PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : กล่าวถึงพระคุณแม่



*8q*
11-26-2008, 01:15 PM
พระอาจารย์สุโข กตปุญโญ
http://www.dhammathai.org/store/talk/data/imagefiles/142.jpg
ร้อยดวงดาวส่องแสงพราวบนราวฟ้า
แทนมาลาน้อมบูชาศรัทธามั่น
ในองค์คุณพุทธศาสดาจอมราชันย์
พระคุณอันยิ่งใหญ่ให้ธรรมมา
น้อมดวงจิตพิศพระธรรมคือคำสอน
ให้สังวรในชีวิตทั่วทิศา
มีธรรมะอยู่ใกล้ชิดติดอุรา
พระธรรมมาจะช่วยอำนวยพร
น้อมดวงใจกราบองค์พระสงฆ์เจ้า
เหนือเศียรเกล้านำพระธรรมมาพร่ำสอน
นำชีวิตพบพระธรรมนิรันดร
ประนมกรกราบไหว้เทิดบูชา
ขอความสุขความเจริญรุ่งเรืองร่มเย็นในธรรมในความดี จงปรากฏ บังเกิดมีแก่ญาติโยมสายบุญผู้ใฝ่ธรรมทุกท่านทุกคน วันนี้จะมากล่าวเรื่องพ่อแม่ลูกสักหน่อย คุณโยมที่สนใจใฝ่ธรรมส่วนใหญ่อยากฟังไม่มีวันเบื่อ ยิ่งฟังก็ยิ่งสบายใจ นั่นคือบัณฑิต ไม่อิ่มไม่พอในการฟังธรรม ถึงแม้นบางครั้งกิเลสยังไม่สิ้น ยังทำบาปทำผิดบ้างแต่ก็น้อยลง เพราะรู้ผิดชอบชั่วดีหมดแล้ว ส่วนใหญ่จึงมีแต่ความศรัทธาจะบำเพ็ญทาน รักษา ศีล เจริญภาวนา มีแต่กำลังใจจะสร้างบารมีปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ลูกหลานเยาวชนวัยรุ่นของญาติโยมที่ไม่ได้มาฟังธรรม ไม่ได้มาสดับตรับธรรมเทศนา แล้วลืมคุณพ่อคุณแม่ ลืมคุณศีลลืมคุณธรรม ลืมทำความดี แล้วก็ทำบาปหนักอย่างไม่กลัวอะไร ทำผิดอย่างสนุกสนานหัวร่อต่อกระซิก เพราะไม่เชื่อ เพราะไม่ได้ศึกษา คนเราเรียนอะไรจะรู้อันนั้น ศึกษาเรื่องไหนมากๆ ใส่ใจบ่อยๆ จะเก่งเรื่องนั้น
ฉะนั้น เมื่อลูกได้ทำ ได้พูด ได้คิด ล่วงเกินพ่อแม่ ทำบาปกับพ่อแม่ ซึ่งมันจะมีอิทธิพลทำให้ชีวิตมืดบอด แต่งงานมีลูกหลานๆ ก็จะพาลต่อเราอีก กรรมมันต่อเนื่อง ที่เราทำกับพ่อกับแม่อย่างไร ผลก็มาถึงเราหลายสิบเท่า จะต้องทุกข์ลำบากหนักใจร้อนใจเพราะ ลูกของตน หรือเพราะแฟนของตนเองอีก ฉะนั้น อิทธิพลของการ ทำบาปกับพ่อแม่นั้น มีอิทธิพลส่งผลยาวนาน ยิ่งพ่อแม่เสียใจช้ำใจมากเท่าไหร่ ลูกคนนั้นก็จะมี "อาถรรพ์ชีวิต" ติดตามไม่จืดจางเลยชาตินี้ทั้งชาติ แม้จะมีฐานะดีเพียงใด แม้จะรุ่งเรืองในทรัพย์สมบัติ เกียรติยศเพียงใด แม้จะมีอำนาจเพียงใด แต่พลังแห่งความมืดก็ไม่ เคยทิ้งบุคคลนั้น มักจะมีเรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจ เจ็บใจช้ำใจอยู่ เป็นประจำ อิทธิพลของการทำกับพ่อแม่นั้น ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เคย เสื่อมจากโลกไม่ว่ายุคไหนสมัยใด
ถ้าลูกคนไหนรู้ว่าพ่อแม่รักมาก ดูแลมาก เอาใจมาก แล้วลูกก็พูดดี ทำดี คิดดี กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่มาก ลูกคนนั้นก็จะประสพผลทันตาในสิ่งที่ดีที่เจริญ แม้นจะจนจะยาก จะร่ำจะรวยก็มีความสงบสุข จนก็พออยู่ได้ รวยก็ไม่มีใครมาทำให้ร้อนใจ ชีวิตจะอบอุ่นจะซึ้งใจสบายใจ นี้คืออิทธิพลของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ลูกได้ทำกับท่าน เพราะฉะนั้น วันนี้ตั้งใจมาพูดเรื่องนี้โดยตรง เรื่องธรรมะอื่นๆ พูดมานานแล้วขอหยุดไว้นะโยม เรื่องพ่อแม่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่จริงๆ การเนรคุณมีอำนาจพอที่จะทำให้ลูกวิบัติ มีอำนาจพอที่จะทำให้โลกนี้เดือดร้อนปั่นป่วน หากใครฆ่าพ่อแม่มาก่อนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอย่างไรก็บรรลุธรรมไม่ได้
เดือนดาวดินฟ้าจะอาเพศ
อุบัติเหตุจะเกิดทั่วทุกทิศา
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ
เกิดนิมิตพิสดารทั่วบ้านเมือง
คือเหตุการณ์เห็นชัดในบัดนี้
ทุกถิ่นที่มองดูก็รู้เรื่อง
โลกบอบช้ำระส่ำระส่ายระคายระเคือง
และรุ่งเรืองล้นหลามด้วยความเลว
เป็นเหตุการณ์อันวิบัติแก่สัตว์โลก
ต้องทุกข์โศกอกตรมความล้มเหลว
และลุกลามเร็วไวเหมือนไฟเปลว
สู่ห้วงเหวมหึมาที่น่ากลัว
ส่วนมนุษย์สุจริตไร้พิษสง
และมั่นคงในศีลธรรมไม่ต่ำชั่ว
ความเร่าร้อนในโลกันต์ไม่พันพัว
รักษาตัวรอดได้สบายดี
สมัยพุทธกาลมีมาณพผู้หนึ่งชื่อ รามาณพ เป็นผู้เลี้ยงบิดามารดาด้วยความกตัญญูยิ่ง ต่อมาในหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีฝนตกหนักมาก เหมือนฝนที่โดนสาปคือฝนตกไม่หยุดไม่หย่อน น้ำท่วมท้นในหมู่บ้านนั้น ชาวเมืองร้อนใจวุ่นวายกันไปหมด แต่สำหรับรามาณพปลอดภัย เพราะ เทวดาอดรนทนไม่ได้ด้วยความเมตตาสงสาร จึงบันดาลให้มีเรือ แล้วก็พาไปส่งให้ข้ามพ้นจากภัยพิบัติในเมืองนั้น
ในยามภัยพิบัติอะไรเกิดขึ้นเพราะกรรมของคนหมู่ใหญ่ คนซึ่งมีความกตัญญูกตเวทีจะมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้วเขาจะปลอดภัย เขาจะไม่ถูกภัยพิบัตินั้นครอบงำ นี้คืออิทธิพลของการดูแลบิดามารดา มีอิทธิพล มีอำนาจ มีอานุภาพยิ่งใหญ่จริงๆ เป็น "เกาะแก้วกำแพงบุญ" คุ้มครองบุคคลนั้นอย่างยิ่งใหญ่ไพศาลอย่างน่าอัศจรรย์ แต่คนที่เนรคุณพ่อแม่นั้น ถึงจะเจริญ รุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุขขนาดไหนในปัจจุบัน ก็จะต้องถึงซึ่งความ พินาศและประสพสิ่งที่ร้อนใจไม่มีหยุดเลยในภายหลัง
ลูกหลานที่กตัญญูต่อพ่อแม่ ต้องกตัญญูเพื่อตอบแทนบุญคุณของ ท่านจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าตอบแทนบุญคุณของท่านเพื่อหวังสมบัติ ถ้าเพื่อ หวังสมบัติบุญจะน้อย ถ้าไม่คิดถึงสมบัติ แต่ตอบแทนบุญคุณของท่านใน ฐานะที่ท่านช่วยเลี้ยงดูเรามาอย่างดี ถ้าคิดอย่างนี้ได้บุญมาก ท่านให้สมบัติหรือไม่ให้ เป็นเรื่องของท่าน แต่หน้าที่ของเราไม่คิดเอา คิดแต่ว่าเราจะตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ ให้ท่านมีความสุขในฐานะที่ท่านทุกข์ลำบากเพื่อเรามา อย่าว่าแต่คนโตคนใหญ่จะตอบแทนบุญคุณเลยโยม ท่าน แม้นอายุน้อยๆ เรียน ป.๒ ป.๓ ก็ตอบแทนบุญคุณได้ แม้จะไม่มีแรงช่วยทำการงานตอบแทนบุญคุณ แม้ไม่มีโอกาสจะเลี้ยงกายท่านได้ แต่เลี้ยงจิตเลี้ยงใจท่าน คือ ทำดี พูดดี คิดดี ไม่ดื้อด้าน พอทำดีแล้วชื่อเสียงดังไปทั่ว อ๋อ ! เด็กหญิงคนนี้ เด็กชายคนนี้ ขยันตั้งใจเรียนดี เชื่อฟังครูดี พ่อแม่ได้ยินข่าวนี้ก็ชื่นใจ นี่คือการเลี้ยงใจพ่อแม่ เป็นต้น
พ่อแม่กลับจากทำงาน ลูกอยู่บ้านเห็นพ่อแม่กลับมา วิ่งไปต้อนรับแล้วก็ตักน้ำแก้วหนึ่ง แล้วก็พูดว่า "แม่ดื่มน้ำซักแก้วนะ แม่ลำบากไปก่อน นะ พ่อลำบากไปก่อนนะตอนนี้ เดี๋ยวลูกเติบใหญ่โตแล้วลูกจะไม่ให้พ่อแม่ ลำบากอย่างนี้อีก" โอ้โห ! โยมคำพูดแค่นี้นะ พ่อแม่ที่กำลังเหน็ดเหนื่อย อ่อนหล้า น้ำตาไหลพรากเลยโยม หายเหนื่อยเหมือนปลิดทิ้ง เหมือนโดนยาทิพย์วิเศษขนานเอก โรคภัยไข้เจ็บอยู่ไม่ได้ต้องอันตรธานเหมือนปลิดทิ้งเลยทีเดียว ความดีมันน่าหวั่นไหวนะโยม อำนาจในปีติ อำนาจในน้ำตา แห่งความดีใจนั้น มันพรั่งพรูออกมานะ น้ำตาคนเรานั้นไหลด้วยสาเหตุหลายอย่าง แต่สาเหตุใหญ่ๆ ที่รู้กันก็คือด้วยความเสียใจมากๆ น้ำตาไหล และด้วยความดีใจมากๆ น้ำตาไหล ไหลด้วยความดีใจนั้นเป็นกุศลเป็นบุญ จิตใจของพ่อแม่ย่อมหวั่นไหว ปีติปราโมทย์ คือนิ่งไม่ได้เลย มันวูบวาบขึ้นมาเลย ด้วยความปีติซาบซ่านในคำพูดที่ดีของลูก

http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=142