PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ขันธปริตตชาดกว่าด้วยพระปริตต์ป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ



*8q*
02-23-2009, 02:58 PM
ว่าด้วยพระปริตต์ป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ได้ยินว่า เมื่อภิกษุนั้นกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ประตูเรือนไฟ งูตัวหนึ่งเลื้อยออกจากระหว่างไม้ผุ ได้กัดเข้าที่นิ้วเท้า ภิกษุนั้นมรณภาพในที่นั้นทันที เรื่องที่ภิกษุนั้นมรณภาพได้ปรากฏไปทั่ววัด ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ได้ยินว่าภิกษุรูปโน้นกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ประตูเรือนไฟ ถูกงูกัดถึงแก่มรณภาพ ณ ที่นั้นเอง พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายพวกภิกษุรูปนั้นจักได้เจริญเมตตาแผ่ถึงตระกูลพญางูทั้งสี่แล้วงูก็จะไม่กัดภิกษุนั้น แม้ดาบสทั้งหลายซึ่งเป็นบัณฑิตแต่ปางก่อนเมื่อพระพุทธเจ้ายังมิได้อุบัติ ก็ได้เจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง ๔ ปลอดจากภัยอันจะเกิดเพราะอาศัยตระกูลพญางูเหล่านั้น แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสีครั้นเจริญวัย สละกามสุข ออกบวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด สร้างอาศรมบทอยู่ที่คุ้งแม่น้ำแห่งหนึ่งในหิมวันตประเทศ เพลิดเพลินในฌาน เป็นครูประจำคณะ มีหมู่ฤๅษีแวดล้อมอยู่อย่างสงบ
ครั้นนั้นที่ฝั่งคงคา มีงูนานาชนิดทำอันตรายแก่พวกฤๅษี พวกฤๅษีโดยมากได้ถึงแก่กรรม ดาบสทั้งหลายจึงบอกเรื่องนั้นแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เรียกประชุมดาบสทั้งหมด แล้วกล่าวว่า หากพวกท่านเจริญเมตตาในตระกูลงูทั้ง ๔ งูทั้งหลายก็จะไม่กัดพวกเธอ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป พวกเธอจงเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง ๔ แล้วจึงตรัสคาถานี้ว่า :
ขอไมตรีจิตของเราจึงมีกับตระกูลพญางู ชื่อว่า วิรูปักขะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูชื่อว่า เอราปถะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูชื่อว่า ฉัพยาปุตตะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูชื่อว่า กัณหาโคตมกะ
พระโพธิสัตว์ครั้งแสดงตระกูลพญางูทั้ง ๔ อย่างนี้แล้วจึงกล่าวว่า หากพวกท่านจักสามารถเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง ๔ นั้น งูทั้งหลายก็จักไม่กัดไม่เบียดเบียนพวกท่าน แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ที่ไม่มีเท้า
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สองเท้า
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สี่เท้า
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สี่เท้า
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์มีเท้ามาก
พระโพธิสัตว์ครั้นแสดงเมตตาภาวนาโดยสรุปอย่างนี้แล้วบัดนี้เมื่อจะแสดงด้วยการขอร้องจึงกล่าวคาถานี้ว่า :
ขอสัตว์ที่ไม่มีเท้า สัตว์ที่มี ๒ เท้า สัตว์ที่มี๔ เท้า
สัตว์ที่มีเท้ามาก อย่าได้เบียดเบียนเราเลย
บัดนี้เมื่อจะแสดงการเจริญเมตตาโดยไม่เจาะจง จึงกล่าวคาถานี้ว่า :
ขอสัตว์ผู้ข้องอยู่ สัตว์ผู้มีลมปราณ สัตว์ผู้เกิดหมดแล้วทั้งสิ้นด้วยกัน
จงประสบพบแต่ความเจริญทั่วกัน ความทุกข์อันชั่วช้า
อย่าได้มาถึงสัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งเลย
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พวกท่านจงเจริญเมตตาไม่เฉพาะเจาะจงในสรรพสัตว์อย่างนี้ เพื่อให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอีก จึงกล่าวว่า :
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณหาประมาณมิได้
บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ แมลงมุม
ตุ๊กแก และหนู เป็นสัตว์ประมาณได้
พระโพธิสัตว์แสดงว่า เพราะธรรมทั้งหลายอันทำประมาณมีราคะภายในของสัตว์เหล่านั้นยังมีอยู่ ฉะนั้นสัตว์เลื้อยคลานเหล่านั้น จึงชื่อว่ามีประมาณ แล้วกล่าวว่าท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอย่างนี้ว่า ด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัยอันหาประมาณมิได้ ขอสัตว์ทั้งหลายอันมีประมาณเหล่านี้ จงทำการปกป้องรักษาพวกเราทั้งกลางคืนกลางวันเถิด เพื่อแสดงกรรมที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :
เราได้ทำการรักษาตัวแล้ว ป้องกันตัวแล้ว
ขอสัตว์ทั้งหลาย จงพากันหลีกไป
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ พระองค์
พระโพธิสัตว์ผูกพระปริตรนี้ให้แก่คณะฤๅษี ก็พระปริตรนี้ พึงทราบว่าท่านกล่าวไว้ในชาดกนี้ด้วยคาถาทั้งหลายตอนต้นเพราะแสดงเมตตาในตระกูลพญานาคทั้งสี่ หรือเพราะแสดงเมตตาภาวนาทั้งสอง คือ โดยเจาะจงและไม่เจาะจง ควรค้นคว้าหาเหตุอื่นต่อไป
ตั้งแต่นั้นมาคณะฤๅษีตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์เจริญเมตตารำลึกถึงพระพุทธคุณ เมื่อฤๅษีรำลึกถึงพระพุทธคุณอยู่อย่างนี้ บรรดางูทั้งหลายทั้งหมดต่างก็หลีกไป แม้พระโพธิสัตว์ก็เจริญพรหมวิหาร มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า คณะฤๅษีในครั้งนั้นได้เป็นพุทธบริษัทในครั้งนี้ ส่วนครูประจำคณะ คือเราตถาคตนี้แล
จบ ขันธปริตตชาดก



http://board.agalico.com/showthread.php?t=27366<!-- / message -->