PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ของสงฆ์ ของอาถรรพ์.!!! (ควรอ่านไว้เพื่อความไม่ประมาท)



DAO
11-18-2008, 10:18 AM
ของสงฆ์ ของอาถรรพ์.!!! (ควรอ่านไว้เพื่อความไม่ประมาท)



http://www.dhammathai.org/store/karma/data/imagefiles/276.jpg



นานมาแล้วสมัยยังเด็ก เคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อฤษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านบอกว่า "พระ-เณรสมัยนี้ตกนรกประมาณ 90 %" อ่านครั้งแรกก็งง ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเณรจึงตกนรกกันมากมายนัก ยังคิดแย้งท่านในใจว่า "ถ้าพระเณรไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แล้วใครจะได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ?"

ต่อมาเมื่อมีโอกาสได้บวชเรียน จึงค่อย ๆ เข้าใจในสิ่งที่ท่านเคยบอกไว้ ยิ่งต่อมาได้เห็นตัวอย่างพระเณรที่คอร์รัปชั่น นำของสงฆ์หรือนำเงินที่โยมถวายไปใช้ผิดประเภท จึงมาร่วมยืนยันให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำอีกหนึ่งเสียงว่า ที่ท่านกล่าวไว้เป็นเรื่องจริง

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "สามัญฺญํ ทุปฺปรามตฺถํ นิรยายูปกฑฺฒติ" แปลว่า "ชีวิตความเป็นพระนั้น ถ้าประพฤติไม่ดีแค่นิดเดียว ก็ลงนรกได้" พระนั้นลงนรกง่ายกว่าโยมมาก เช่น การรับประทานอาหาร พระต้องพิจารณาแล้วจึงฉัน ถ้าไม่พิจารณาให้เห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ แล้วฉัน ต้องอาบัติ ส่วนโยมนั้นซื้ออาหารมาทานได้เลย

เหตุที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพระนั้น ต้องอาศัยชาวบ้าน พระไม่ได้ทำมาหากินเอง ได้วัตถุสิ่งของมาแบบง่าย ๆ ได้มาโดยอาศัยศรัทธาที่ชาวบ้านเขาทำบุญให้ ชาวบ้านนั้นกว่าจะได้มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์นั้น ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งกัน ส่วนพระนั้นได้มาอย่างง่ายที่สุด แทบไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงอะไรเลย

ดังเช่นพระออกไปฉันเช้าหรือฉันเพล นอกจากฉันอาหารฟรี ๆ แล้ว ยังได้รับจตุปัจจัยไทยทานได้มาแบบฟรี ๆ อีก แล้วยังได้เงินใส่ซองมาอีกต่างหาก มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ฐานะของเจ้าภาพ ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น

ดังนั้น ถ้าพระได้เงินจากการไปฉันเช้าและฉันเพลแล้ว นำมาใช้ในทางที่ผิด อาทิ เล่นอบายมุขต่าง ๆ เป็นต้น ก็ไม่แคล้วที่จะไปอบาย ถ้าไม่ไปอยู่ในนรกก็ไปเป็นเปรต (มีเพียง ๒ อย่างเท่านั้น)

เมื่อหลายปีก่อน มีพระรูปหนึ่งบวชมานานตั้งแต่เป็นสามเณร จนกระทั่งได้เป็นพระครูฯ มียศมีตำแหน่งทางคณะสงฆ์ อีกทั้งมีทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างบวชมากมาย ประมาณไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท พระรูปนี้จะรักญาติของท่านมาก ด้วยความที่ถือตัวว่าเป็นพระผู้ใหญ่ จึงมักจะชอบหยิบของวัด (ของสงฆ์) นำไปให้ญาติของท่านใช้ โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าทัดทานหรือคัดค้าน

ต่อมาไม่นานท่านก็ได้เสียชีวิตลงไป แต่ตอนเสียนี่ซิสำคัญ พวกญาติโกโหติกาของท่าน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อทราบข่าวก็พากันมาที่กุฏิ พากันมาขนของออกไปไว้บ้านตัวเองจนหมด ไม่เหลือสิ่งมีค่าไว้เลย โดยอ้างว่าพระครูเป็นญาติของตน ตนมีสิทธิ์นำไปได้

เมื่อทางคณะสงฆ์เข้าไปตรวจค้นทีหลัง เห็นแต่ความว่างเปล่าและกระดาษทิชชูที่ใช้เช็ดน้ำมูกแล้ว ๑ ใบ พอถึงคราวจัดงานศพ พวกญาติ ๆ ของพระครูฯ ก็เข้ามาป่วนอีก โดยเป็นเจ้ากี้เจ้าการจัดการเรื่องเงินเสร็จสรรพ เสร็จจากงานศพเหลือเงินหลายแสนบาท พวกญาติที่แสนดีของพระครูก็เอาไปแบ่งกันหมด วัดไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียว หนำซ้ำ ! วัดต้องจ้างคนมาเคลียร์สถานที่หลังเสร็จงานศพให้อีก (แต่ไม่เป็นไรหรอก)


พระครูอยู่ที่ไหน ?

เขียนมาถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านหลายคนอาจสงสัยอยากรู้ว่า ตอนนี้พระครูท่านเสวยสุขอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด หรืออยู่สวรรค์วิมานอะไร สุขกายสบายใจหรือไม่อย่างไร ?

ขอเฉลยว่า ขณะนี้ท่านพระครูกำลังเสวยทุกข์หนักอยู่ในนรก ในชั้นที่เกือบต่ำสุด เพราะชอบยักยอกของสงฆ์เอาไปให้ญาติ (คิดว่าญาติจะเป็นที่พึ่งอันเกษม หารู้ไม่ว่าพวกญาติตัวดีนี่แหละที่ทำให้ท่านลงนรกลึกกว่าเดิม ทุกข์ทรมานมากกว่าเดิม)

ความจริงแล้ว ท่านพระครูจะลงนรกไม่ลึกเท่านี้หรอก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะญาติตัวดีของท่านมีส่วนช่วยกระทืบท่านซ้ำ กระทืบอย่างไร ? กระทืบโดยการมาเอาของท่านไปไว้บ้านนะซิ ความจริงแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ของพระครูทั้งหมดที่ได้มาระหว่างบวช เมื่อท่านตายแล้วต้องตกเป็นของสงฆ์ (ของวัดนั้น ๆ) พวกญาติไม่มีสิทธิ์เอาไปบ้าน

ถ้าพวกญาติของท่านนำของเหล่านั้นมาคืนสงฆ์ทั้งหมด ท่านพระครูก็จะได้รับความทุกข์ทรมานในนรกลดลงครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อไม่คืนให้สงฆ์ ท่านพระครูก็ได้รับความทุกข์ทรมานเต็ม 100 % ปัจจุบันนี้แม้ท่านพระครูจะสำนึกผิดแล้ว แม้จะร้องเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ในนรก ก็ไม่มีญาติคนไหนได้ยิน (นอกจากท่านผู้มีตาทิพย์และหูทิพย์และพวกสัตว์นรกด้วยกัน)

พวกญาติของท่านก็เช่นกัน ถ้าไม่นำของมาคืนสงฆ์ ตายแล้วก็เตรียมตัวไปอยู่กับท่านพระครูที่นครได้เลย (ตอนนี้ท่านพญายมสั่งยมทูตให้เตรียมสถานที่ไว้รอแล้ว) แม้ตอนคนเหล่านี้ตายจะนิมนต์พระมาสวดศพ แต่สวดอย่างไรพวกนี้ก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรอก เพราะกรรมหนักจริง ๆ



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=276