เข้าสู่ระบบ

แสดงเวอร์ชันเต็ม : พระมหากัปปินเถระ



DAO
11-12-2008, 12:26 PM
พระมหากัปปินเถระ

ชาติภูมิ

ท่านพระมหากัปปินะ เป็นพระราชโอรสกษัตริย์ ในพระนครกุกกุฏวดี เมื่อพระราชบิดาทิวงคตแล้ว ได้เสวยราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ต่อมา มีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่าอโนชาเทวี ซึ่งเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ในสาคลนคร แคว้นมัททรัฐ พระเจ้ามหาแปปินะนั้น มีม้าพระราชพาหนะห้าตัว คือ ม้าชื่อว่า พละ, พลวหนะ, ปุปผะ, ปุปผวหนะ และ สุปัตตะฯ เมื่อพระองค์ทรงม้าตัวใดแล้ว ก็พระราชทานม้าสี่ตัวนอกนั้นให้แก่พวกอำมาตย์ เพื่อไปเที่ยวสืบข่าวฯ



สดับข่าวดีจากหมู่พ่อค้า

ต่อมาวันหนึ่งพระองค์ทรงม้า ชื่อว่า สุปัตตะ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และอำมาตย์ราชบริพาร เสด็จไปประพาสพระราชอุทยาน ได้พบพ่อค้าประมาณ ๕๐๐ ซึ่งมาจากนครสาวัตถี ตรัสถามทราบความว่า พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า บังเกิดขึ้นแล้วในโลก พระองค์ทรงมีความปีติโสมนัสบังเกิดศรัทธาแก่กล้าจนกระทั่งถึงลืมพระองค์ไป และได้ทรงพระราชทานรางวัลให้แก่พวกพ่อค้าเหล่านั้นประมาณสามแสน รับสั่งให้ไปรับเอากับพระอัครมเหสี และพระองค์ได้ทรงพระราชอักษร มอบราชสมบัติให้แก่พระอัครมเหสีฝากไปด้วย แล้วพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และอำมาตย์ราชบริพารประมาณพันหนึ่ง เสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดา ในระหว่างทางเสด็จไปพบแม่น้ำ ๓ แห่ง คือ แม่น้ำชื่ออารวปัจฉา แม่น้ำนีลวาหนา และแม่น้ำจันทภาคาตามลำดับ ในแม่น้ำเหล่านั้น หาได้มีเรือมีแพที่บุคคลจะขี่ข้ามไปไม่ ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระเจ้ามหากัปปินะประสบพบแม่น้ำสายที่ ๑ ได้ทรงระลึกถึงพระพุทธคุณ แม่น้ำสายที่ ๒ ระลึกถึงพระธรรมคุณ แม่น้ำสายที่ ๓ ระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยเดชะคุณพระรัตนตรัย แม่น้ำน้ำบังเกิดเป็นน้ำแข็ง ม้าเดินไปได้โดยสะดวกฯ ส่วนพระบรมศาสดาทรงทราบว่าพระเจ้ากัปปินะทรงสละราชสมบัติพร้อมด้วยบริวารเสด็จมา มีพระราชประสงค์จะออกบรรพชาอุปสมบทมุ่งเฉพาะพระองค์ จึงได้เสด็จออกไปรับสิ้นหนทางประมาณ ๑๒๐ โยชน์ ประทับอยู่ใต้ร่มไทร ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ทรงเปร่งรัศมีให้ปรากฏ พระเจ้ามหากัปปินะพร้อมด้วยบริวารเสด็จถึงที่นั่นแล้ว เสด็จลงจากหลังม้าพระที่นั่ง ทรงดเนินเข้าไปเฝ้าตามแสงรัศมี ถวายบังคมพระบรมศาสดา แล้วประทับนั่งอยู่ ณ ที่สมควรแห่งหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงแสดงอนุปุพพิกถา ในที่สุดเทศนา พระเจ้ามหากัปปินะพร้อมด้วยบริวาร ได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาฯ



บรรลุอรหันต์

ส่วนนางอโนชาเทวี ผู้เป็นอัครมเหสี ได้ทราบเนื้อความนะรพราชสาส์นจากพ่อค้า และทรงทราบเรื่องราวแล้ว ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงประทานรางวัลให้แก่พวกพ่อค้าอีกประมาณ ๙ แสน จึงรวมเป็น ๑๒ แสน แล้วสละราชสมบัติพร้อมด้วยบริวารเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาดุจนัยหนหลัง พระองค์ก็ทรงแสดงอนุปุพพิกถา ในที่สุดเทศนา พระนางอโนชาเทวีพร้อมบริวาร ได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบท ภายหนังได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของนางภิกษุณี ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมกันกับทั้งบริวารฯ ส่วนท่านพระมหากัปปินะ พร้อมทั้งบริวาร ได้สดับพระธรรมเทศนา ที่พระองค์ทรงแสดงแก่ราชเทวีนั้น ครั้นส่งจิตไปตามพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมทั้งปฏิสัมภิทาฯ พระบรมศาสดาทรงพาภิกษุพันรูปนั้นเสด็จกลับพระเชตวัน ท่านพระมหากัปปินะ ครั้นได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว มักเที่ยวเปล่งอุทานว่า อโห สุขํ อโห สุขํ แปลว่า สุขหนอ สุขหนอ เสมอ พวกภิกษุได้ยินแล้ว สำคัญว่าท่านเปล่งอุทานเช่นนั้นเพราะปรารภถึงความสุขในราชสมบัติของตน จึงกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระบรมศาสดา พระองค์รับสั่งให้เฝ้า ตรัสถามทราบตามความเป็นจริงแล้วจึงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระมหากัปปินะบุตรของเรามิได้เปล่งอุทานปรารภกามสุขหรือรัชชสุข เธอเกิดความปีติในธรรม เปล่งอุทานปรารภอมตมหานิพพาน ส่วนท่านมหากัปปินะไม่ประมาท อุตส่าห์เจริญสมณธรรมบำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรัหัตผล คราวแรกท่านไม่กล้าจะทรงสั่งสอนใคร เพราะยังไม่ได้รับพระบรมพุทธานุญาต ภายหลังท่านได้รับพระบรมพุทธานุญาต ให้เป็นผู้สั่งสอนบริวารของท่านพันรูปให้ได้สำเร็จพระอรหัตผลฯ



เอตทัคคะ

พระบรมศาสดาทรงปรารภความสามารถของท่านในเรื่องนี้ให้เป็นต้นเหตุ จึงได้ทรงยกย่องท่านว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างให้โอวาทแก่ภิกษุบริษัทฯ ท่านพระมหากัปปินะนั้นดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาล ก็ดับขันธปรินิพพานฯ




ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab62.htm