใดๆเลย ทั้งทางตา ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซ้ำยังมีเกิดคั่นในทุกขณะจิต ซึ่งถ้าไม่รู้อารมณ์ใดๆเลย สติจะสามารถเกิดระลึกรู้ได้ไหม และได้ยินได้ฟังมาว่า สติเกิดระลึกไม่ได้ในภวังคจิต ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อรู้ไม่ได้ อย่างเวลาเรานอนหลับ ขณะนั้นก็เป็นภวังค์เกิดสืบต่อกันไป ก็ยังรู้ได้ว่า มีอาการหลับไปนานประมาณเท่านี้ๆ แปลว่าขณะนั้นก็ต้องมีสัญญาหรือ หรืออย่างไร ในเมื่อรู้ไม่ได้ เหตุใดพอตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่าหลับไปแล้ว ? แล้วภวังค์จิตที่เกิดคั่นในวิถีจิต กับภวังคจิตที่เกิดดับสืบต่อกันในเวลานอน เป็นดวงเดียวกันหรือ แล้วภวังคจิตที่เกิดในวิถีจิตนี้ระลึกรู้ได้ไหม

แล้วก็ มีความสงสัยเรื่องอสัญญสัตตาพรหมน่ะครับ คือท่านปฏิสนธิเพียงรูป ไม่มีนามปฏิสนธิ แล้วอย่างนี้ความรู้สึกของท่าน จะเหมือนเพียงแค่ขณะจิตเดียวหรือเปล่า เพราะแม้จะมีอายุยืนนานเป็นกัปป์ๆ แต่ไม่มีนามปฏิสนธิ ก็ไม่มีจิต ไม่มีสัญญา ไม่มีอะไรที่จะมารู้ได้ว่า มีระยะเวลาล่วงไปแล้วประมาณเท่านี้ๆ พอท่านหมดบุญ เกิดจุติจิต ก็รู้สึกเหมือนเพียงเวลาชั่วขณะจิตหรือเปล่า เหมือนหลับตาพริบเดียวแล้วเวลาก็ล่วงไปเป็นกัปป์ๆอย่างนั้นรือ


ส๊าา ธุ ครับ :D

D E V
06-16-2012, 01:32 PM
.
ภวังคจิตนั้นก็รับอารมณ์เช่นกัน
แต่ว่าไม่ได้อาศัยทวารเป็นทางรับอารมณ์เหมือนอย่างจิตอื่นๆ
อย่างเช่น จิตเห็น จิตได้ยิน จิตรู้กลิ่น จิตรู้รส จิตรู้สัมผัส จิตนึกคิด ฯลฯ
ซึ่งรับอารมณ์ต่างๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เราจึงสามารถรู้อารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นได้
แต่ไม่สามารถจะรู้อารมณ์ของภวังคจิต
เพราะไม่ได้อาศัยทวารเป็นทางรับอารมณ์นั่นเองคับ

อารมณ์ของภวังคจิตนั้น
จะเป็นอารมณ์เดียวกันกับปฏิสนธิจิต และจุติจิต ที่เกิดขึ้นในภพชาติเดียวกัน
อารมณ์นั้นคืออารมณ์อะไร?
ก็คือ อารมณ์ที่ปรากฏแก่จิตดวงสุดท้ายก่อนจุติจิตของชาติที่แล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ อารมณ์ที่รับรู้ครั้งสุดท้ายก่อนตายของชาติที่แล้วนั่นเองคับ

ภวังคจิตนั้นทำหน้าที่ดำรงภพชาติให้สืบต่อ ให้ดำรงอยู่ ยังไม่ตาย
หลังจากที่ปฏิสนธิจิตนำเกิดแล้ว ภวังคจิตก็เกิดดับสืบต่อกันไปไม่ขาดสาย
แต่ขณะใดที่รับรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ก็จะเป็นวิถีจิตซึ่งรับรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ เกิดขึ้นแทนภวัุงคจิต

ทว่า...วิถีจิตที่เกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ นี้
ไม่ได้เกิดติดต่อกันทันทีในแต่ละทวาร
แต่จะมีภวังคจิตเกิดสลับคั่นไปในแต่ละทวาร
ซึ่งด้วยความเกิดดับรวดเร็วของจิต
ทำให้เราไม่อาจรู้ได้ในขณะที่ภวังคจิตเกิดสลับคั่นเลย
ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน จึงเสมือนว่าได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส นึกคิด
สืบต่อกันไปพร้อมๆ กันอยู่ตลอดเวลานั่นเองคับ

จนกว่า...จะถึงเวลาที่หลับสนิท และไม่ฝัน
ไม่มีการรับรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ เลย
นั่นแหละ คือภวังคจิตที่เกิดดับสืบต่อกันไปเรื่อยๆ ยาวๆ น่ะคับ

เวลาที่สติปัฏฐานเำกิด
ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏ
ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส นึกคิด ฯลฯ
สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้อารมณ์ต่างๆ ที่ปรากฏเหล่านั้นได้
ไม่ใช่ให้ไปคอยระลึกรู้ภวังคจิตน่ะคับ

ส่วนที่เรารู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่
นั่นคือหลังจากตื่นแล้วใช่มั้ยคับ
ไม่ใช่ไปรู้ในระหว่างที่หลับสนิท
พอตื่นขึ้น เราก็นึกย้อนหลังไปว่าหลับไปนานเท่าไหร่
มีสัญญาความจำได้ (สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวง)
และในขณะที่นึกย้อนไป ก็ประกอบด้วยวิตก วิจาร ที่ตรึกนึกย้อนหลังไปนั่นเองคับ

ภวังคจิตนั้นเกิดขึ้นรักษาภพชาติให้ดำรงอยู่
ไม่ว่าจะเกิดคั่นในแต่ละวิถีจิต หรือเกิดสืบต่อกันไปยาวๆ อย่างเวลาที่หลับสนิท
ก็คือภวังคจิตประเภทเดียวกันนั่นเอง
จะใช้คำว่า "ดวงเดียวกัน" ก็ได้สำหรับผู้ที่เข้าใจ
แต่เพื่อป้องกันการสับสน ถ้าใช้คำว่า "ประเภทเดียวกัน" ก็ชัดเจนดีน่ะคับ
เพราะว่าจิตแต่ละดวงนั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทันที...ดับแล้วดับเลย ไม่กลับมาอีก
ที่เกิดใหม่ก็คือจิตดวงใหม่ ไม่ใช่จิตดวงเดิมที่ดับไป
แต่ว่าจิตที่เกิดใหม่นี้ก็เป็นจิตประเภทเดียวกันกับดวงเดิมที่ดับไปนั้นเองอ่ะคับ




:cool: เดฟ

D E V
06-16-2012, 01:35 PM
.
สำหรับอสัญญสัตตพรหม มีแต่รูปปฏิสนธิ...ไม่มีปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น
แล้วก็ไม่มีจิตใดๆ เกิดขึ้นเลยตลอดชั่วอายุขัย
มีแต่รูปขันธ์เพียง 1 ขันธ์เท่านั้น จึงไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
ไม่สามารถจะรับรู้หรือนึกคิดอะไรได้เลยน่ะคับ

เมื่อไม่มีปฏิสนธิจิต ไม่มีภวังคจิต ไม่มีจิตใดๆ เกิดขึ้นเลย
เวลาที่หมดอายุขัยก็ไม่มีจุติจิตน่ะคับ
แต่ว่ากรรมใดกรรมหนึ่งที่มีกำลังเป็นชนกกรรม (กรรมนำเกิด)
จะเป็นปัจจัยให้เกิดขึ้นในภพภูมิใหม่
ซึ่งเมื่อเกิดใหม่ในภพภูมิที่มีขันธ์ 5
กรรมนำเกิดนั้นเองก็เป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตพร้อมกับรูปใหม่
ประชุมรวมกันครบทั้ง 5 ขันธ์น่ะคับ

ในขณะที่ดำรงอยู่เป็นอสัญญสัตตพรหม
ซึ่งไม่สามารถจะรับรู้หรือนึกคิดใดๆ ได้เลย
ส่วนที่ทำให้อสัญสัตตพรหมต่างกับก้อนดินก้อนหินหรือสิ่งไม่มีชีวิตอื่นๆ
ก็คือรูปขันธ์ของอสัญสัตตพรหมนั้นเกิดขึ้นด้วยกรรมและอุตุ
ส่วนสิ่งไม่มีชีวิตทั้งหลายนั้นเป็นรูปที่เกิดจากอุตุเพียงอย่างเดียวน่ะคับ





:cool: เดฟ

chocobo
06-16-2012, 01:40 PM
ส๊าาา ธุ ครับท่านเดฟ :D


กรี๊ดดดดด มีท่านผู้มีเมตตาช่วยแก้ไขชื่อกระทู้ให้ด้วย ขอบคุณมากครับ > <