DAO
11-10-2008, 05:44 PM
http://www.dhammathai.org/watthai/central/pic/watbotsingburi.jpg
วัดโบสถ์ จ.สิงห์บุรี
พระอารามหลวง ชั้นตรี
วัดโบสถ์ ห่างจากตัวเมือง ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า)ประมาณ ๑๖ กม. เป็นพระอารามหลวง เดิมเป็นวัดร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี และพระอุโบสถเพียงแห่งเดียวที่สร้างโดยใช้รางรถไฟเป็นแกนกลางข้างล่าง
วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี หรือเป็นพระอารามหลวงวัดแรกในจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสุทธิโมลี เป็นผู้มีอุปการะคุณต่าง ๆ ต่ออำเภออินทร์บุรี และเป็นวัดที่มีพระภิกษุ สามเณรเป็นจำนวนมาก
ภายในวัดยังมีโรงเรียนวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินทร์บุรี หอสมุดแห่งชาติ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม (โรงเรียนพระภิกษุ สามเณร) เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. 1 - 6 เป็นสถานศึกษาของสามเณรทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีสามเณรที่เรียนประมาณ 90 รูป
ประวัติวัดโบสถ์
วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรีอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อานาเขตทิศเหนือยาว ๑๔๐ เมตร ติดต่อกับหมู่บ้านเอกชน ทิศใต้ยาว ๒๘๕ เมตร ติดต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกยาว ๒๙๐ เมตร ติดกับถนนหลังวัด ลักษณะทั่วไปพื้นที่ เป็นที่ราบรุ่มน้ำท่วมถึง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ความเป็นมา
วัดโบสถ์เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากลายเป็นวัดร้าง จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระภิกษุ ๓ รูป คือ พระอาจารย์คง พระอาจารย์แผน และพระอาจารย์ต่าย แห่งวัดประยูรวงศาวาส ได้มาถากถางปลูกเป็นกระท่อมผักอยู่ที่วัดโบสถ์นี้ ต่อมาชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด มีขุนจ่าเมือง (นิล) และอุบาสกคำ เป็นหัวหน้าช่วยกันสร้างกุฏิและศาลาให้เป็นที่พำนักอาศัย โดยมีพระอาจารย์คง ปกครองวัดอยู่ได้นาน ๔ ปี จึงลาสิขา พระฉ่ำซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์คง จึงไดปกครองวัดต่อมา และขุนจ่าเมืองอินทร์เป็นหัวหน้าบำรุงอุปถัมภ์วัดให้เจริญในด้านการก่อสร้างขึ้นมาระยะหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ฉ่ำมรณภาพ พระอาจารย์เอม ได้ซ่อมแซมเสนาสนะหลายอยาง เช่น กุฏิ ศาลา และอุโบสถ โดยมีพระศักดิ์บุรีนทร์เป็นหัวหน้าในการสร้างพระอุโบสถด้วย
วัดโบสถ์เดิมเป็นวัดมหานิกาย ภายหลังเปลี่ยนเป็นวัดธรรมยุต เพราะมีพระสงฆ์วัดโบสถ์ไปเปลี่ยนแปลงเป็นวัดธรรมยุต ที่วัดบวรนิเวศวิหาร. กรุงเทพฯ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมหมื่นวชิรญาณวโรรส จนโปรดและทรงจัดให้พระครูสังฆบิบาล (อิน) นำคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร อีก ๒ รูป มาอยู่วัดโบสถ์ คือ พระสมุห์ยิ้ม และพระห่วง พร้อมด้วยพระวัดโบสถ์ที่มาศึกษาอีก ๔ รูป คือ พระลม พระศิษ พระเฟื่อง และพระลา เป็นพระธรรมยุตมาอยู่วัดโบสถ์ เมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๓๘
การดำเนินของกรมการศาสนาได้ดำเนินการต่อไป
วัดโบสถ์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
อนึ่ง เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ และสมเด็จพระเจ้าฟ้าจุฬาพรวลัยรักษ์ ได้เสด็จมาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบำรุงวัดนี้ด้วย
วัดโบสถ์ก่อนที่จะได้รับยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงนั้น มีเจ้าอาวาส ปกครองมามาตามลำดับ ดังนี้
1. พระอาจารย์คง ปกครองวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2416 เป็นเวลา 4 ปี
2. พระฉ่ำ รักษาการเมื่อพระอาจารย์คงลาสิขา
3. พระอาจารย์เอม ปกครองวัดนานถึง 10 และลาสิขาเมื่อปี พ.ศ. 2473
4. พระครูสังฆบริบาล (อิน) เป็นพระธรรมยุตรูปแรกที่ปกครองวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 สร้างความเจริญให้กับจนได้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะใหญ่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้การศึกษาของวัดเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ปกครองวัดอยู่นาน 9 ปี ก็ถึงแก่มรณภาพที่ภูมิลำเนาเดิมของท่านเมื่อ ปีมะโรง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2447
5. พระสิงหบุราจารย์ (ลบ ฐิตาโภ) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2497
6. พระครูธรรมวรานุยุตติ์ (ฟู อาภาคโม) ปกครองวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2497 2500
7. พระราชเมธาภรณ์ (ผึ่ง โรจโน) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา พัฒนาวัดจนรุ่งเรืองทุกด้าน และได้เลื่อนสมณศักดิ์ พระเทพสุทธิโมลี มรณภาพเมื่อ วันที่ 20 เมษายน 2525
8. เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระสุนทรธรรมโสภิต (ประยงค์ ปภาโส) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2526 ปัจจุบัน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชวินัยเวที และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุท้ยธานี - ชัยนาท (ธรรมยุต)
โดย พระสุพล สุภวโร
ประวัติโรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี
โรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี เป็นโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาตั้งอยู่ที่วัดโบสถ์ เลขที่ 109 หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี จัดตั้งโดย พระเทพสุทธิโมลี ( ผึ่ง โรจโน ) ขณะทรงสมณศักดิ์เป็นพระราชเมธาภรณ์ ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี (ธรรมยุต) ได้รับอนุญาตการจัดตั้ง ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา พ.ศ. 2514 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 โดยให้ชื่อว่า โรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี อนุญาตให้เปิดทำการสอน ตั้งแต่ ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.ทุกวันและหยุดเรียนในวันโกนและวันพระ
โดย พระสุพล สุภวโร
http://www.dhammathai.org/watthai/central/pic/watbotsingburi1.jpg
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี -
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี ตั้งอยู่ในบริเวณวัดโบสถ์ เป็นสถานที่รวบรวม เก็บรักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีมากมาย เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๒๐ - ๑๖.๓๐
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี
เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดโบสถ์มาก่อน ต่อมาได้รวบรวมโบราณวัตถุและสิ่งของต่าง ๆ ที่เก็บรวบรวมไว้ออกมาจัดแสดงในรูปของพิพิธภัณฑ์วัด โดยมีพระเทพสุทธิโมลี (ผึ่ง โรจโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุทัยธานี เป็นประธานดำเนินการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ให้ความสนใจบริจาคโบราณวัตถุ พร้อมทั้งเข้าชมเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ทำให้อาคารไม้เก่าแก่หลังนี้ ไม่สะดวกแก่ผู้เข้าชม คุณนายเพิ่ม ดุริยางกูร จึงได้ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ให้ชื่อว่า ตึกเพิ่ม ดุริยางกูร และได้นำโบราณวัตถุออกมาจัดแสดง ปรากฏว่าโบราณวัตถุยังเหลืออีกมาก จึงพิจารณาซ่อมแซมปรับปรุงศาลาการเปรียญขึ้นเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งหลัง ศาลาการเปรียญหลังนี้ เดิมสร้างขึ้นด้วยความริเริ่มของพระศักดิ์บุรินทร์ เจ้าเมืองอินทร์บุรี คนสุดท้าย จึงให้ชื่อศาลาการเปรียญหลังนี้ว่า ศาลาศักดิ์บุรินทร์ ทางวัดได้พิจารณาเห็นว่าทั้งอาคารและโบราณวัตถุพร้อมที่จะแสดงให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงได้ส่งมอบอาคารและโบราณวัตถุให้แก่กรมศิลปากร พร้อมกันนี้ได้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี
การจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ
ได้จัดแสดงบนอาคารศักดิ์บุรินทร์ และอาคารเพิ่ม ดุริยางกูร
โบราณวัตถุที่เกี่ยว่ข้องกับพระพุทธศาสนา ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระพุทธรูปต่าง ๆ ธรรมจักร ตาลปัตรพัดยศ เครื่องประกอบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์
นอกจากการจัดแสดงโบราณวัตถุ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีหน้าที่รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และยังให้บริการทางด้านการศึกษา โดยให้ความรู้ บรรยายนำชมทั้งในและนอกสถานที่ โดยเปิดให้เข้าชมการจัดแสดงตั้งแต่วันพุธ - วันอาทิตย์ ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดที่สำคัญ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเร่งเร้าให้ชาติเกิดความสำนึกและภาคภูมิใจ ร่วมใจกันอนุรักษ์ศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุ ซึ่งเป็นมรดกของชาติให้คงอยู่สืบต่อไป
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2496 เป็นต้นมา
โดย พระสุพล สุภวโร
วัดโบสถ์
ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑๖๑๑๐
โทร. ๐๓๖-๕๘๒๐๐๕, ๐๔-๐๐๒๔๑๓๘
ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.dhammathai.org/watthai/central/watbotsingburi.php
วัดโบสถ์ จ.สิงห์บุรี
พระอารามหลวง ชั้นตรี
วัดโบสถ์ ห่างจากตัวเมือง ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า)ประมาณ ๑๖ กม. เป็นพระอารามหลวง เดิมเป็นวัดร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี และพระอุโบสถเพียงแห่งเดียวที่สร้างโดยใช้รางรถไฟเป็นแกนกลางข้างล่าง
วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี หรือเป็นพระอารามหลวงวัดแรกในจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสุทธิโมลี เป็นผู้มีอุปการะคุณต่าง ๆ ต่ออำเภออินทร์บุรี และเป็นวัดที่มีพระภิกษุ สามเณรเป็นจำนวนมาก
ภายในวัดยังมีโรงเรียนวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินทร์บุรี หอสมุดแห่งชาติ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม (โรงเรียนพระภิกษุ สามเณร) เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. 1 - 6 เป็นสถานศึกษาของสามเณรทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีสามเณรที่เรียนประมาณ 90 รูป
ประวัติวัดโบสถ์
วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรีอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อานาเขตทิศเหนือยาว ๑๔๐ เมตร ติดต่อกับหมู่บ้านเอกชน ทิศใต้ยาว ๒๘๕ เมตร ติดต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกยาว ๒๙๐ เมตร ติดกับถนนหลังวัด ลักษณะทั่วไปพื้นที่ เป็นที่ราบรุ่มน้ำท่วมถึง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ความเป็นมา
วัดโบสถ์เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากลายเป็นวัดร้าง จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระภิกษุ ๓ รูป คือ พระอาจารย์คง พระอาจารย์แผน และพระอาจารย์ต่าย แห่งวัดประยูรวงศาวาส ได้มาถากถางปลูกเป็นกระท่อมผักอยู่ที่วัดโบสถ์นี้ ต่อมาชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด มีขุนจ่าเมือง (นิล) และอุบาสกคำ เป็นหัวหน้าช่วยกันสร้างกุฏิและศาลาให้เป็นที่พำนักอาศัย โดยมีพระอาจารย์คง ปกครองวัดอยู่ได้นาน ๔ ปี จึงลาสิขา พระฉ่ำซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์คง จึงไดปกครองวัดต่อมา และขุนจ่าเมืองอินทร์เป็นหัวหน้าบำรุงอุปถัมภ์วัดให้เจริญในด้านการก่อสร้างขึ้นมาระยะหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ฉ่ำมรณภาพ พระอาจารย์เอม ได้ซ่อมแซมเสนาสนะหลายอยาง เช่น กุฏิ ศาลา และอุโบสถ โดยมีพระศักดิ์บุรีนทร์เป็นหัวหน้าในการสร้างพระอุโบสถด้วย
วัดโบสถ์เดิมเป็นวัดมหานิกาย ภายหลังเปลี่ยนเป็นวัดธรรมยุต เพราะมีพระสงฆ์วัดโบสถ์ไปเปลี่ยนแปลงเป็นวัดธรรมยุต ที่วัดบวรนิเวศวิหาร. กรุงเทพฯ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมหมื่นวชิรญาณวโรรส จนโปรดและทรงจัดให้พระครูสังฆบิบาล (อิน) นำคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร อีก ๒ รูป มาอยู่วัดโบสถ์ คือ พระสมุห์ยิ้ม และพระห่วง พร้อมด้วยพระวัดโบสถ์ที่มาศึกษาอีก ๔ รูป คือ พระลม พระศิษ พระเฟื่อง และพระลา เป็นพระธรรมยุตมาอยู่วัดโบสถ์ เมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๓๘
การดำเนินของกรมการศาสนาได้ดำเนินการต่อไป
วัดโบสถ์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
อนึ่ง เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ และสมเด็จพระเจ้าฟ้าจุฬาพรวลัยรักษ์ ได้เสด็จมาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบำรุงวัดนี้ด้วย
วัดโบสถ์ก่อนที่จะได้รับยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงนั้น มีเจ้าอาวาส ปกครองมามาตามลำดับ ดังนี้
1. พระอาจารย์คง ปกครองวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2416 เป็นเวลา 4 ปี
2. พระฉ่ำ รักษาการเมื่อพระอาจารย์คงลาสิขา
3. พระอาจารย์เอม ปกครองวัดนานถึง 10 และลาสิขาเมื่อปี พ.ศ. 2473
4. พระครูสังฆบริบาล (อิน) เป็นพระธรรมยุตรูปแรกที่ปกครองวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 สร้างความเจริญให้กับจนได้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะใหญ่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้การศึกษาของวัดเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ปกครองวัดอยู่นาน 9 ปี ก็ถึงแก่มรณภาพที่ภูมิลำเนาเดิมของท่านเมื่อ ปีมะโรง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2447
5. พระสิงหบุราจารย์ (ลบ ฐิตาโภ) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2497
6. พระครูธรรมวรานุยุตติ์ (ฟู อาภาคโม) ปกครองวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2497 2500
7. พระราชเมธาภรณ์ (ผึ่ง โรจโน) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา พัฒนาวัดจนรุ่งเรืองทุกด้าน และได้เลื่อนสมณศักดิ์ พระเทพสุทธิโมลี มรณภาพเมื่อ วันที่ 20 เมษายน 2525
8. เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระสุนทรธรรมโสภิต (ประยงค์ ปภาโส) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2526 ปัจจุบัน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชวินัยเวที และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุท้ยธานี - ชัยนาท (ธรรมยุต)
โดย พระสุพล สุภวโร
ประวัติโรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี
โรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี เป็นโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาตั้งอยู่ที่วัดโบสถ์ เลขที่ 109 หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี จัดตั้งโดย พระเทพสุทธิโมลี ( ผึ่ง โรจโน ) ขณะทรงสมณศักดิ์เป็นพระราชเมธาภรณ์ ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี (ธรรมยุต) ได้รับอนุญาตการจัดตั้ง ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา พ.ศ. 2514 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 โดยให้ชื่อว่า โรงเรียนวัดโบสถ์อินทร์บุรี อนุญาตให้เปิดทำการสอน ตั้งแต่ ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.ทุกวันและหยุดเรียนในวันโกนและวันพระ
โดย พระสุพล สุภวโร
http://www.dhammathai.org/watthai/central/pic/watbotsingburi1.jpg
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี -
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี ตั้งอยู่ในบริเวณวัดโบสถ์ เป็นสถานที่รวบรวม เก็บรักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีมากมาย เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๒๐ - ๑๖.๓๐
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี
เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดโบสถ์มาก่อน ต่อมาได้รวบรวมโบราณวัตถุและสิ่งของต่าง ๆ ที่เก็บรวบรวมไว้ออกมาจัดแสดงในรูปของพิพิธภัณฑ์วัด โดยมีพระเทพสุทธิโมลี (ผึ่ง โรจโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุทัยธานี เป็นประธานดำเนินการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ให้ความสนใจบริจาคโบราณวัตถุ พร้อมทั้งเข้าชมเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ทำให้อาคารไม้เก่าแก่หลังนี้ ไม่สะดวกแก่ผู้เข้าชม คุณนายเพิ่ม ดุริยางกูร จึงได้ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ให้ชื่อว่า ตึกเพิ่ม ดุริยางกูร และได้นำโบราณวัตถุออกมาจัดแสดง ปรากฏว่าโบราณวัตถุยังเหลืออีกมาก จึงพิจารณาซ่อมแซมปรับปรุงศาลาการเปรียญขึ้นเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งหลัง ศาลาการเปรียญหลังนี้ เดิมสร้างขึ้นด้วยความริเริ่มของพระศักดิ์บุรินทร์ เจ้าเมืองอินทร์บุรี คนสุดท้าย จึงให้ชื่อศาลาการเปรียญหลังนี้ว่า ศาลาศักดิ์บุรินทร์ ทางวัดได้พิจารณาเห็นว่าทั้งอาคารและโบราณวัตถุพร้อมที่จะแสดงให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงได้ส่งมอบอาคารและโบราณวัตถุให้แก่กรมศิลปากร พร้อมกันนี้ได้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี
การจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ
ได้จัดแสดงบนอาคารศักดิ์บุรินทร์ และอาคารเพิ่ม ดุริยางกูร
โบราณวัตถุที่เกี่ยว่ข้องกับพระพุทธศาสนา ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระพุทธรูปต่าง ๆ ธรรมจักร ตาลปัตรพัดยศ เครื่องประกอบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์
นอกจากการจัดแสดงโบราณวัตถุ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีหน้าที่รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และยังให้บริการทางด้านการศึกษา โดยให้ความรู้ บรรยายนำชมทั้งในและนอกสถานที่ โดยเปิดให้เข้าชมการจัดแสดงตั้งแต่วันพุธ - วันอาทิตย์ ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดที่สำคัญ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเร่งเร้าให้ชาติเกิดความสำนึกและภาคภูมิใจ ร่วมใจกันอนุรักษ์ศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุ ซึ่งเป็นมรดกของชาติให้คงอยู่สืบต่อไป
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2496 เป็นต้นมา
โดย พระสุพล สุภวโร
วัดโบสถ์
ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑๖๑๑๐
โทร. ๐๓๖-๕๘๒๐๐๕, ๐๔-๐๐๒๔๑๓๘
ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.dhammathai.org/watthai/central/watbotsingburi.php