DAO
11-28-2008, 11:11 AM
เกาะลิง
มีเกาะอยู่เกาะหนึ่ง ไม่ใช่เกาะอกนะ เป็นเกาะไม่ใหญ่นักอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรทั้ง ๔ มันมีอยู่เกาะเดียว อยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้าง โดยที่รอบ ๆ นั้นไม่มีอะไรนอกจากทะเล บนเกาะนี้ก็จะมีลิงอยู่เป็นเจ้าเกาะ แต่ก็พอจะมีสัตว์อื่น ๆ อยู่บ้าง ทีนี้เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า อยู่มาวันหนึ่งมันมีคนเรือแตกว่ายน้ำขึ้นมาบนเกาะนี้ เข้า เขามาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายคนเดียวไม่มีเสื้อผ้าใส่ เพราะเขาเรือแตกว่ายน้ำมานาน เสื้อผ้าของเขาลอยตามน้ำออกไปหมด เดินขึ้นมาบนเกาะ พวกลิงต่างคนก็ต่างมอง ก็จ้องมองชายผู้นั้นอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นมาก่อ น แล้วก็ร้องส่งเสียงกันบอกกัน ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่เกาะของพวกเขาตามประสาลิ ง กระโดดโลดเต้นไปด้วย ซ้ายขวา จนทำให้พญาลิงสงสัย ก็เลยออกมาจากถ้ำที่หน้าผาเพื่อยืนดูและมองไป แล้วพญาลิงก็เห็นตัวประหลาดที่เป็นมนุษย์นั้น กำลังเดินมาด้วยท่าทางโทรม ๆ พญาลิงจึงรำพันขึ้นมาว่า
ที่นี่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยพูดอยู่ถึง ๓ ครั้งแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วก็โดดลงไปปลอบพวกลิงเด็ก ๆ ที่กำลังตื่นตกใจกับสิ่งประหลาดที่ได้เห็นว่า ลูกหลานเราจงอย่าได้ตระหนกตกใจกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เลย ความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ของที่มีแต่ความเลวร้ายอย่างเด ียว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีแต่ดีอย่างเดียวด้วย แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที ่เป็นความจริง ที่เราไม่เคยพบมาก่อน พญาลิงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับมนุษย์ผู้นั้น แต่ปล่อยให้มนุษย์ผู้นั้นทำตามที่ตนเองต้องการ
มนุษย์ผู้นั้นก็มีความหิวโหย เขาก็เก็บเศษอาหารที่พวกลิงเหล่านั้นเขวี้ยงทิ้ง กินทิ้งกินขว้าง เพราะว่าลิงฝูงนี้เป็นลิงที่มีบุญ ได้เกิดมาอยู่บนเกาะที่อุดมสมบูรณ์ และไม่มีศัตรูมาทำร้ายเพราะเขาอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ ไม่มีพวกเสือหรือสัตว์อะไรที่จะมาทำร้ายพวกเขาได้ ลิงพวกนี้ก็ใช้ชีวิตตามสนุกไปเรื่อย ตื่นมาก็ไปกินไปเล่น กินไปเล่นไปอย่างนั้น โตมาหน่อยก็หาสามีหาภรรยาสืบพันธุ์ไปตามปกติ ที่แก่ตัวลงก็ตายไป ทีนี้เมื่อมีมนุษย์ขึ้นมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง พวกลิงก็เลยไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่เอิกเริกอะไร ก็เลยปล่อยให้มนุษย์อยู่ไปอย่างนั้น ต่างคนต่างอยู่ไปวัน ๆ อยากทำอะไรก็ทำไป มนุษย์จะสร้างที่อยู่อาศัยจากกิ่งไม้ต้นไม้ ที่พวกเขาเคยเหยียบเคยย่างเคยเล่นอะไร ก็ปล่อยให้ทำไป มนุษย์จะทำอาวุธเพื่อหาอาหารก็ทำไป ทำไม้แหลม ๆ มาเพื่อทิ่มแทงสัตว์น้ำอะไรเพื่อหาอาหาร ก็ปล่อยให้ทำไป เหล่าวานรเหล่านี้ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ
อยู่ต่อมาเรื่อย ๆ นานเข้า ๆ เป็นหลายปี มนุษย์ผู้นี้ก็หมดหวังว่าจะได้ออกไปจากเกาะแห่งนี้แล ้ว เขาจึงเริ่มคิดที่จะสร้างอาณาจักร สร้างหลักแหล่งของเขาให้มากกว่าที่กินอยู่ไปวัน ๆ แบบนี้ เขาก็เริ่มหาความเป็นใหญ่ จากที่เขาเคยเดินสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้แล้วใช้เวลาถึง ๖ เดือนกว่าจะรอบได้ และเขาก็ไม่พบว่าจะมีสัตว์ใดที่ดุร้ายพอที่จะมาทำอัน ตรายตัวเขาได้ และพื้นที่ในเกาะนี้ก็อุดมสมบูรณ์ มีอาหารการกินอยู่ทุกที่ อยู่ตรงไหนของเกาะก็มีกิน เขาก็เริ่มคิดว่า ตนเองเป็นเจ้าเกาะ แล้วเขาก็เริ่มแสดงอาการอย่างลิง เพื่อให้ลิงมันรับรู้ว่าเขาก็เป็นลิงตัวหนึ่ง เป็นพญาของลิง เห็นไหม คนน่ะมันทำได้ทุกอย่าง เป็นคนอยู่ดี ๆ ก็ทำเป็นลิงได้ เขาก็เริ่มเลียนเสียงร้องอย่างลิง เพราะเขาอยู่มานาน ก็พอจะเข้าใจลักษณะเสียงร้องของลิงได้ ไอ้ลิงเด็ก ๆ มันก็แปลกใจ นึกว่าเป็นพวกเดียวกัน คิดว่าพวกผู้ใหญ่ของเราคงพูดผิดว่าไม่ควรไปสนใจมนุษย ์ผู้นี้ เพราะพวกลิงเด็ก ๆ มันเห็นมนุษย์ร้องเสียงเหมือนพวกมันได้ ก็เลยคิดว่ามนุษย์ผู้นี้เป็นพวกของมัน เป็นลิงเหมือนมัน ก็มีลิงเด็ก ๆ ไปห้อมล้อม พาไปเป็นสมัครพรรคพวก เที่ยวคอยหาอาหารให้เขากิน มนุษย์ผู้นั้นก็คอยบอก อย่างนี้อย่างนั้น ให้ไปเอาอันนี้ ให้ไปเอาอันนั้น เขากินเสร็จเขาก็เขวี้ยงเล่นแบบลิงบ้าง ทำไปอย่างนั้น ไม่ต้องทำอะไร นั่งกินนอนกินอยู่อย่างนั้น คอยให้ไอ้พวกลิงเด็ก ๆ ที่มาเป็นสมัครพรรคพวกของเขาหามาให้
พญาลิงเห็นในพฤติกรรมของมนุษย์ผู้นี้แล้วก็รู้สึกสังเวชใจที่ว่า ความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐของเขานั้นได้หมดไปแล้ว กลับกลายเป็นความคุ้นเคยอย่างสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งไ ปเสียแล้ว ไม่ใช่เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐอีกต่อไปแล้ว และก็กระทำการอันลามก คือ กระทั่งลิงตัวเมียเขาก็เอามาเป็นเมีย ทำการมักมากในกาม พญาลิงเห็นแล้วก็สลดใจว่า จิตดวงหนึ่งผู้เลวทราม แม้จะอาศัยกายที่เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ แต่กลับมีความหยาบคายเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ เห็นทีเราจะต้องปราบให้เขาได้รู้ว่า เขาได้กระทำในสิ่งที่ไม่ควรเช่นนี้ แล้ว ลิงก็เลยแบ่งออกเป็นสามฝ่าย คือฝ่ายพญาลิงกับฝ่ายมนุษย์ที่ทำเลียนแบบลิง และอีกฝ่ายก็คือฝ่ายที่ยังไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ ง แต่รอดูว่า ฝ่ายไหนชนะก็จึงจะไปเข้าข้างฝ่ายนั้น เป็นโลกธรรมไหม? (โลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ มีนินทา มีสรรเสริญ ลิงมันก็รู้จักจะเข้าหาฝ่ายที่ชนะ ฝ่ายที่เป็นใหญ่ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่เดือดร้อนด้วย) ตอนนี้ก็เลยแบ่งเป็นสามกลุ่ม ก็เกิดการต่อสู้กันระหว่างลิงกับคน มีกองทัพลิง ๒ กองทัพเที่ยวเอาหิน เอาไม้ เอาของที่สามารถจะประทุษร้ายต่อกันได้มาขว้างปากัน เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
พญาลิงน่ะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเขาก็ปล่อยให้มันเกิด เพราะต้องการจะให้เหตุการณ์นี้ สอนลิงเหล่านั้นให้ทราบผลแห่งการกระทำที่หยาบคายต่อก ัน หากพญาลิงไปห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ ก็เท่ากับว่าเขาไปฝืนความเป็นจริงไป ถึงแม้จะทำให้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เคยเป็นอ ยู่ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือความเป็นจริง เขาก็ปล่อยให้ลิงเหล่านี้ประทุษร้ายกันไป คนละข้าง ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บกันไปหมดจนไม่มีฝ่ายไหนกล้าต่อกรก ันอีก เพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นลิงเหมือน ๆ กัน มึงขว้างได้ กูก็ขว้างได้เหมือนกัน มึงหลบเป็น กูก็หลบเป็น มันก็เจ็บกันทั้งคู่ ต่างคนก็ต่างเอามือกุมหัวกันทั้งคู่ ก็เหลือแต่พญาลิงกับไอ้พญาตัวเปลือยมาเผชิญหน้ากัน
พญาลิงก็ยืนนิ่งมอง ส่วนไอ้พญาตัวเปลือยก็เต้น ส่งเสียงร้องแบบลิงทำท่าท้าทาย พญาลิงก็เลยพูดเป็นภาษาของคนออกมาดัง ๆ ว่า ท่านผู้เจริญ ท่านลืมความเป็นท่านแล้วรึ ทำให้คนผู้นั้นต้องหยุดแสดงความเป็นลิง งงไปเลย เจอลิงพูดภาษาคนได้ ถึงพญาลิงนั้นจะยืนไม่สง่างาม แต่ถ้อยคำวาจาของเขานั้น องอาจถึงกับทำให้คนผู้นั้นต้องมานั่งมองตัวเอง แล้วคิดอยู่ในใจว่า
นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเป็นมนุษย์ดี ๆ ทำไมกลับกลายเป็นสัตว์เดรัชฉาน
แล้วพญาลิงก็พูดอีกว่า ท่านคิดถูกแล้ว ท่านไม่ควรจะเปลี่ยนความเป็นตัวของท่าน ท่านเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา ทำไมจึงทำจิตใจชั่วหยาบดังสัตว์เดรัจฉาน นี่เขาชมนะ
คน ๆ นั้นก็สำนึกใจได้ นี่เขาทำอะไรลงไป เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ เราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ทำไมเราไม่พูดภาษามนุษย์กลับพูดภาษาสัตว์เดรัจฉาน ทำไมเราเอาสัตว์เดรัจฉานมาเป็นพวก มาเป็นลูกน้อง มาเป็นทาสรับใช้ เรารึก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานเลยนะ เขาพูดอยู่ในใจแบบนี้
ท่านพญาวานรก็พูดกลับไปว่า ท่านผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายที่ได้ปรากฎต่อหน้าท่านนั้น คือความจริงที่ท่านได้ควรรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปโดยกาล แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปโดยธรรมอย่างแท้ ท่านควรจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามตัวท่าน ท่านมาอย่างผู้ที่ไม่มีอะไรติดตัวมา ท่านก็ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามตัณหาของท่าน ท่านควรจะเปลี่ยนแปลงมันไปโดยธรรม คือความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เมื่อท่านไม่มีเสื้อผ้า ท่านควรจะหาสิ่งที่ปิดบังตัวท่าน เพราะท่านไม่มีขนปิดบังอย่างเรา เพื่อป้องกันความร้อนความหนาวได้ ไม่ใช่มายืนแก้ผ้าห้อยโหนโจนทะยานอย่างนี้ได้
พอพญาวานรพูดไปอย่างนี้เข้า คนทั้งคนก็ถึงกับต้องทรุดตัวลง ยกมือไหว้ลิง แล้วก็พูดว่า ท่านผู้ประเสริฐ ช่างเป็นโชคอันล้ำค่าของเราโดยแท้ ที่ได้มาเยือนในดินแดนอันพิศดารที่นี่ ขอให้เราได้มีส่วนอยู่ร่วมกับพวกท่านด้วยความเป็นสุข เถิด
ท่านพญาวานรก็ตอบว่าเรายินดีที่ท่านจะอยู่ที่นี่ แต่ท่านจงอยู่อย่างมนุษย์ มีความประพฤติตัวอย่างมนุษย์ ให้พวกสัตว์ทั้งหลายได้เห็นความเป็นมนุษย์ เพื่อเบื้องหน้า เมื่อพวกเขาละอัตภาพไป เขาจะได้มีความพอใจในการเป็นมนุษย์อย่างท่าน และได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างท่าน
คน ๆ นั้นเขาก็เลยถามว่าเราควรมีคุณธรรมของมนุษย์อย่างไรที่ควรปฏิบัติ
พญาวานรก็ตอบว่า ท่านผู้เจริญ มนุษย์แปลว่าผู้ประเสริฐ ผู้ประเสริฐย่อมเป็นผู้มีจิตใจดีงาม ไม่คิดประทุษร้ายไม่คิดอยากได้ด้วยเหตุอย่างใด เป็นผู้ละแล้วซึ่งความทะเยอทะยาน แก่งแย่งชิงดี เป็นผู้มีจิตใจอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือเนื้อถือตน เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาปราณี สงเคราะห์ผู้ที่ด้อยกว่า
คนนั้นก็กล่าวตอบว่า เราจะจดจำถ้อยคำของท่านพญาวานรไว้ เราจะเริ่มปฏิบัติ เพื่อให้เป็นที่พึ่งยังเหล่าสรรพสัตว์ของท่านทั้งหลา ย ให้พวกเขาเห็นเรา แล้วปรารถนาอยากเป็นอย่างเรา
ท่านพญาวานรก็กล่าวสรรเสริญว่า ขอท่านผู้เจริญ จงเป็นผู้ที่มีความสุข ๆ เถิด แล้วก็กระโดดขึ้นไป ๓ ก้าวก็ถึงยอด แล้วประกาศด้วยเสียงดัง ๆ ว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป อัตภาพนี้ มิได้มีต่อเราแล้ว
แล้วสภาพความเป็นลิงของพญาลิงก็ค่อย ๆ สลายไป กลายเป็นเทวดาปรากฎแทน เหล่าลิงที่เป็นบริวาร พากันมองพญาวานรที่กลายร่างเป็นเทวดาด้วยความรู้สึกว ่า เราได้มองข้ามผู้ที่มีบุญคุณต่อเรา เราเฉยเมยต่อผู้ที่มีความดีมากถึงขนาดนี้ พวกเขารู้สึกละอายใจ จึงตั้งสัจจะว่า เขาจะปฏิบัติตนทำใจอย่างมนุษย์ เพื่อหวังว่าเมื่อละอัตภาพนี้แล้ว เขาจะได้เป็นมนุษย์ ท่านพญาวานรที่กลายเป็นเทวดาก็ได้กล่าวว่า ขอความเจริญจงยังปรากฎต่อหมู่เธอทั้งหลายเถิด แล้วท่านก็ลอยขึ้นไปในอากาศ สัตว์เหล่านั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป โดยดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของมนุษย์ที่ท่านพญาวานรได ้สอนเอาไว้ และเมื่อตายจากความเป็นลิงไปก็ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ต่ อ ทีนี้จะไปเกิดที่ไหนก็ค่อยว่ากันต่อตอนภาค ๒ นะ
มีเกาะอยู่เกาะหนึ่ง ไม่ใช่เกาะอกนะ เป็นเกาะไม่ใหญ่นักอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรทั้ง ๔ มันมีอยู่เกาะเดียว อยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้าง โดยที่รอบ ๆ นั้นไม่มีอะไรนอกจากทะเล บนเกาะนี้ก็จะมีลิงอยู่เป็นเจ้าเกาะ แต่ก็พอจะมีสัตว์อื่น ๆ อยู่บ้าง ทีนี้เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า อยู่มาวันหนึ่งมันมีคนเรือแตกว่ายน้ำขึ้นมาบนเกาะนี้ เข้า เขามาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายคนเดียวไม่มีเสื้อผ้าใส่ เพราะเขาเรือแตกว่ายน้ำมานาน เสื้อผ้าของเขาลอยตามน้ำออกไปหมด เดินขึ้นมาบนเกาะ พวกลิงต่างคนก็ต่างมอง ก็จ้องมองชายผู้นั้นอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นมาก่อ น แล้วก็ร้องส่งเสียงกันบอกกัน ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่เกาะของพวกเขาตามประสาลิ ง กระโดดโลดเต้นไปด้วย ซ้ายขวา จนทำให้พญาลิงสงสัย ก็เลยออกมาจากถ้ำที่หน้าผาเพื่อยืนดูและมองไป แล้วพญาลิงก็เห็นตัวประหลาดที่เป็นมนุษย์นั้น กำลังเดินมาด้วยท่าทางโทรม ๆ พญาลิงจึงรำพันขึ้นมาว่า
ที่นี่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยพูดอยู่ถึง ๓ ครั้งแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วก็โดดลงไปปลอบพวกลิงเด็ก ๆ ที่กำลังตื่นตกใจกับสิ่งประหลาดที่ได้เห็นว่า ลูกหลานเราจงอย่าได้ตระหนกตกใจกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เลย ความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ของที่มีแต่ความเลวร้ายอย่างเด ียว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีแต่ดีอย่างเดียวด้วย แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที ่เป็นความจริง ที่เราไม่เคยพบมาก่อน พญาลิงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับมนุษย์ผู้นั้น แต่ปล่อยให้มนุษย์ผู้นั้นทำตามที่ตนเองต้องการ
มนุษย์ผู้นั้นก็มีความหิวโหย เขาก็เก็บเศษอาหารที่พวกลิงเหล่านั้นเขวี้ยงทิ้ง กินทิ้งกินขว้าง เพราะว่าลิงฝูงนี้เป็นลิงที่มีบุญ ได้เกิดมาอยู่บนเกาะที่อุดมสมบูรณ์ และไม่มีศัตรูมาทำร้ายเพราะเขาอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ ไม่มีพวกเสือหรือสัตว์อะไรที่จะมาทำร้ายพวกเขาได้ ลิงพวกนี้ก็ใช้ชีวิตตามสนุกไปเรื่อย ตื่นมาก็ไปกินไปเล่น กินไปเล่นไปอย่างนั้น โตมาหน่อยก็หาสามีหาภรรยาสืบพันธุ์ไปตามปกติ ที่แก่ตัวลงก็ตายไป ทีนี้เมื่อมีมนุษย์ขึ้นมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง พวกลิงก็เลยไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่เอิกเริกอะไร ก็เลยปล่อยให้มนุษย์อยู่ไปอย่างนั้น ต่างคนต่างอยู่ไปวัน ๆ อยากทำอะไรก็ทำไป มนุษย์จะสร้างที่อยู่อาศัยจากกิ่งไม้ต้นไม้ ที่พวกเขาเคยเหยียบเคยย่างเคยเล่นอะไร ก็ปล่อยให้ทำไป มนุษย์จะทำอาวุธเพื่อหาอาหารก็ทำไป ทำไม้แหลม ๆ มาเพื่อทิ่มแทงสัตว์น้ำอะไรเพื่อหาอาหาร ก็ปล่อยให้ทำไป เหล่าวานรเหล่านี้ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ
อยู่ต่อมาเรื่อย ๆ นานเข้า ๆ เป็นหลายปี มนุษย์ผู้นี้ก็หมดหวังว่าจะได้ออกไปจากเกาะแห่งนี้แล ้ว เขาจึงเริ่มคิดที่จะสร้างอาณาจักร สร้างหลักแหล่งของเขาให้มากกว่าที่กินอยู่ไปวัน ๆ แบบนี้ เขาก็เริ่มหาความเป็นใหญ่ จากที่เขาเคยเดินสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้แล้วใช้เวลาถึง ๖ เดือนกว่าจะรอบได้ และเขาก็ไม่พบว่าจะมีสัตว์ใดที่ดุร้ายพอที่จะมาทำอัน ตรายตัวเขาได้ และพื้นที่ในเกาะนี้ก็อุดมสมบูรณ์ มีอาหารการกินอยู่ทุกที่ อยู่ตรงไหนของเกาะก็มีกิน เขาก็เริ่มคิดว่า ตนเองเป็นเจ้าเกาะ แล้วเขาก็เริ่มแสดงอาการอย่างลิง เพื่อให้ลิงมันรับรู้ว่าเขาก็เป็นลิงตัวหนึ่ง เป็นพญาของลิง เห็นไหม คนน่ะมันทำได้ทุกอย่าง เป็นคนอยู่ดี ๆ ก็ทำเป็นลิงได้ เขาก็เริ่มเลียนเสียงร้องอย่างลิง เพราะเขาอยู่มานาน ก็พอจะเข้าใจลักษณะเสียงร้องของลิงได้ ไอ้ลิงเด็ก ๆ มันก็แปลกใจ นึกว่าเป็นพวกเดียวกัน คิดว่าพวกผู้ใหญ่ของเราคงพูดผิดว่าไม่ควรไปสนใจมนุษย ์ผู้นี้ เพราะพวกลิงเด็ก ๆ มันเห็นมนุษย์ร้องเสียงเหมือนพวกมันได้ ก็เลยคิดว่ามนุษย์ผู้นี้เป็นพวกของมัน เป็นลิงเหมือนมัน ก็มีลิงเด็ก ๆ ไปห้อมล้อม พาไปเป็นสมัครพรรคพวก เที่ยวคอยหาอาหารให้เขากิน มนุษย์ผู้นั้นก็คอยบอก อย่างนี้อย่างนั้น ให้ไปเอาอันนี้ ให้ไปเอาอันนั้น เขากินเสร็จเขาก็เขวี้ยงเล่นแบบลิงบ้าง ทำไปอย่างนั้น ไม่ต้องทำอะไร นั่งกินนอนกินอยู่อย่างนั้น คอยให้ไอ้พวกลิงเด็ก ๆ ที่มาเป็นสมัครพรรคพวกของเขาหามาให้
พญาลิงเห็นในพฤติกรรมของมนุษย์ผู้นี้แล้วก็รู้สึกสังเวชใจที่ว่า ความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐของเขานั้นได้หมดไปแล้ว กลับกลายเป็นความคุ้นเคยอย่างสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งไ ปเสียแล้ว ไม่ใช่เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐอีกต่อไปแล้ว และก็กระทำการอันลามก คือ กระทั่งลิงตัวเมียเขาก็เอามาเป็นเมีย ทำการมักมากในกาม พญาลิงเห็นแล้วก็สลดใจว่า จิตดวงหนึ่งผู้เลวทราม แม้จะอาศัยกายที่เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ แต่กลับมีความหยาบคายเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ เห็นทีเราจะต้องปราบให้เขาได้รู้ว่า เขาได้กระทำในสิ่งที่ไม่ควรเช่นนี้ แล้ว ลิงก็เลยแบ่งออกเป็นสามฝ่าย คือฝ่ายพญาลิงกับฝ่ายมนุษย์ที่ทำเลียนแบบลิง และอีกฝ่ายก็คือฝ่ายที่ยังไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ ง แต่รอดูว่า ฝ่ายไหนชนะก็จึงจะไปเข้าข้างฝ่ายนั้น เป็นโลกธรรมไหม? (โลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ มีนินทา มีสรรเสริญ ลิงมันก็รู้จักจะเข้าหาฝ่ายที่ชนะ ฝ่ายที่เป็นใหญ่ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่เดือดร้อนด้วย) ตอนนี้ก็เลยแบ่งเป็นสามกลุ่ม ก็เกิดการต่อสู้กันระหว่างลิงกับคน มีกองทัพลิง ๒ กองทัพเที่ยวเอาหิน เอาไม้ เอาของที่สามารถจะประทุษร้ายต่อกันได้มาขว้างปากัน เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
พญาลิงน่ะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเขาก็ปล่อยให้มันเกิด เพราะต้องการจะให้เหตุการณ์นี้ สอนลิงเหล่านั้นให้ทราบผลแห่งการกระทำที่หยาบคายต่อก ัน หากพญาลิงไปห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ ก็เท่ากับว่าเขาไปฝืนความเป็นจริงไป ถึงแม้จะทำให้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เคยเป็นอ ยู่ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือความเป็นจริง เขาก็ปล่อยให้ลิงเหล่านี้ประทุษร้ายกันไป คนละข้าง ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บกันไปหมดจนไม่มีฝ่ายไหนกล้าต่อกรก ันอีก เพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นลิงเหมือน ๆ กัน มึงขว้างได้ กูก็ขว้างได้เหมือนกัน มึงหลบเป็น กูก็หลบเป็น มันก็เจ็บกันทั้งคู่ ต่างคนก็ต่างเอามือกุมหัวกันทั้งคู่ ก็เหลือแต่พญาลิงกับไอ้พญาตัวเปลือยมาเผชิญหน้ากัน
พญาลิงก็ยืนนิ่งมอง ส่วนไอ้พญาตัวเปลือยก็เต้น ส่งเสียงร้องแบบลิงทำท่าท้าทาย พญาลิงก็เลยพูดเป็นภาษาของคนออกมาดัง ๆ ว่า ท่านผู้เจริญ ท่านลืมความเป็นท่านแล้วรึ ทำให้คนผู้นั้นต้องหยุดแสดงความเป็นลิง งงไปเลย เจอลิงพูดภาษาคนได้ ถึงพญาลิงนั้นจะยืนไม่สง่างาม แต่ถ้อยคำวาจาของเขานั้น องอาจถึงกับทำให้คนผู้นั้นต้องมานั่งมองตัวเอง แล้วคิดอยู่ในใจว่า
นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเป็นมนุษย์ดี ๆ ทำไมกลับกลายเป็นสัตว์เดรัชฉาน
แล้วพญาลิงก็พูดอีกว่า ท่านคิดถูกแล้ว ท่านไม่ควรจะเปลี่ยนความเป็นตัวของท่าน ท่านเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา ทำไมจึงทำจิตใจชั่วหยาบดังสัตว์เดรัจฉาน นี่เขาชมนะ
คน ๆ นั้นก็สำนึกใจได้ นี่เขาทำอะไรลงไป เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ เราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ทำไมเราไม่พูดภาษามนุษย์กลับพูดภาษาสัตว์เดรัจฉาน ทำไมเราเอาสัตว์เดรัจฉานมาเป็นพวก มาเป็นลูกน้อง มาเป็นทาสรับใช้ เรารึก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานเลยนะ เขาพูดอยู่ในใจแบบนี้
ท่านพญาวานรก็พูดกลับไปว่า ท่านผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายที่ได้ปรากฎต่อหน้าท่านนั้น คือความจริงที่ท่านได้ควรรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปโดยกาล แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปโดยธรรมอย่างแท้ ท่านควรจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามตัวท่าน ท่านมาอย่างผู้ที่ไม่มีอะไรติดตัวมา ท่านก็ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามตัณหาของท่าน ท่านควรจะเปลี่ยนแปลงมันไปโดยธรรม คือความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เมื่อท่านไม่มีเสื้อผ้า ท่านควรจะหาสิ่งที่ปิดบังตัวท่าน เพราะท่านไม่มีขนปิดบังอย่างเรา เพื่อป้องกันความร้อนความหนาวได้ ไม่ใช่มายืนแก้ผ้าห้อยโหนโจนทะยานอย่างนี้ได้
พอพญาวานรพูดไปอย่างนี้เข้า คนทั้งคนก็ถึงกับต้องทรุดตัวลง ยกมือไหว้ลิง แล้วก็พูดว่า ท่านผู้ประเสริฐ ช่างเป็นโชคอันล้ำค่าของเราโดยแท้ ที่ได้มาเยือนในดินแดนอันพิศดารที่นี่ ขอให้เราได้มีส่วนอยู่ร่วมกับพวกท่านด้วยความเป็นสุข เถิด
ท่านพญาวานรก็ตอบว่าเรายินดีที่ท่านจะอยู่ที่นี่ แต่ท่านจงอยู่อย่างมนุษย์ มีความประพฤติตัวอย่างมนุษย์ ให้พวกสัตว์ทั้งหลายได้เห็นความเป็นมนุษย์ เพื่อเบื้องหน้า เมื่อพวกเขาละอัตภาพไป เขาจะได้มีความพอใจในการเป็นมนุษย์อย่างท่าน และได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างท่าน
คน ๆ นั้นเขาก็เลยถามว่าเราควรมีคุณธรรมของมนุษย์อย่างไรที่ควรปฏิบัติ
พญาวานรก็ตอบว่า ท่านผู้เจริญ มนุษย์แปลว่าผู้ประเสริฐ ผู้ประเสริฐย่อมเป็นผู้มีจิตใจดีงาม ไม่คิดประทุษร้ายไม่คิดอยากได้ด้วยเหตุอย่างใด เป็นผู้ละแล้วซึ่งความทะเยอทะยาน แก่งแย่งชิงดี เป็นผู้มีจิตใจอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือเนื้อถือตน เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาปราณี สงเคราะห์ผู้ที่ด้อยกว่า
คนนั้นก็กล่าวตอบว่า เราจะจดจำถ้อยคำของท่านพญาวานรไว้ เราจะเริ่มปฏิบัติ เพื่อให้เป็นที่พึ่งยังเหล่าสรรพสัตว์ของท่านทั้งหลา ย ให้พวกเขาเห็นเรา แล้วปรารถนาอยากเป็นอย่างเรา
ท่านพญาวานรก็กล่าวสรรเสริญว่า ขอท่านผู้เจริญ จงเป็นผู้ที่มีความสุข ๆ เถิด แล้วก็กระโดดขึ้นไป ๓ ก้าวก็ถึงยอด แล้วประกาศด้วยเสียงดัง ๆ ว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป อัตภาพนี้ มิได้มีต่อเราแล้ว
แล้วสภาพความเป็นลิงของพญาลิงก็ค่อย ๆ สลายไป กลายเป็นเทวดาปรากฎแทน เหล่าลิงที่เป็นบริวาร พากันมองพญาวานรที่กลายร่างเป็นเทวดาด้วยความรู้สึกว ่า เราได้มองข้ามผู้ที่มีบุญคุณต่อเรา เราเฉยเมยต่อผู้ที่มีความดีมากถึงขนาดนี้ พวกเขารู้สึกละอายใจ จึงตั้งสัจจะว่า เขาจะปฏิบัติตนทำใจอย่างมนุษย์ เพื่อหวังว่าเมื่อละอัตภาพนี้แล้ว เขาจะได้เป็นมนุษย์ ท่านพญาวานรที่กลายเป็นเทวดาก็ได้กล่าวว่า ขอความเจริญจงยังปรากฎต่อหมู่เธอทั้งหลายเถิด แล้วท่านก็ลอยขึ้นไปในอากาศ สัตว์เหล่านั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป โดยดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของมนุษย์ที่ท่านพญาวานรได ้สอนเอาไว้ และเมื่อตายจากความเป็นลิงไปก็ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ต่ อ ทีนี้จะไปเกิดที่ไหนก็ค่อยว่ากันต่อตอนภาค ๒ นะ