napad
08-08-2014, 09:53 AM
๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑
[๒๓๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อ หน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง
หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ทั้ง ๔ นี้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี
การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของร่างกาย
อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้
ย่อมปรากฏ ปุถุชนผู้ มิได้สดับ
จึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายนั้น
แต่ตถาคต เรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า
จิตบ้าง มโน บ้าง วิญญาณบ้าง
ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิต เป็นต้นนั้น
คำว่าร่างกายเป็นอันที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง
วิญญาณบ้าง อยากทราบว่าแปลไม่ถูก หรือมีเนื้อหา มันัยอย่างไร ครับ
[๒๓๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อ หน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง
หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ทั้ง ๔ นี้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี
การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของร่างกาย
อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้
ย่อมปรากฏ ปุถุชนผู้ มิได้สดับ
จึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายนั้น
แต่ตถาคต เรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า
จิตบ้าง มโน บ้าง วิญญาณบ้าง
ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิต เป็นต้นนั้น
คำว่าร่างกายเป็นอันที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง
วิญญาณบ้าง อยากทราบว่าแปลไม่ถูก หรือมีเนื้อหา มันัยอย่างไร ครับ