PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เดฟ



tewada
07-16-2016, 04:26 PM
อยากใด้พระสูตที่ว่าอภิญญาจิตเกิดขึ้นในมหากุศลจิตก็ใด้หรืออุเบกขาจิตก็ใด้หลังจากออกปันจมฌาน ที่คุยกันวันโน้นๆๆๆๆนะ

D E V
07-17-2016, 11:48 PM
สวัสดีครับคุณ tewada

เดี๋ยวครับ อภิญญาจิตนั้นเป็นกุศลจิต แต่ไม่ใช่มหากุศลจิตนะครับ
อภิญญาจิตได้แก่ รูปาวจรกุศลจิต หรือ รูปาวจรกิริยาจิตครับ

อืมม ที่สนทนากันตอนนั้น ยังไงนะครับ



:cool: เดฟ

tewada
07-18-2016, 01:24 PM
ประมานว่าก่อนจะเริมแสดงอภิญญาจะต่องเข้าปันจมฌานและหลังจากออกปันจมฌานจะเริมแสดงอภิญญจิตจิตจะต่องเป็นกุศลหรืออุเบกขาอยากใด้พระสูตพวกนี้

tewada
07-18-2016, 05:17 PM
ทฤษฏีนี้เป็นจริงเดฟตะกี้ลองละ ลองเข้ากุศลจิตในบ้านแล้วน้อมมาที่จักขุเกิดเป็นภาพทางมโนทวาน ส่องดูเห็นภาพข้างๆโลตัสตอนเช้าไปถวายสังทานกับหลอดไฟ ไปถวายพระผ่านพอดี ตอนนั้นมีโตยต้ามาจัดบูสขายรถ และรถยนต์เยอะมากเพราะเป็นวันหยุด แต่ตอนที่เรามองผ่านมโนทวารตอนนั้นเวลาบ่ายสองนิดๆเราเห็นรถโล่งมาก มีรถสีขาวจอดกลางลานคันหนึ่ง ก็คิดว่าคงเป็นภาพมั่วซั่วที่เห้นประจำๆนั้นแหละมั้ง เพราะโตโยต้ามาจัดบูสหลายทีละเค้าเลิก4โมงเย็นตลอดมันจะเป็นไปได้ไง วันนี้นิมิตดีนิมิตไกล้บ้านลองออกไปดูสักหน่อยดิ ป่างง่างเลยเดฟ โตโยต้าที่มาจัดบูสหายไป ทั้งลานมีฮอนด้าฟีดสีขาวจอดกลางลาน อยู่คันเดียวเหมือนกับในนิมิตเลยสรุปใด้ว่าทฤษฏีอภิญญเกิดกับกุศลจิตนี้เป็นจริงแต่กับอุเบกขาไม้รู้นะ ถ้ามีเวลาจะลองอธิฐานแล้วส่องดูอีกสักสองสามรอบเอาให้ชัวๆ

D E V
07-18-2016, 05:24 PM
ที่มีกล่าวสรุปไว้ในคู่มือพระอภิธัมมัตถสังคหะ
จิตที่ทำให้เกิดความสามารถพิเศษ
แสดงความสามารถพิเศษต่างๆ ได้นั้น คือ อภิญญาจิต

การจะเกิดอภิญญาจิตนั้น ต้องเข้าปัญจมฌาน
อาศัยรูปาวจรปัญจมฌานกุศลจิต เป็นบาท
หรือ รูปาวจร่ปัญจมฌานกิริยาจิต (ตามควรแก่บุคคล)

จากนั้นจึงตั้งจิตอธิษฐาน
ชวนจิตที่เกิดขึ้นในอธิฏฐานวิถี
เป็นมหากุศลจิต หรือ มหากิริยาจิต ครับ

แล้วเข้าปัญจมฌานอีกครั้ง

จากนั้นจึงเป็นอภิญญาวิถี เกิดอภิญญาจิตขึ้น
สามารถแสดงความสามารถอันพิเศษยิ่งได้

ในขณะที่แสดงความสามาถพิเศษด้วยอำนาจของอภิญญาจิต
วิถีจิตทางมโนทวารที่เกิดต่อจาก อภิญญาวิถี
จะเป็นมหากุศลจิต หรือมหากิริยาจิต ตามควรกับแต่ละบุคคล

ลองดูเพิ่มเติมนะครับ
http://abhidhamonline.org/aphi/p4/058.htm

http://abhidhamonline.org/aphi/p9/054.htm


และมีแสดงไว้ในวิสุทธิมรรค ลองดูคำอธิบายที่มีบางส่วน ในหน้า 255-256
https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84_%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1_%E0%B9%92_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%91%E0%B9%92_%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8_%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%91_-_%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95

ในวิสุทธิมรรคมีอธิบายเกี่ยวกับการแสดงอภิญญาไว้เยอะเลยครับ

สำหรับเนื้อหาจากพระไตรปิฎก หรืออรรถกถาต่างๆ
หากมีเวลาจะสืบค้นมาให้นะครับ



:cool: เดฟ

D E V
07-18-2016, 05:29 PM
กุศลจิต กับ อุเบกขาจิต ที่คุณ tewada กล่าวถึง
น่าจะเป็น มหากุศลจิต กับ มหากิริยาจิต น่ะครับ
แต่ว่า อภิญญาจิต ไม่ใช่ มหากุศลจิต หรือ มหากิริยาจิต นะครับ

อภิญญาจิต ได้แก่ รูปาวจรกุศลจิต กับ รูปาวจรกิริยาจิต
แต่ว่ามี มหากุศลจิต หรือ มหากิริยาจิต เกิดสืบต่อสลับกันไปได้น่ะครับ



:cool: เดฟ

Admax
07-22-2016, 12:49 PM
สาธุ

tewada
07-22-2016, 01:46 PM
เอาตังก่อนแอดเห้ย3ตัวท้านอยู่แค่เอื่อมแล้วหามางเอามันมาให้ใด้

Admax
07-23-2016, 12:32 PM
555

Admax
07-23-2016, 12:51 PM
คืองี้เทวดาถ้าพร้อมจะเอาจริงๆนะ จะจับรูปนิมิตไรๆก็ได้เป็นอารมณ์ สีขาวนี่ไวดี เพดานบ้านเราก็สีขาวหลับตาหน่วงนึกถึงเพดานนั้นแหละจนเห็นภาพเพดานสีขาว อธิษฐานให้มันมองชัดได้ใหญ่เล็กได้ มองมุมไหนก็ได้ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน โดยหน่วงนึกว่าเราจะไปดูอะไร มันก็ไปตามนั้นแหละ อันนี้ฉันทำมาแระ

ส่วนถ้าเอาอิทธิบาท ๔ อิทธิแปลว่าฤทธิ์ สำเร็จด้วยฤทธิ์ ก็ง่ายๆทำใจให้สงบสบายไม่คลอนแคลนต่ออารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง อารมณ์หนึ่งมันจะขนลุกซู่ขึ้นวูบวาบๆแต่มันไม่มีอะไร ได้ความสงบ อันนี้เรีกขณิกสมาธิ เอาอารมณ์นี้แหละพิจารณาดูกายอาการ 32 ประการ มันเป้นของสกปรกน่าเบื่อ ไม่มีเราในนั้น ในนั้นไม่มีเรา นั่นไม่ไช่เรา เราไม่ใช่สิ่งนั้น เรานัี่นแหละที่เป็นอนัตตาต่อกายนี้ จิตมันจะไม่สนกาย
(**ท่านให้พิจารณาอาการ ๓๒ ประการเพราะเหตุนี้แหละ คือ ให้ไม่ยึดรูปขันธ์นั่นเอง เพราะความสงบหรือดับไปของสังขารของกายเป็นสุข คือ นิพพาน นิพพานไม่ได้ไปด้วยกายคือรูปขันธ์ แต่เป็นกายทิพย์ของดวงจิตนี้แหละ**)
แล้วหน่วงนึกเอาความสงบสบายมีจิตผ่องใสเหมือนแก้วมณีสว่างไสวไม่ยึดกายเป็นอารมณ์ ตอนนี้เรามีแก้วมณีนั้นแหละเป็นนิมิตอารมณ์ก็อธิษฐานให้มันใหญ่หรือเล็กมองมุมไหนก็ได้ ไอ้ภาพนี้ต้องมาอยู่ต่อหน้านะไม่ใช่ภาพที่นึกเอามันจึงจะเป็นอารมณ์ของสมาธิ ถ้าตั้งมั่นจะเหมือนจิตเราออกจากร่างมาเพ่งแช่ดูกายมันนั่งสมาธิอยู่ อาการแบบนี้ๆมั้งท่านเรียกว่ามโนมยิทธิ ฉันก็ไม่รู้อะ สักแต่ทำอย่างเดียว ก็ตอนนี้มันไม่มีอะไรให้ยึดเมื่อมีสติรู้ก็อธิษฐานไปดูสิ่งที่เราอยากเห็นมันก็ไปทันที

ลองดูถ้าของเก่ามีมันไปง่าย ถ้าของเก่าไม่มีก็ต้องทำสะสมไป พิจารณาเอาด้วยเพราะที่ฉันบอกไปมันมีทั้งจริงและไม่จริง ฉันก็ทำของฉันตามที่ฉันเข้าใจจากที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาแล้วมาขยายปฏิบัติเอา แล้วได้ผลอย่างนี้ๆ อาจจะผิดทั้งหมดก็เป็นไปได้เพราะฉันแค่ปุถุชน แต่ทุกอย่างไม่ยากหรอก ถ้าสะสมทำไว้ในใจเป็น

tewada
07-23-2016, 08:34 PM
ไม่ต่องไปจับสีขาวแล้วตอนนี้ตาทิพน่าจะมาแล้วกำลังฝึกฝนความชำนาญและยึดระยะเวลาของมโนทวารอยู่มันอยู่แค่เอื่อมแล้ว3ตัวท้ายเจ้ามือหวยเตรียมนอนตาไม้หลับไว้เลย

Admax
07-25-2016, 12:11 PM
5555 มาบอกด้วยเด้อ

tewada
07-26-2016, 04:39 PM
เห็นทุกวันเห็นตลอดเห็นแม้งมั่วซั่วไปหมดเห้นหน้าตางท้องฟ้าป่าหญ้ารถยนต์เห้นตนที่เราไม้รู้จัก อาจเพราะว่าไม่ใด้ฝึกตามขั้นตอนที่ถูกต่อง อาสัยแค่ความเคยชินที่ติดตัวมาเลยควบคุมไม่ใด้

Admax
07-27-2016, 04:24 PM
เห็นน่ะเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง เพราะเทวดาตั้งอยู่ในความตรึกหน่วงนึกเอา

ปัญจมาฌาณ นั้น ท่านมีรูปนิมิตเป็นอารมณ์ คือ กสินฌาณนั่นเอง เข้าเรียกว่าเข้าฌาณกสิน ไปตั้งเอาขณิกสมาธิ ที่แค่วูบวาบๆ แล้วได้ความสงบ(ขณิกสมาธิ) มันได้แต่สมมติ ถ้าเราจะเอาตาทิพย์ถ้าศึกษาอภิธรรมนะ ให้แยกจิตเป็นก่อนว่านิมิตนั้นๆอาศัยสัญญาเดิมเก่าอันไหน ปรุงไปตามใจยังไง หรือ นิมิตที่ไม่มีสัญญา ปัญจมฌานท่านเข้าอนูปฌานได้เลยนะ

แต่ถ้าบอกไปแระไม่ใส่ใจหรือหลงในนิมิตนั้นอยู่ ก็ตัวใครตัวมัยเด้อ วิปปัลลาสได้นะบอกก่อน

Admax
07-27-2016, 04:26 PM
[178] วิปัลลาส หรือ วิปลาส 4 (ความรู้เห็นคลาดเคลื่อน, ความรู้เข้าใจผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง - distortion)
วิปลาส มี 3 ระดับ คือ
1. สัญญาวิปลาส (สัญญาคลาดเคลื่อน, หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู - distortion of perception)
2. จิตตวิปลาส (จิตคลาดเคลื่อน, ความคิดผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนบ้าคิดเอาหญ้าเป็นอาหาร - distortion of thought)
3. ทิฏฐิวิปลาส (ทิฏฐิคลาดเคลื่อน, ความเห็นผิดพลาดจากความเป็นจริง โดยเฉพาะเชื่อถือไปตามสัญญาวิปลาส หรือจิตตวิปลาสนั้น เช่น มีสัญญาวิปลาสเห็นเชือกเป็นงู แล้วเกิดทิฏฐิวิปลาส เชื่อหรือลงความเห็นว่าที่บริเวณนั้นมีงูชุม หรือมีจิตตวิลาสว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีผู้สร้าง จึงเกิดทิฏฐิวิปลาสว่า แผ่นดินไหวเพราะเทพเจ้าบันดาล - distortion of views)

วิปลาส 3 ระดับนี้ ที่เป็นพื้นฐาน เป็นไปใน 4 ด้าน คือ
1. วิปลาสในสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง (to regard what is impermanent as permanent)
2. วิปลาสในสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข (to regard what is painful as pleasant)
3. วิปลาสในสิ่งที่ไม่เป็นตัวตน ว่าเป็นตัวตน (to regard what is non-self as a self)
4.. วิปลาสในสิ่งที่ไม่งาม ว่างาม (to regard what is foul as beautiful)

Admax
07-27-2016, 04:34 PM
เรื่องอย่างนี้บอกได้แค่นี้แหละเพื่อน ลองพิจารณาดูเอา ของสมมติน่ะถ้าตัดความหน่วงนึก เห็นว่าเป็นอาการหนึ่งๆของจิตที่เกิดมีอยู่นับล้านๆแบบ ตามปกติของจิต มันก็หายไปแล้ว
แก้วิปลาส ท่านให้ รู้ ปกติ วาง

พระโสดาบันที่มีอภิญญาพระพุทธเจ้ายังตรัสว่าเห็นเท่าแสงหิ่งห้อย ดังนั้นแล้วให้รู้ตัวว่าจริงหรือสมมติ ปกติ ปล่อย วาง

ไม่ได้สอนนะ แต่เดี๋ยวเพื่อนคงได้ใช้ เพราะเราทำมาก่อนแระ

แต่ถ้าเข้าฌานขึ้นฌานสองไปแล้วเห็น หากไม่แน่ใจให้ถอยออกมาแล้ว้ข้าไปใหม่ หากเข้าอีกไม่ได้ก็ของปลอมแระ พระอรหันต์ท่านสอนอย่างนี้

MonJ
07-28-2016, 08:58 AM
รบกวนหน่อยค่ะ ส่งข้อความไปหาคุณ Adimax นานแล้ว รบกวนช่วยเปิดอ่านในกล่องข้อความด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ