StromyNight
12-21-2008, 10:14 AM
Happily Ever After
ประโยคสุดท้ายของเทพนิยายแทบทุกเรื่อง มักเป็น and they lived happily ever after
เจ้าชายกับเจ้าหญิงครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดกาลนาน
โลกในเทพนิยายสะท้อนถึงความต้องการเชิงอุดมคติในส่วนลึกของเราทุกคน คือความสุขที่ถาวร ความมั่นคงในสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจของตน
แต่ในโลกของความจริง คำว่า happily ever after มักอยู่ไกลกว่าที่ฝัน ในบางชีวิตกลับเป็น unhappily ever after
เมื่อหาความฝันไม่พบในโลกของความจริง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาในนิทาน
นิยายพาฝันทั้งหลายจึงเป็นที่นิยมสืบมาไม่เคยเสื่อมคลาย
นวนิยายที่ครองตลาดนานที่สุดคือนิยายรักที่ตอนจบเป็นแบบ แฮ็ปปี้ เอนดิ้ง
ไม่ว่าตัวเอกจะผจญวิบากกรรมหนักหนาสาหัสเท่าใด ตอนจบต้องสมหวังในรักและชีวิตเสมอ
เป็นสูตรสำเร็จที่ทุกคนชอบ
ในนิยายบางเรื่อง ระหว่างที่กำลังตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารผู้อ่านมักเขียนจดหมายไปขอร้องคนเขียนว่า ขอให้พระเอกได้กับนางเอกในตอนจบนะ ได้โปรด พลีสสสๆ
ผมเองก็เคยถูกต่อว่าว่าใจร้าย ที่ให้นางเอกในนิยายเรื่องหนึ่งตาย
บาปมาก!
ช่วงสำคัญหนึ่งในพิธีแต่งงานแบบฝรั่ง คือการกล่าวคำสัญญา(vow )
ว่าดังนี้
ผม/ฉัน (ชื่อเจ้าบ่าว/เจ้าสาว) ขอรับคุณเป็นภรรยา/สามี จะรักจะหวงแหนคุณ ไม่ว่าชีวิตจะดีขึ้นรึเลวลง ร่ำรวยขึ้นรึยากจนลง ร่างกายแข็งแรงรึเจ็บป่วย จะรักจะหวงแหนคุณ นับแต่วันนี้จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน
ชีวิตหลังแต่งงานคงสวยงาม เจ้าชายหรือเจ้าหญิงในฝันของเราจะรักเราไปชั่วกาลนาน
สวยงามเหมือนนิยาย
ในความเป็นจริง การครองคู่แบบ happily ever after เป็นไปได้ แต่เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนสูงมาก
ต้องใช้การระวังในการประคับประคองชีวิตคู่ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราตลอดเวลา อุปสรรคคือเมื่อทำไปนานๆ ก็อาจเกิดอาการเบื่อที่ต้องเอาใจคนอื่น
เมื่อความโรแมนติกหายไปจากชีวิตคู่ ที่เหลือคือความจริงว่า ความรักไม่ได้มีด้านที่สวยงามอย่างเดียว
เจ้าหญิงไม่ได้สวยทุกวันอย่างในนิทาน กลางคืนนอนกรน รอยย่นเริ่มปรากฏ ตามมาด้วยเสียงบ่น
ส่วยเจ้าชายก็เริ่มลงพุง เส้นผมเริ่มมีเส้นสีขาวแซม มีเงินก็เอาไปเปลี่ยนเป็นเหล้าแทนที่จะซื้อดอกไม้ให้เจ้าหญิง เจ้าชายบางรายก็ไปหาเจ้าหญิงรายใหม่ๆ หลายคู่แต่งงานกันพักใหญ่ก็เลิกกันเพราะเบื่อการใช้ชีวิตคู่
คำสัญญาทั้งหลายก็พ่ายแพ้ความจริง
ข่าวร้ายคือโลกของความจริงไม่มี happily ever after ถาวร ข่าวดีคือไม่มี
unhappily ever after ถาวรเช่นกัน
ความรักก็มีด้านสวยงามเช่นกัน การมีเพื่อนคุยในยามแก่เฒ่า ความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ชีวิตจะไม่ใช่ happily ever after เสมอไปก็ตาม ก็ยังเป็นความรู้สึกที่ดี
ใครจะเป็นเพื่อนของเราได้ดีกว่าพ่อหรือแม่ของลูกของเรา??
จากหนังสือเบื้องบนยังมีแสงดาวhttp://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/YahooIM/105.gif
ประโยคสุดท้ายของเทพนิยายแทบทุกเรื่อง มักเป็น and they lived happily ever after
เจ้าชายกับเจ้าหญิงครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดกาลนาน
โลกในเทพนิยายสะท้อนถึงความต้องการเชิงอุดมคติในส่วนลึกของเราทุกคน คือความสุขที่ถาวร ความมั่นคงในสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจของตน
แต่ในโลกของความจริง คำว่า happily ever after มักอยู่ไกลกว่าที่ฝัน ในบางชีวิตกลับเป็น unhappily ever after
เมื่อหาความฝันไม่พบในโลกของความจริง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาในนิทาน
นิยายพาฝันทั้งหลายจึงเป็นที่นิยมสืบมาไม่เคยเสื่อมคลาย
นวนิยายที่ครองตลาดนานที่สุดคือนิยายรักที่ตอนจบเป็นแบบ แฮ็ปปี้ เอนดิ้ง
ไม่ว่าตัวเอกจะผจญวิบากกรรมหนักหนาสาหัสเท่าใด ตอนจบต้องสมหวังในรักและชีวิตเสมอ
เป็นสูตรสำเร็จที่ทุกคนชอบ
ในนิยายบางเรื่อง ระหว่างที่กำลังตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารผู้อ่านมักเขียนจดหมายไปขอร้องคนเขียนว่า ขอให้พระเอกได้กับนางเอกในตอนจบนะ ได้โปรด พลีสสสๆ
ผมเองก็เคยถูกต่อว่าว่าใจร้าย ที่ให้นางเอกในนิยายเรื่องหนึ่งตาย
บาปมาก!
ช่วงสำคัญหนึ่งในพิธีแต่งงานแบบฝรั่ง คือการกล่าวคำสัญญา(vow )
ว่าดังนี้
ผม/ฉัน (ชื่อเจ้าบ่าว/เจ้าสาว) ขอรับคุณเป็นภรรยา/สามี จะรักจะหวงแหนคุณ ไม่ว่าชีวิตจะดีขึ้นรึเลวลง ร่ำรวยขึ้นรึยากจนลง ร่างกายแข็งแรงรึเจ็บป่วย จะรักจะหวงแหนคุณ นับแต่วันนี้จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน
ชีวิตหลังแต่งงานคงสวยงาม เจ้าชายหรือเจ้าหญิงในฝันของเราจะรักเราไปชั่วกาลนาน
สวยงามเหมือนนิยาย
ในความเป็นจริง การครองคู่แบบ happily ever after เป็นไปได้ แต่เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนสูงมาก
ต้องใช้การระวังในการประคับประคองชีวิตคู่ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราตลอดเวลา อุปสรรคคือเมื่อทำไปนานๆ ก็อาจเกิดอาการเบื่อที่ต้องเอาใจคนอื่น
เมื่อความโรแมนติกหายไปจากชีวิตคู่ ที่เหลือคือความจริงว่า ความรักไม่ได้มีด้านที่สวยงามอย่างเดียว
เจ้าหญิงไม่ได้สวยทุกวันอย่างในนิทาน กลางคืนนอนกรน รอยย่นเริ่มปรากฏ ตามมาด้วยเสียงบ่น
ส่วยเจ้าชายก็เริ่มลงพุง เส้นผมเริ่มมีเส้นสีขาวแซม มีเงินก็เอาไปเปลี่ยนเป็นเหล้าแทนที่จะซื้อดอกไม้ให้เจ้าหญิง เจ้าชายบางรายก็ไปหาเจ้าหญิงรายใหม่ๆ หลายคู่แต่งงานกันพักใหญ่ก็เลิกกันเพราะเบื่อการใช้ชีวิตคู่
คำสัญญาทั้งหลายก็พ่ายแพ้ความจริง
ข่าวร้ายคือโลกของความจริงไม่มี happily ever after ถาวร ข่าวดีคือไม่มี
unhappily ever after ถาวรเช่นกัน
ความรักก็มีด้านสวยงามเช่นกัน การมีเพื่อนคุยในยามแก่เฒ่า ความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ชีวิตจะไม่ใช่ happily ever after เสมอไปก็ตาม ก็ยังเป็นความรู้สึกที่ดี
ใครจะเป็นเพื่อนของเราได้ดีกว่าพ่อหรือแม่ของลูกของเรา??
จากหนังสือเบื้องบนยังมีแสงดาวhttp://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/YahooIM/105.gif