PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : อุปสาฬหกชาดกว่าด้วยคุณธรรมที่ไม่ตายไปจากโลก



*8q*
02-21-2009, 05:19 PM
ว่าด้วยคุณธรรมที่ไม่ตายไปจากโลก

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันทรงปรารภพราหมณ์ผู้ถือความบริสุทธิ์ของป่าช้า ชื่ออุปสาฬหกะ

มีเรื่องได้ยินมาว่า พราหมณ์นั้นเป็นผู้มั่งคั่งมีทรัพย์มากแต่เพราะค่าที่ตนเป็นคนเจ้าทิฏฐิ จึงมิได้ทำการสงเคราะห์พระพุทธเจ้าทั้งหลาย แม้ประทับอยู่ ณ พระวิหารใกล้ ๆ แต่บุตรของเขาเป็นคนฉลาด มีความรู้ พราหมณ์บอกบุตรเมื่อตัวแก่เฒ่าว่า นี่แน่ะลูก เจ้าอย่าเผาพ่อในป่าช้าที่เผาคนเฉาโฉด แต่ควรเผาพ่อในป่าช้าที่ไม่ปะปนกันใคร ๆ แห่งหนึ่ง บุตรกล่าวว่า พ่อจ๋าลูกไม่รู้จักที่ที่ควรเผาพ่อ ทางที่ดีพ่อพาลูกไปแล้วบอกว่าให้เผาตรงนี้ พราหมณ์พูดว่า ดีละลูกแล้วพาบุตรออกจากเมืองขึ้นไปยังยอดเขาคิชฌกูฏ กล่าวว่าลูกตรงนี้แหละเป็นที่ที่ไม่เคยเผาคนเฉาโฉดอื่น ลูกควรเผาพ่อตรงนี้แล้วก็เริ่มลงจากภูเขาพร้อมกับลูก
ในวันนั้นเวลาใกล้รุ่งพระศาสดาทรงตรวจดูเผ่าพันธุ์ผู้ที่ควรโปรด ได้ทอดพระเนตรเห็นอุปนิสัยโสดาปัตติมรรคของพ่อลูกนั้น เพราะฉะนั้น จึงทรงถือเอาทางนั้นเสด็จไปยังเชิงภูเขาดุจพรานชำนาญทาง ประทับนั่งรอพ่อลูกลงจากยอดเขา พ่อลูกลงจากภูเขาได้เห็นพระศาสดา พระศาสดาทรงกระทำปฏิสันถารตรัสถามว่า จะไปไหนกับพราหมณ์ มาณพกราบทูลเนื้อความให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นมาเถิด เราจะไปยังที่ที่บิดาของเจ้าบอก ทรงพาพ่อลูกทั้งสองขึ้นสู่ยอดเขาตรัสถามว่า ที่ตรงไหนเล่า มาณพกราบทูลว่า บิดาของข้าพระองค์บอกว่า ระหว่างภูเขาสามลูกนี่แหละพระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนมาณพ บิดาของเจ้ามิใช่ถือความบริสุทธิ์แห่งป่าช้าในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนบิดาของเจ้าก็ถือความบริสุทธิ์แห่งป่าช้า อนึ่งบิดาคนนี้บอกเจ้าว่าจงเผาเราตรงนี้แหละ มิใช่เวลานี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็บอกที่สำหรับเผาตนในที่นี้เหมือนกัน เมื่อเขากราบทูลอาราธนาจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า

ในอดีตกาล ที่กรุงราชคฤห์นี่แหละ ได้มีพราหมณ์ชื่ออุปสาฬหกะคนเดียวกันนี้แหละ และบุตรของเขาก็คนเดียวกันนี้ ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นมคธ ครั้นจบศิลปะศาสตร์แล้ว จึงออกบวชเป็นฤๅษี ทำอภิญญาและสมาบัติให้เกิด เพลิดเพลินอยู่ด้วยฌาน อาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศเป็นเวลาช้านาน แล้วจึงไปพักอยู่ ณ บรรณศาลาใกล้ภูเขาคิชฌกูฏ เพื่อเสพของเค็มของเปรี้ยว ในครั้งนั้น พราหมณ์นั้นได้บอกกะบุตรทำนองเดียวกันนี้แหละ เมื่อบุตรกล่าวว่า พ่อจงบอกที่เช่นนั้นแก่ลูกเถิด พ่อก็บอกที่นี่แหละ แล้วลงไปพบพระโพธิสัตว์พร้อมกับบุตร ได้เข้าไปหาพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ถามทำนองเดียวกันนี้แหละ ครั้นฟังคำของมาณพแล้วจึงกล่าวว่า มาเถิดเราจะรู้ว่าที่ที่บิดาของเจ้าบอกปะปนหรือไม่ปะปน แล้วพาบิดาและบุตรขึ้นไปยอดภูเขา เมื่อมาณพกล่าวว่า ระหว่างภูเขาสามลูกนี้แหละ เป็นที่ไม่ปะปน จึงตอบว่า ดูก่อนมาณพในที่นี้แหละไม่มีปริมาณของผู้ที่ถูกเผา บิดาของเจ้านั่นเองเกิดในตระกูลพราหมณ์เมืองราชคฤห์นี้แหละ ชื่ออุปสาฬหกะอย่างเดียวกัน ถูกเผาในระหว่างภูเขานี้มาแล้วถึงหมื่นสี่พันชาติ อันที่จริง สถานที่ที่ไม่ถูกเผาก็ดี สถานที่ที่ไม่ใช่ป่าช้าก็ดี สถานที่ที่ศีรษะไม่ทอดลงก็ดี ไม่อาจหาได้ในแผ่นดิน แล้วกำหนดด้วยญาณอันรู้ถึงภพของสัตว์ที่อยู่อาศัยในชาติก่อน (บุพเพนิวาสญาณ) จึงกล่าวสองคาถาว่า :
พราหมณ์ชื่อว่า อุปสาฬหกะทั้งหลาย
ถูกญาติทั้งหลายเผาเสียในประเทศนี้ ประมาณหมื่นสี่พันชาติแล้ว
สถานที่อันใคร ๆ ไม่เคยตายแล้ว ย่อมไม่มีในโลก
สัจจะ ๑ ธรรม ๑ อหิงสา ๑ สัญญมะ ๑ ทมะ ๑ มีอยู่ในบุคคลใด
พระอริยะทั้งหลายย่อมคบหาบุคคลนั้น
คุณชาตินี้แล ชื่อว่าไม่ตายในโลก
อธิบายความว่า ญาณคือสัจธรรมอันเป็นส่วนเบื้องต้น มีอริยสัจสี่เป็นพื้นฐาน และโลกุตตรธรรม มีอยู่ในบุคคลใด
อหิงสา ได้แก่ การไม่เบียดเบียน กิริยาที่ไม่เบียดเบียนต่อผู้อื่น สัญญมะ ได้แก่การสำรวมด้วยศีล ทมะ ได้แก่การฝึกอินทรีย์ คุณชาตินี่แลมีอยู่ในบุคคลใด
พระอริยะทั้งหลาย ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า ย่อมเข้าไปหา ย่อมคบบุคคลชนิดนี้ คุณชาตินั้นชื่อว่าอมตะ เพราะให้สำเร็จถึงความไม่ตาย
พระโพธิสัตว์แสดงธรรมแก่สองพ่อลูกอย่างนี้แล้ว เจริญพรหมวิหารสี่มุ่งต่อพรหมโลก พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก
เมื่อจบสัจธรรม พ่อลูกทั้งสองตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า พ่อลูกในครั้งนั้นได้เป็นพ่อลูกในบัดนี้ ส่วนดาบสคือเราตถาคตนี้แล
จบ อุปสาฬหชาดก http://board.agalico.com/showthread.php?t=27286







<!-- / message -->