PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เรียนถามเรื่องวิถีจิต



chocobo
08-23-2012, 05:36 PM
กราบสวัสดีมิตรธรรมทุกท่าน(รอบที่3)ครับ

อยากเรียนถามเรื่องของวิถีจิตครับ

1.ขณะที่รับรู้โผฏฐัพพารมณ์ ขณะที่เป็น ทุกขเวทนากายวิญญาณอกุศลวิบาก คือ ขณะจิตที่ 5 และ 6 สองดวงใช่ไหม ที่เป็น กายวิญญาณจิต กับ สัมปฏิจฉนะจิต แค่นี้ใช่ไหม หรือต่อไปถึง สันตีรนะ เพราะสันตีรนะ อธิบายว่า มีเพียงอุเบกขาเวทนา และ โสมนัสเวทนา

2.สันตีรนะจิตนี่ ถ้าเป็นทาง ตา หู จมูก ลิ้น ไม่ใช่ทางกาย ก็จะเป็นเพียง อุเบกขาเวทนาเท่านั้นใช่ไหม จะต้องเป็นทางกายที่เป็นกุศลวิบากจิตที่ปราณีตจริงๆ เท่านั้นถึงจะเป็นโสมนัสเวทนาใช่ไหม

3.โวฏฐัพพนะ กับ มโนทวาราวัชชนะ คือจิตประเภทเดียวกัน แต่กระทำกิจต่างกันตามทวารใช่ไหม คือทางปัญจทวารก็ทำโวฏฐัพพนกิจ แล้วทางมโนทวารทำอาวัชชนกิจ ?

4.ขณะที่คิดนึกทางใจ ยกตัวอย่างเช่น กำลังพูดในใจ ก็คือ มโนทวาราวัชชนะ กระทำกิจอาวัชชนะ คือทำให้มีคำพูดในใจปรากฏ ส่วน ชวนวิถี 7 ขณะต่อจากนั้นกระทำกิจเสพคำพูดนั้นให้เป็นกุศล อกุศล ถูกต้องไหม ?

chocobo
08-23-2012, 05:47 PM
ถามต่อนิดนึงครับ ที่ว่า เมื่อปัญจทวารวิถีดับหมดแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่นแล้ว มโนทวารวิถีจะเกิดต่อทันที

ก็คือ ขณะที่ยกตัวอย่างเห็น จักขุวิญญาณจิต - สัมปฏิจฉนจิต - สันตีรนจิต 3 ดวงนี้ คือปัญจทวารวิถี พอดับแล้ว ตั้งแต่ โวฏฐัพพนะ ตลอดจน ชวนวิถีทั้ง 7 และ ตทาลัมพนะทั้ง 2 ดวง นี้คือ มโนทวารวิถี ถูกต้องไหม ? แล้วงี้ภวังคจิตที่เกิดคั่นอยู่ตรงไหนอ่ะครับ ?

D E V
08-24-2012, 03:51 PM
.

1.ขณะที่รับรู้โผฏฐัพพารมณ์ ขณะที่เป็น ทุกขเวทนากายวิญญาณอกุศลวิบาก คือ ขณะจิตที่ 5 และ 6 สองดวงใช่ไหม ที่เป็น กายวิญญาณจิต กับ สัมปฏิจฉนะจิต แค่นี้ใช่ไหม หรือต่อไปถึง สันตีรนะ เพราะสันตีรนะ อธิบายว่า มีเพียงอุเบกขาเวทนา และ โสมนัสเวทนา

กายวิญญาณ คือขณะที่ 5 เท่านั้นคับ
(อ้างอิงจากผังที่คุณ DAO ลงไว้ ตามลิงค์ที่ให้ด้านล่าง)

สัมปฏิจฉันนจิต ไม่ใช่กายวิญญาณ
แต่เป็นวิบากจิตอีกประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นทำกิจรับอารมณ์ต่อจากกายวิญญาณน่ะคับ

สันตีรณจิต ก็ไม่ใช่กายวิญญาณ
แต่เป็นวิบากจิตอีกประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นทำกิจไต่สวนอารมณ์ (บางแห่งใช้ว่า พิจารณาอารมณ์)

ถ้ากายวิญญาณที่เกิดขึ้นนั้นเป็น กุศลวิบาก หรือ อกุศลวิบาก
สัมปฏิจฉันนจิต และ สันตีรณจิต ก็เป็นกุศลวิบาก หรือ อกุศลวิบาก ด้วยเช่นกันคับ

สำหรับกายวิญญาณ
มีเวทนาเกิดร่วมด้วย 2 อย่าง คือ สุขเวทนา และ ทุกขเวทนา
ถ้าเป็นกุศลวิบาก ก็เป็น สุขกายวิญญาณ กุศลวิบาก
ถ้าเป็นอกุศลวิบาก ก็เป็น ทุกขกายวิญญาณ อกุสลวิบาก

ส่วนสัมปฏิจฉันนจิต
มีเวทนาเกิดร่วมด้วยเพียงอย่างเดียว คือ อุเบกขาเวทนา
ถ้าเป็นกุศลวิบาก ก็เป็น อุเบกขา สัมปฏิจฉันนจิต กุศลวิบาก
ถ้าเป็นอกุศลวิบาก ก็เป็น อุเบกขา สัมปฏิจฉันนจิต อกุศลวิบาก

สันตีรณจิต
มีเวทนาเกิดร่วมด้วย 2 อย่าง คือ อุเบกขาเวทนา และ โสมนัสเวทนา
ถ้าเป็นกุศลวิบาก ก็เป็น อุเบกขา สันตีรณจิต กุศลวิบาก
ในกรณีที่เป็นอารมณ์ที่ดียิ่ง ก็เป็น โสมนัส สันตีรณจิต กุศลวิบาก
ถ้าเป็นอกุศลวิบาก ก็เป็น อุเบกขา สันตีรณจิต อกุศลวิบาก





2.สันตีรนะจิตนี่ ถ้าเป็นทาง ตา หู จมูก ลิ้น ไม่ใช่ทางกาย ก็จะเป็นเพียง อุเบกขาเวทนาเท่านั้นใช่ไหม จะต้องเป็นทางกายที่เป็นกุศลวิบากจิตที่ปราณีตจริงๆ เท่านั้นถึงจะเป็นโสมนัสเวทนาใช่ไหม

ไม่ใช่คับ
โสมนัส สันตีรณจิต กุศลวิบาก เกิดได้ทั้งทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย คับ

ส่วน จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ
มีเวทนาเกิดร่วมด้วยเพียงอย่างเดียว คือ อุเบกขาเวทนา
ทั้งกุศลวิบาก และ อกุศลวิบาก ก็เป็นอุเบกขาเวทนาอ่ะคับ





3.โวฏฐัพพนะ กับ มโนทวาราวัชชนะ คือจิตประเภทเดียวกัน แต่กระทำกิจต่างกันตามทวารใช่ไหม คือทางปัญจทวารก็ทำโวฏฐัพพนกิจ แล้วทางมโนทวารทำอาวัชชนกิจ ?

ใช่แล้วคับ
มโนทวาราวัชชนจิต เกิดขึ้นทำ อาวัชชนกิจ ทางมโนทวาร
และมโนทวาราวัชชนจิตยังเกิดขึ้นทำ โวฏฐัพพนกิจ ทางปัญจทวารด้วย
เลยเรียกชื่อตามกิจว่า โวฏฐัพพนจิต





4.ขณะที่คิดนึกทางใจ ยกตัวอย่างเช่น กำลังพูดในใจ ก็คือ มโนทวาราวัชชนะ กระทำกิจอาวัชชนะ คือทำให้มีคำพูดในใจปรากฏ ส่วน ชวนวิถี 7 ขณะต่อจากนั้นกระทำกิจเสพคำพูดนั้นให้เป็นกุศล อกุศล ถูกต้องไหม ?

ไม่ใช่คับ
แม้จะเป็นการนึกคิดพูดอยู่ในใจ นั่นก็เป็นชวนจิตแล้วคับ

มโนทวาราวัชชนจิต ทำอาวัชชนกิจ คือรำพึงถึงอารมณ์
ฟังแบบนี้เหมือนว่าตรึกนึกเป็นเรื่องราวยาวๆ
เลยเข้าใจว่าเป็นการนึกคิดพูดอยู่ในใจใช่มั้ยคับ
แต่จริงๆ มันไม่ได้รู้เป็นความหมายหรือเรื่องราวยาวๆ อย่างนั้นเลยน่ะคับ
เป็นแต่เพียงขณะจิตเดียวที่ไหวขึ้นทำอาวัชชนกิจสั้นๆ แล้วดับไปทันที
(คล้ายกับว่าเป็นการรับรู้ว่ามีอารมณ์ปรากฏแล้ว)

คือก่อนจะมีการนึกคิด พูด หรือกระทำใดๆ
ภวังคจิตเริ่มไหว (ภวังคจลนะ)
ภวังคจิตดวงต่อไปสิ้นสุดกระแสภวังค์ (ภวังคุปัจเฉทะ)
ส่งให้วิถีจิตขณะแรกเกิดขึ้นทางมโนทวาร
คือ มโนทวาราวัชชนจิต ทำกิจรำพึงถึงอารมณ์นั้นนิดนึงสั้นๆ แล้วดับทันที
(คล้ายๆ ว่า รับรู้ว่ามีอารมณ์ปรากฏแล้วนะ เตรียมตัวนึกคิดต่อไปนะ)

จากนั้นชวนจิตจึงเกิดขึ้น มีการนึกคิด พูด หรือกระทำต่างๆ
(ซึ่งก็ต้องมีวิถีจิตเกิดดับสืบต่อไปแล้วมากมายหลายวาระ...นับไม่ถ้วน)

เราทุกคนนึกคิด พูด กระทำ เป็นเรื่องราวต่างๆ ดีบ้าง ชั่วบ้าง
แม้จะยังไม่ได้กล่าวออกมาเป็นวาจา เพียงแต่คิดในใจ
นั่นก็ขณะที่เป็นชวนจิตนั่นเองน่ะคับ

หากชวนจิตนั้นเป็นกุศลจิต ก็คิดดี พูดดี ทำดี
หากชวนจิตนั้นเป็นอกุศลจิต ก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว





ถามต่อนิดนึงครับ ที่ว่า เมื่อปัญจทวารวิถีดับหมดแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่นแล้ว มโนทวารวิถีจะเกิดต่อทันที
ก็คือ ขณะที่ยกตัวอย่างเห็น จักขุวิญญาณจิต - สัมปฏิจฉนจิต - สันตีรนจิต 3 ดวงนี้ คือปัญจทวารวิถี พอดับแล้ว ตั้งแต่ โวฏฐัพพนะ ตลอดจน ชวนวิถีทั้ง 7 และ ตทาลัมพนะทั้ง 2 ดวง นี้คือ มโนทวารวิถี ถูกต้องไหม ? แล้วงี้ภวังคจิตที่เกิดคั่นอยู่ตรงไหนอ่ะครับ ? .

ไม่ใช่คับ
ปัญจทวารวิถีจิต นี่ไปจบที่ตทาลัมพนจิตเลยคับ
จากนั้น ภวังคจิตเกิด
แล้วมโนทวารวิถีจิตจึงเกิดต่อคับ

ภวังคจิตจะเกิดคั่นทุกครั้งเวลาที่เปลี่ยนการรับรู้อารมณ์แต่ละทวาร
ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
ทุกๆ ทวารที่วิถีจิตเกิดขึ้น จะมีภวังคจิตเกิดคั่นน่ะคับ
จักขุทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต---- มโนทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต----
โสตทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต---- มโนทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต----
ฆานทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต---- มโนทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต----
ชิวหาทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต---- มโนทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต----
กายทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต---- มโนทวารวิถีจิต ----ภวังคจิต----
ฯลฯ

(นี้เป็นเพียงตัวอย่าง แต่จริงๆ มโนทวารวิถีจิตจะเกิดมากมายกว่านี้เยอะน่ะคับ)

--------------------------------------------------------------------------

ดูผังที่คุณ DAO ลงไว้ในกระทู้ตามลิงค์ที่ให้นี้ ประกอบกันนะคับ
ทางฝั่งซ้ายคือปัญจทวารวิถี จบที่ตทาลัมพนจิตเลยคับ
แล้วภวังคจิตก็เกิด
ส่วนฝั่งขวาคือมโนทวารวิถีจิตคับ
http://www.watkoh.com/board/showthread.php?4166-เรื่องเหตุแห่งทุกข์-และวิบาก





:cool: เดฟ

chocobo
08-24-2012, 05:52 PM
อ้ออออออ อย่างนี้นี่เอง รับทราบครับท่านเดฟ กราบอนุโมทนาสาธุครับ


แล้ว ถ้าทางปัญจทวารวิถี อย่างเช่นเห็น เห็นทั้งวิถีดับปุ๊ป จิตที่เกิดต่อจะต้องเป็น มโนทวารวิถี ที่รับอารมณ์ต่อจากทางปัญจทวารวิถีต่อทันที ไม่มีการ เห็น 2 วิถี ใช่ไหมครับ คือพอเห็นแล้ว 1 วิถี ก็จะเกิด มโนทวาร รับอารมณ์ต่อเป็นอีก 1 วิถี คู่กันไปเสมอยกเว้นเวลาจุติ ที่จะจุติหลังปัญจทวารวิถีก็ได้ หลังมโนทวารวิถีก็ได้ หลังภวังค์ก็ได้ หรือหลังฌาณ ก็ได้ถ้าฌาณไม่เสื่อม ถูกต้องอย่างนี้ใช่ไหมครับ แต่เคยได้ยินว่า เวลาเข้าฌาณนี่จะไม่มีจุติจิตเกิดเลย คือถ้าเข้าฌาณอยู่ แล้วยังไม่ออกจากฌาณ ก็จะไม่ตาย อย่างนี้มันจะขัดกับเวลาฌาณเกิดก่อนจุติหรือไม่ อย่างไรครับ ?


แล้วๆๆ ถ้าเกิดเห็นแล้ว มโนทวารเกิดต่อคู่กันแล้ว ต่อจากมโนทวารนั้น จะเป็น เห็นอีกก็ได้ หรือ ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ อีกก็ได้ หรือจะเป็นภวังค์ต่อก็ได้ หรือ เกิดมโนทวารวิถีต่อยาวๆ แบบไม่มีปัจทวารวิถีคั่นนี่ ก็ได้ใช่ป่าวครับ แบบ มีแต่ มโน มโน มโน ฯ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปัญจทวารเกิด ถ้าปัญจทวารไม่เกิด แล้วไม่ใช่ภวังค์ ก็เป็น มโน มโน มโน ฯ ไปอย่างนี้ก็ได้ใช่ป่ะครับ เหมือนอย่างเวลาคิดมากๆ ในหัวก็มีแต่คิด หรือเวลาฝัน ขณะนั้นก็ มโนๆๆๆ ฯ ถูกต้องใช่ป่ะครับ


สงสัยเรื่องฌาณจิตต่ออีกนิดครับ ฌาณจิตนี่ ถ้าเป็นรูปฌาณ ก็คือจะมีลักษณะอย่างนี้ป่าวครับ

อตีตภวังค์ ภวังคจลนะ ภวังคุปปัทเฉทะ จักขุวิญญาณจิต สัมปฏิฏฉันนะ สันตีรนะ โวฏฐัพพนะ ชวน --------------------------------ไม่สิ้นสุด จนพอจะออกภวังค์ก็ ถึงจะ ตทาลัมพพนะ ? หรือไม่มีตทาลัมพพนะ ? เพราะรูปน่าจะดับไปแล้ว ในเมื่อรูปมีอายุแค่ 17 ขณะ แล้วถ้ามีตทาลัมพพนะ ไปเอารูปที่ยังไม่ดับจากไหนมาอีก 2 ขณะให้ตทาลัมพพนะเกิด ในเมื่อรูปก็น่าจะดับไปแล้ว เพราะเกิน 17 ขณะ

ส่วนถ้าเป็นอรูปฌาณ ก็ นัยเดียวกันแต่เป็นทางมโนทวาร อย่างนี้หรือเปล่า ?

D E V
08-24-2012, 08:09 PM
.
ปรกติแล้ว ทันทีที่ปัญจทวารวิถีทางใดทางหนึ่งดับไปในแต่ละครั้ง
มโนทวารวิถี จะเกิดต่อจากปัญจทวารวิถีนั้นๆ ทันทีคับ

เช่น ทางตา...เมื่อจักขุทวารวิถีดับไป...ภวังจิตคั่น
มโนทวารวิถีก็จะเกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อจากจักขุทวารวิถี...ภวังคจิตคั่น
แล้วมโนทวารวิถีก็จะเกิดต่ออีกมากมายหลายวาระเลยทีเดียว
นึกถึงอารมณ์นั้น เพื่อให้เข้าใจความหมายของสิ่งที่เห็น เป็นเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมา
โดยจะต้องมีภวังคจิตคั่นในทุกๆ ครั้งด้วย
ไม่ใช่เป็นมโนทวารวิถีต่อกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีภวังคจิตคั่น...ไม่ใช่เช่นนั้นนะคับ
อีกทั้งมโนทวารวิถีจิต กับ ปัญจทวารวิถีจิต นี้จะสลับกันอย่างมากมายรวดเร็ว

ทางหูก็เช่นกันคับ เมื่อโสตทวารวิถีดับไป...ภวังคจิตคั่น
มโนทวารวิถีก็เกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อจากโสตทวารวิถี...ภวังคจิตคั่น
มโนทวารวิถีจะเกิดต่ออีกหลายวาระ กว่าจะรู้ความหมายของเสียงที่ได้ยิน
โดยต้องมีภวังคจิตคั่นทุกครั้งด้วยคับ

ถ้าเป็นในขณะที่ฝัน โดยไม่รับรู้ทางปัญจทวารเลย
ก็จะมีแต่มโนทวารวิถีสืบต่อกันไปเรื่อยๆๆๆ น่ะคับ
และอย่าลืม...ต้องมีภวังคจิตเกิดคั่นทุกครั้งด้วยนะคับ

แต่ถ้าเป็นขณะที่ตื่นอยู่ แล้วเหม่อลอยไปกับความคิด
โดยไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวเลย
อย่างใครเรียกก็ไม่ได้ยิน อะไรประมาณนี้
จริงๆ ก็ยังมีปัญจทวารวิถีเกิดสลับอยู่นะคับ (อย่างน้อยก็ทางตาล่ะ)
ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย...แต่ก็เป็นอารมณ์ที่อ่อน
คือไม่ได้มีการใส่ใจในอารมณ์ทางปัญจทวารวิถี
ถ้าแบบนี้...บางครั้งปัญจทวารวิถีที่เกิดขึ้นอาจไม่ถึงตทาลัมพนะ
หรือบางครั้งอาจไม่เกิดชวนวิถีเลยด้วยซ้ำ
หรือบางทีก็อาจจะเป็นโมฆวาระไปเลยก็มีน่ะคับ

สำหรับเรื่องการสืบต่อของมโนทวารวิถี ที่เกิดต่อจากปัญจทวารวิถี (ตทนุวัตติกมโนทวารวิถี)
อาจจะต้องกล่าวกันโดยละเอียดอีกครั้งน่ะคับ
แต่ไม่เป็นไร ลองดูนี่คร่าวๆ ก่อนนะคับ (ที่เป็นตัวอักษรสีน้ำเงิน)
เคยมีกล่าวถึงอยู่ในกระทู้อื่น
พอจะเป็นตัวอย่างโดยสังเขปอยู่บ้างเหมือนกันอ่ะคับ

-----------------------------------------------------

อ่ะคับ...ทันทีที่ปัญจทวารวิถีจิตดับไป...ภวังคจิตคั่น
จากนั้น มโนทวารวิถีจิตจะเกิดสืบต่อ
รับอารมณ์ต่อจากทางปัญจทวารวิถีที่ดับไป
เราจึงรู้ความหมาย รู้เรื่องราวต่างๆ ได้อ่ะคับ

ขอยกตัวอย่างบางเหตุการณ์ (ที่เกิดขึ้นจริง)
เช่น...ได้ยินเสียงเรียก...เดฟจ๋าหล่อจัง (เหตุการณ์จริงๆ นะ อิอิ)

ปัญจทวารวิถีจิต (ในกรณีนี้เป็นโสตทวารวิถี) ก็เกิดขึ้นโดยมีเสียงนั้นเป็นอารมณ์
แล้วโสตทวารวิถีจิตนั้นก็ดับไป (เสียงเองก็ดับไปด้วย)
โดยที่โสตทวารวิถีนั้นก็ยังไม่รู้ความหมายอะไรของเสียงที่ได้ยินเลย

...ภวังคจิตคั่น...

แล้วมโนทวารวิถีจิตก็เกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อ
คือนึกถึงเสียงที่พึ่งดับไปนั้นเอง...แต่ก็ยังไม่รู้ความหมายของเสียง
เป็นเพียงว่า หูได้ยินเสียงใด...ใจก็ได้ยินเสียงนั้นด้วย

...ภวังคจิตคั่น...

มโนทวารวิถีจิตเกิดต่อ รวมเสียงที่ได้ยินประมวลเข้าด้วยกัน

...ภวังคจิตคั่น...

มโนทวารวิถีจิตเกิดต่อ รู้ชื่อเรียก คำเรียก ตามเสียงนั้น (วิถีนี้ไม่มีตทาลัมพนะ 2 ขณะ)

...ภวังคจิตคั่น...

มโนทวารวิถีจิตเกิดต่อ รู้เนื้อความ รู้ความหมาย ของเสียงนั้น (วิถีนี้ก็ไม่มีตทาลัมพนะ 2 ขณะ)


การรู้ความหมายก็จำแนกละเอียดปลีกย่อยออกไปอีกมาก
ซึ่งก็เป็นมโนทวารวิถีที่เกิดต่อเนื่องไปอีก...แต่เอาแค่ย่อๆ เพียงเท่านี้ก่อนนะคับ
จะเห็นได้ว่า กว่าเราจะรู้ความหมายของเสียงที่ได้ยิน
ก็มีมโนทวารวิถีจิตเกิดหลายๆ วาระ...กว่าจะรู้เป็นเรื่องราว ความหมายต่างๆ
ไม่ใช่ว่ามโนทวารวิถีเกิดสลับวาระเดียวแล้วรู้ความหมายได้เลยอ่ะคับ

แล้ววันนึงๆ เราได้ยินเสียงต่างๆ มากมาย...รู้เรื่อง รู้ความหมาย
อีกทั้งมีการเห็น ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส สลับกันไปตลอด...ก็รู้ความหมาย รู้เรื่องราวต่างๆ ด้วย
ซึ่งทั้งหมดเหมือนเกิดขึ้นพร้อมๆ กันเลย
แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นคนละขณะจิต คนละวิถีจิตกัน
แสดงให้เห็นถึงความเกิดดับสืบต่อสลับกันไปของจิตแต่ละวิถีอย่างรวดเร็วสุดประมาณน่ะคับ

---------------------------------------------------------------------

สำหรับ จุติจิต ของกามบุคคลที่จะเกิดในกามภูมิ
จุติจิต เกิดต่อทันทีจากปัญจทวารวิถีก็ได้
หรือเกิดต่อทันทีจากมโนทวารวิถีก็ได้คับ
โดยเกิดต่อจาก ตทาลัมพนจิต ก็ได้
เกิดต่อจาก ชวนจิตก็ได้ (จะตายแล้ว ชวนจิตเหลือแค่ 5 ขณะนะคับ)
หรือมีภวังคจิตคั่นก่อนก็ได้คับ

แต่ถ้าเป็นกามบุคคลที่จะเกิดในพรหมภูมิ
จุติจิตจะเกิดต่อจากมโนทวารวิถีเท่านั้น ไม่เกิดต่อจากปัญจทวารวิถี
โดยที่ชวนจิตในขณะนั้นก็เหลือแค่ 5 ขณะเช่นกัน และเป็นมหัคคตชวนะ
จิตสุดท้ายจะเป็นฌานจิต แล้วจุติจิตก็เกิดต่อทันทีคับ
ปฏิสนธิจิตที่เกิดต่อจากจุติจิต จึงนำเกิดในพรหมภูมิ




:cool: เดฟ

ปล. อันนี้ลิงค์ของกระทู้ที่เคยพูดถึง ตทนุวัตติกมโนทวารวิถี ที่ก๊อปข้อความมาให้ดูด้านบน
http://www.watkoh.com/board/showthread.php?2913-สงสัยเรื่องมโนทวารคะ

D E V
08-24-2012, 08:17 PM
.
สำหรับวิถีที่เป็นฌานจิตนั้น กรณีที่เป็นโลกียอัปปนาวิถี
สำหรับผู้ที่ฝึกฝนจนเกิดฌานจิตขึ้นเป็นครั้งแรก (อาทิกัมมิกฌานวิถี)
และเป็นบุคคลผู้รู้ช้า (มันทนบุคคล)
จะเกิดขึ้นดังนี้คับ

59

(เอ่อ ใส่แล้วรูปมันเล็กจัง ต้องคลิกที่รูปอีกทีนะคับ จะขยายใหญ่ให้เห็นอ่ะคับ)


สำหรับผู้ที่ฝึกฝนจนเกิดฌานจิตขึ้นเป็นครั้งแรก (อาทิกัมมิกฌานวิถี)
และเป็นบุคคลผู้รู้เร็ว (ติกขบุคคล)
จะเกิดขึ้นดังนี้

60


น=ภวังคจลนะ...ท=ภวังคุปัจเฉทะ...มโน=มโนทวาราวัชชนะ
บริ=บริกรรม...อุป=อุปจาระ...อนุ=อนุโลม...โค=โคตรภู...ฌ= ฌานจิต
โคตรภู ในโลกียอัปปนาวิถีนี้ หมายถึง โอนโคตรหรือตัดจากโคตรกาม ไปเป็นโคตรพรหม

จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ฝึกฝนจนเกิดฌานจิตได้เป็นครั้งแรกนั้น
ฌานจิตเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวเท่านั้น
เป็นชวนกุศลฌานจิต 1 ขณะเท่านั้นเอง
ต่อเมื่อได้ฝึกฝนจนมีความชำนาญคล่องแคล่วแล้ว
ฌานจิตจึงจะเกิดสืบต่อเป็นชวนจิตได้หลายๆๆ ขณะ
จนกว่าจะออกจากฌานน่ะคับ


ส่วนเรื่องการนับอายุของรูปที่เกิดดับ
รูปใดก็ตามเกิดขึ้น กระทบกับภวังคจิตขณะใด
ก็นับไปอีก 17 ขณะจิต...รูปนั้นก็ดับ
จะนับไปตกที่จิตใดก็ตามน่ะคับ

กรณีที่เป็นกามวิถีทางปัญจทวาร
หากรูปนั้นครบ 17 ขณะจิตแล้ว...รูปดับแล้ว
แต่ยังไม่ถึง ตทาลัมพนจิต
ก็ไม่เกิดตทาลัมพนจิตขึ้นรับรูปนั้นเป็นอารมณ์คับ

(เอ่อ...นี่เรากำลังเอาหลายๆ วิถี และหลายๆ เรื่องมากล่าวพร้อมๆ กันไปเลย)
(คุณโจ๋จะงงมั้ยคับเนี่ย 55555 เยอะเกินไปเดี๋ยวจะงงป่ะคับ)
(เอาทีละอย่างๆ เป็นเรื่องๆ ไปก่อนดีมั้ยคับ อิอิ)

อนุโมทนาอย่างยิ่งเลยคับ อย่าพึ่งใจร้อนนะคับ 555
เอาทีละเรื่องๆ ให้เข้าใจก่อนน่าจะดี...ว่ามั้ยคับ อิอิ
ซ้าๆๆๆๆๆๆๆๆทุ





:cool: เดฟ

chocobo
08-24-2012, 08:41 PM
อ้อออ อย่างนี้นี่เอง ส๊าาา ธุครับ

ไม่เป็นไรครับท่านเดฟ อัดมาเลยครับ อัดมาให้เต็มที่ ไม่งงครับ งงเมื่อไหร่ก็จะถามครับ (5555+)


ปล.ในฌาณจิตคำว่า อุปจาระ นี่คือระดับของ อุปจารสมาธิใช่ไหมครับ ที่ว่า อุปจารสมาธิๆ ก็คือดวงนี้ป่ะครับ
ปล2.ที่ว่าหากไม่ครบวิถี 17 ขณะ แปลว่ารูปอาจจะเกิดก่อนจิตไป 2 ขณะ คือ เป็น (รูปเกิดแล้ว)ภวัง1 ภวัง2 แล้วถึงเกิดอตีตภวังค์ ? อย่างงี้ป่ะครับ หรือยังไงเอ่ย (สงสัยๆๆ อิอิ)

D E V
08-25-2012, 12:52 AM
.

ในฌาณจิตคำว่า อุปจาระ นี่คือระดับของ อุปจารสมาธิใช่ไหมครับ ที่ว่า อุปจารสมาธิๆ ก็คือดวงนี้ป่ะครับ

ในฌานวิถีที่แสดงไว้
อุปจาระก็คือจิตขณะที่ใกล้จะเป็นฌานจิตแล้ว
ก็เป็นอุปจารสมาธิ...เกื้อกูลแก่ฌานจิตให้เกิดขึ้นน่ะคับ




ที่ว่าหากไม่ครบวิถี 17 ขณะ แปลว่ารูปอาจจะเกิดก่อนจิตไป 2 ขณะ คือ เป็น (รูปเกิดแล้ว)ภวัง1 ภวัง2 แล้วถึงเกิดอตีตภวังค์ ? อย่างงี้ป่ะครับ หรือยังไงเอ่ย (สงสัยๆๆ อิอิ)

อ่ะคับ ประมาณนั้น คือรูปก็กระทบกับภวังคจิตไปเรื่อยๆ
ก่อนที่วิถีจิตจะเกิดขึ้นน่ะคับ

ยกตัวอย่าง วิถีจิตลักษณะหนึ่ง (มหันตารมณ์วิถี)
เป็นวิถีจิตที่เกิดขึ้นไม่ถึงตทาลัมพนจิต

กระแสภวังค์
1. อตีตภวังค์...2. อตีตภวังค์...3. อตีตภวังค์...4. ภวังคจลนะ...5. ภวังคุปัจเฉทะ

ขึ้นสู่วิถีจิต
6. ปัญจทวาราวัชชนจิต...7. ทวิปัญจวิญญาณ...8. สัมปฏิจฉันนจิต
9. สันตีรณจิต...10. โวฏฐัพพนจิต...11 - 17 (รวม 7 ขณะ) เป็นชวนจิต

จะเห็นได้ว่า รูปกระทบกับภวังคจิต เป็นอตีตภวังค์มาแล้ว 3 ขณะ
แล้วภวังคจิตดวงที่ 4 (ภวังคจลนะ) ก็ไหว
จากนั้นภวังคจิตดวงที่ 5 (ภวังคุปัจเฉทะ) ซึ่งเป็นดวงสุดท้ายก็หมดกระแสภวังค์

ต่อจากนั้น ปัญทวาราวัชชนจิต ซึ่งเป็นวิถีจิตขณะแรกก็เกิดขึ้น
วิถีจิตดวงต่อๆ ไปก็เกิดสืบต่อกันไปตามลำดับ...ไปจนถึงชวนวิถีจิต 7 ขณะ

ครบ 17 ขณะจิตแล้ว...รูปดับแล้ว
ไม่เหลือให้ตทาลัมพนจิตเกิดขึ้นรับรูปนั้นเป็นอารมณ์แล้วอ่ะคับ





:cool: เดฟ

chocobo
08-25-2012, 02:00 AM
อ้ออ อย่างนี้เอง ส๊าา ธุครับ