PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : พระมหาปันถกเถระ



DAO
11-12-2008, 11:49 AM
พระมหาปันถกเถระ

ชาติภูมิ

ท่านพระมหาปันถกะ เป็นบุตรของธิดาแห่งเศรษฐี ในพระนครราชคฤห์ เดิมชื่อว่าปัณถกะ เพราะเหตุที่เกิดในระหว่างทาง มีน้องชายคนหนึ่งก็ชื่อว่า ปันถกะ เพราะเหตุที่เกิดในระหว่างทางเหมือนกัน เพราะท่านเป็นชี่ชาย จึงเติมเครื่องหมายว่า “มหา” เข้าข้างหน้า จึงเป็นมหาปันถกะ ส่วนน้องชายเติม “จูฬ” เข้าข้างหน้า เป็นจูฬปันถกะ มีเรื่องราวว่า ในกรุงราชคฤห์ มีธิดาของเศรษฐีผู้มีทรัพย์คนหนึ่งเมื่อเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาป้องกันรักษาอย่างเหลือเกิน ให้อยู่บนปราสาทชั้นที่เจ็ด แต่ธิดานั้นเป็นหญิงที่โลเลในบุรุษ จึงได้เสียกับคนใช้ของตน ภายหลังเมื่อกลัวคนอื่นจะล่วงรู้ จึงพากันหนีออกจากเรือนไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่เขาไม่รู้จัก ต่อมาภรรยามีครรภ์ เมื่อครรภ์แก่แล้วจึงปรึกษาสามีว่าจะไปคลอดบุตรที่บ้านเดิม ส่วนสามีกลัวมารดาบิดาจะทำโทษ แต่ขัดภรรยาไม่ได้ จึงรับรองว่าจะพาไป แต่แกล้งทำเป็นผลัดวันอยู่ว่า พรุ่งนี้ก่อน จนล่วงเลยไปหลายวัน ภรรยาเห็นอาการดังนั้น ก็หยั่งรู้ความประสงค์ของสามี ครั้นวันหนึ่งเมื่อสามีออกไปทำงานนอกบ้าน เห็นเป็นโอกาสอันดี จึงสั่งคนผุ้คุ้นเคยกันที่อยู่ในเรือนใกล้เคียงไว้ เพื่อให้บอกแก่สามี แล้วหนีออกจากเรือนเดินไปตามหนทาง พอถึงระหว่างทางก็คลอดลูกออกเป็นชาย ส่วนสามีเมื่อกลับมาบ้านไม่เห็นภรรยา สืบถามทราบความว่า หนีกลับไปบ้านเดิม จึงรีบออกติดตาม ไปทันในระหว่างทาง ได้เห็นภรรยาคลอดบุตรแล้ว จึงพากันกลับมาอยู่ที่บ้านนั้นอีก และได้ตั้งชื่อของทารกนั้นว่า “ปันถกะ” เพราะเกิดในระหว่างทาง ต่อมาก็ได้คลอดบุตรโดยทำนองนั้นอีกคน จึงตั้งชื่อว่า “จูฬปันถกะ” เพราะเกิดในระหว่างทาง และเกิดทีหลัง ตั้งชื่อบุตรคนใหญ่ขึ้นใหม่ว่า “มหาปันถกะ” เพราะเกิดก่อน เมื่อมหาปันถกะเจริญวัยแล้ว ไปเล่นกับเด็กเพื่อนบ้านด้วยกัน ได้ยินเด็กเหล่าอื่นเรียก ปู่ ย่า ตา ยาย ส่วนตนไม่มีคนเช่นนั้นจะเรียกกับเขาบ้าง จึงไปถามมารดาว่า แม่ เด็ก ๆ พวกอื่นเขาเรียกคนสูงอายุว่า ตาบ้าง ยายบ้าง ก็ญาติของเราในที่นี้ไม่มีบ้างหรือ? ลูก ญาติของเจ้าในที่นี้ไม่มี แต่ตาของหนูชื่อธนเศรษฐีอยู่ในเมืองราชคฤห์ ในที่นั้นญาติของเรามีมากฯ ก็ทำไมแม่ไม่ไปอยู่ในที่นั้นฯ ส่วนมารดาไม่บอกความจริงให้แก่ลูกชาย ลูกชายจึงรบกวนถามอยู่บ่อย ๆ เกิดความรำคาญ จึงปรึกษากับสามีว่า พวกลูกของเรารบเร้าเหลือเกิน ขึ้นชื่อว่าบิดามารดา เห็นลูกเข้าแล้วจะฆ่ากินเนื้อเทียวหรือ อย่ากระนั้น เราจะพาลูกทั้งสอง ไปเยี่ยมตาสักทีเถอะ ครั้นปรึกษากันดังนั้นแล้ว สองสามีภรรยาก็พาลูกชายทั้งสองไปเมืองราชคฤห์ เมื่อถึงแล้วจึงพักอาศัยที่ศาลาหลังหนึ่งใกล้ประตูเมือง ให้คนไปบอกเศรษฐี เศรษฐีผู้เป็นบิดาทราบว่าลูกสาวพาหลานชายสองคนมาเยี่ยม เศรษฐีมีความแค้นเคืองยังไม่หายจึงบอกกับคนที่มาส่งข่าวว่า สองคนผัวเมียอย่าเข้ามาให้ฉันเห็นหน้าเลย เมื่อต้องการอะไรก็เอาไปเลี้ยงชีวิตเถิด แต่จงส่งหลานน้อยทั้งสองมาให้ฉัน ฉันจะเลี้ยงดูให้ สองสามีภรรยาก็ถือเอาทรัพย์พอแก่ความต้องการแล้วก็กลับไปอยู่ที่เดิม ส่วนเด็กทั้งสองก็อาศัยอยู่ ณ สำนักของตา จนเจริญวัยใหญ่โตขึ้น ส่วนมหาปันถกะ เมื่อเจริญวัยใหญ่ขึ้นแล้ว ได้ไปฟังเทศน์กับเศรษฐีผู้เป็นตา ในสำนักของพระบรมศาสดา ที่พระเวฬุวันมหาวิหารเสมอ ๆ ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว เกิดความศรัทธาเลื่อมใสใคร่จะบวชในพระพุทธศาสนา จึงลาตา ตาก็อนุญาตให้บวช แล้วนำไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา กราบทูลว่าเด็กนี้มีศรัทธาใคร่จะบวชในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดารับสั่งให้ภิกษุรูปหนึ่งให้จัดการบรรพชาเป็นสามเณร ครั้นเมื่อถึงอายุครบ ๒๐ ปีแล้วก็ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ เมื่ออุปสมบทแล้วเล่าเรียนพระพุทธวจนะได้มาก เป็นผู้ไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐานไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรหัตผลฯ



ตำแหน่งหน้าที่ – เอตทัคคะ

เมื่อท่านพระมหาปันถกะสำเร็จกิจแห่งพรหมจรรย์แล้ว จึงคิดว่าสมควรจะรับภาระธุระสงฆ์ จึงเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาทูลอาสาจะรับหน้าที่เป็นภัตตุทเทศน์ พระองค์ก็ทรงอนุมัติตาม แล้วประทานตำแหน่งนั้นให้แก่ท่าน ท่านได้ทำงานในหน้าที่นั้นเรียบร้อยเป็นอย่างดี แลท่านพระมหาปันถกะเป็นผู้อันพระบรมศาสดาทรงยกย่องว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เจริญภาวนา เมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ





ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab48.htm