*8q*
02-26-2009, 08:11 PM
http://upload.dhammakid.com/f.php/e0b9be6f1ca54939.jpg
ใน ช่วงเวลาที่ประเทศสยามกำลังวุ่นวายปั่นป่วนสุดขีดขณะนี้ มีเรื่องราวหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับทราบ เรื่องราวที่บอกเล่าถึงชีวิตหลังความตาย...เรื่องราวที่ข้าพเจ้าถึงกับ ตระหนักรู้อย่างชัดแจ้งในจิต และถึงกับหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด หวาดกลัวแทนผู้คนทั้งหลายที่กำลังวิ่งวุ่น ไปตามความโลภ ความโกรธ ความหลง และทำบาปกันอย่างไม่กลัวเวรกลัวกรรมขณะนี้
ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธที่ แปลกๆ เริ่มแรกข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธตามใบทะเบียนบ้าน ตอนเด็กๆ ไปวัดสวดมนต์ตามคุณยาย ยายของข้าพเจ้าชอบทำบุญและเชื่อเรื่องเวรกรรม เชื่อเรื่องนรกและสวรรค์ เชื่อเรื่องเปรต แต่สำหรับข้าพเจ้าเติบโตมาจากโลกวิทยาศาสตร์ เชื่อเรื่องโลกกลม และมีแรงดึงดูดของโลกที่ทำให้คนทั้งหลายยืนอยู่บนโลกกลมๆใบนี้ได้ โดยที่ไม่ได้ร่วงหล่นออกไปยังอวกาศ
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าอ่าน หนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ หนังสือบอกว่าโลกกลม และลอยอยู่กลางอวกาศ ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดตามทันทีว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนที่อยู่แถวขั้วโลกใต้ก็ต้องยืนกลับหัวกับเรา แล้วเขาจะต้องหล่นไปจากโลกด้วย แต่วิทยาศาสตร์อธิบายว่า มีแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดเราไว้ นั่นคือเรื่องราวของกฏแรงโน้มถ่วงของนิวตัน กับเรื่องราวที่เขาค้นพบเรื่องนี้ ขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอบเปิ้ล และเห็นลูกแอบเปิ้ลตกลงมา นักวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายเรื่องราวต่างๆ นี้ได้ แถมมีการทดลองพิสูจน์ยืนยันให้เราได้เห็นด้วย
.
พอมากล่าวถึงเรื่อง เทวดา เรื่องเปรต ข้าพเจ้ายากที่จะเชื่อได้เพราะไม่มีอะไรมาพิสูจน์ยืนยันว่าภพภูมิที่กล่าว ถึงนั้นมีจริง เพราะไม่มีเปรตหรือเทวดามาให้เราเห็นและพิสูจน์ทดลอง กลายเป็นว่า เรื่องของมนุษย์ต่างดาวดูจะน่าสนใจกว่า เพราะอย่างน้อยก็มีเรื่องเล่า มีรูปถ่ายจานบินแบบประหลาดๆ ให้เราได้คิดได้สงสัย การมีหลักฐานที่เป็นวัตถุพยานทางวิทยาศาสตร์ แบบที่ตาเนื้อเราเห็นได้ชัดๆ และมือของเราสัมผัสได้ แบบที่อายตานะของเรารับรู้ได้จริงๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า แต่ถ้าใครสักคนมาบอกว่าเห็นเปรต ข้าพเจ้าก็จะสงสัยก่อนว่า ตาฝาดรึเปล่า ? คิดไปเองมั๊ง?
ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธแบบไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ กัลยาณมิตรของข้าพเจ้าหลายท่าน ต่างมีศรัทธาสูง แน่นอนพวกเขาเชื่อเรื่องชาติภพ การกลับชาติมาเกิด การมีเทวดา การมีเปรต และ พวกเขาเชื่อเรื่องเวรกรรมด้วย ถามว่าข้าพเจ้าเชื่อเรื่องนี้หรือไม่แน่นอนว่าข้าพเจ้าเชื่อเรื่องเวรกรรม แต่เรื่องชาติภพ และการเวียนว่าตายเกิด ชาตินี้ชาติหน้า ข้าพเจ้าเพียงแต่กล่าวว่า มีความเป็นไปได้
http://upload.dhammakid.com/f.php/5dc086f544cb039a.jpg
หลัง จากเข้าสู่หนทางแห่งการปฎิบัติธรรม ได้เรียนรู้เรื่องราวทางอภิธรรมมาบ้างประปราย ข้าพเจ้าทึ่งที่ในคำสอนของพระพุทธองค์มีคำกล่าวถึงการกำเนิดของโลกและ จักรวาล และมีกล่าวถึง 31 ภพภูมิด้วย ทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจปฎิเสธได้ว่า 31 ภพภูมิ นั้นไม่มีจริง อย่างไรก็ดีข้าพเจ้าไม่ได้สนใจมากมายนัก การมีหรือไม่มีไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพิสูจน์ยืนยัน การรู้ว่ามีหรือไม่มีไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นความทุกข์ เพราะพุทธองค์ให้เราสนใจใบไม้ที่อยู่ในหนึ่งกำมือเดียวที่พระองค์เน้นย้ำ มากกว่า สิ่งนอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องของอจินไตย เราไม่ควรจะสนใจ และไม่ใช่วิสัยของเราที่จะรู้ได้ เพราะมันไม่สามารถรับรู้ได้ในวิสัยตาเนื้อของเรา ไม่อาจเข้าใจได้ในวิสัยคนธรรรมดาแบบโลกๆอย่างเรา
.
มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าสนใจก็คือ การกำเนิดของโลกและจักรวาลท่านว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ อจินไตยเช่นกันแต่นักวิทยาศาสตร์ก็สนใจอย่างมาก การเกิดบิ๊กแบงในครั้งนั้นที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงและอธิบายมันน่าทึ่งมากแต่มันอธิบายได้เพียงการเกิดขึ้นของวัตถุธาตุเท่านั้นบอกถึงการเกิดของดวงดาวต่างๆแต่บอกไม่ได้ชัดเจนถึงการเกิดของชีวิตต่างๆบนโลก การเกิดของจิตวิญญาน ...
http://upload.dhammakid.com/f.php/32445fc2a8a74c05.jpg
หลังเข้าสู่หนทางแห่งการปฎิบัติธรรมข้าพเจ้าก็ยังสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และก็ยังวนเวียนหาความรู้ว่า การเกิดของโลกนี้ จักรวาลนี้เป็นมาอย่างไรแต่อาจจะยุ่งยากไปอีกว่า การกำเนิดของจิตวิญญานมาอย่างไรเพราะในทางบิ๊กแบงไม่ได้อธิบายไว้ เพราะในทางพุทธศาสนามนุษย์เรานั้นประกอบด้วยกายกับจิต กายนั้นเราพอจะทราบที่มาแต่จิตเรานั้นมาจากไหนกัน ก่อนที่จะมีเราก่อนที่กายกับจิตเรามารวมกันในครรภ์มารดา จิตเรานั้นมาจากไหนเราเป็นใครมาก่อน เราคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรืออย่างไร มาแล้วก็ไปถ้าเราคิดว่าเรามาด้วยความบังเอิญ เมื่อพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน มีเราขึ้นกายเรามาจากพ่อและแม่อย่างละครึ่ง แล้วจิตเรามาจากไหนจิตเราคือจิตใหม่ที่เป็นผลิตผลมาจากการทำงานของสมองใหม่ๆในร่างกายนี้ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น เราก็มีชาตินี้ชาติเดียวอย่างแน่นอนพอกายเสื่อม สมองเสื่อมเราก็จากไป นั่นคือเรามาจากสิ่งไม่มีอะไรมาโดยบังเอิญ จากนั้นก็จากไปสู่ความไม่มีอะไร จบแล้วจบเลย ตายแล้วตายเลยนั่นคือข้อสรุปของคนรุ่นใหม่ที่ชัดเจนมากและอาจจะเป็นความคิดของนักวิทยาศาสตร์หลายๆท่านด้วย พวกเขาต่างคิดว่าชาตินี้ชาติเดียว และคนบางคนถึงขั้นคิดว่า ถ้าชาตินี้ชีวิตนี้มันทุกข์นักก็ฆ่าตัวตายเสีย จบชีวิตลงเสีย เมื่อจบชีวิตลงเราก็จะพ้นทุกข์จบแล้วจบเลยเช่นกัน แล้วเรื่องเวรกรรมล่ะ ?
<!-- / message --><!-- sig -->
ใน ช่วงเวลาที่ประเทศสยามกำลังวุ่นวายปั่นป่วนสุดขีดขณะนี้ มีเรื่องราวหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับทราบ เรื่องราวที่บอกเล่าถึงชีวิตหลังความตาย...เรื่องราวที่ข้าพเจ้าถึงกับ ตระหนักรู้อย่างชัดแจ้งในจิต และถึงกับหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด หวาดกลัวแทนผู้คนทั้งหลายที่กำลังวิ่งวุ่น ไปตามความโลภ ความโกรธ ความหลง และทำบาปกันอย่างไม่กลัวเวรกลัวกรรมขณะนี้
ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธที่ แปลกๆ เริ่มแรกข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธตามใบทะเบียนบ้าน ตอนเด็กๆ ไปวัดสวดมนต์ตามคุณยาย ยายของข้าพเจ้าชอบทำบุญและเชื่อเรื่องเวรกรรม เชื่อเรื่องนรกและสวรรค์ เชื่อเรื่องเปรต แต่สำหรับข้าพเจ้าเติบโตมาจากโลกวิทยาศาสตร์ เชื่อเรื่องโลกกลม และมีแรงดึงดูดของโลกที่ทำให้คนทั้งหลายยืนอยู่บนโลกกลมๆใบนี้ได้ โดยที่ไม่ได้ร่วงหล่นออกไปยังอวกาศ
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าอ่าน หนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ หนังสือบอกว่าโลกกลม และลอยอยู่กลางอวกาศ ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดตามทันทีว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนที่อยู่แถวขั้วโลกใต้ก็ต้องยืนกลับหัวกับเรา แล้วเขาจะต้องหล่นไปจากโลกด้วย แต่วิทยาศาสตร์อธิบายว่า มีแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดเราไว้ นั่นคือเรื่องราวของกฏแรงโน้มถ่วงของนิวตัน กับเรื่องราวที่เขาค้นพบเรื่องนี้ ขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอบเปิ้ล และเห็นลูกแอบเปิ้ลตกลงมา นักวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายเรื่องราวต่างๆ นี้ได้ แถมมีการทดลองพิสูจน์ยืนยันให้เราได้เห็นด้วย
.
พอมากล่าวถึงเรื่อง เทวดา เรื่องเปรต ข้าพเจ้ายากที่จะเชื่อได้เพราะไม่มีอะไรมาพิสูจน์ยืนยันว่าภพภูมิที่กล่าว ถึงนั้นมีจริง เพราะไม่มีเปรตหรือเทวดามาให้เราเห็นและพิสูจน์ทดลอง กลายเป็นว่า เรื่องของมนุษย์ต่างดาวดูจะน่าสนใจกว่า เพราะอย่างน้อยก็มีเรื่องเล่า มีรูปถ่ายจานบินแบบประหลาดๆ ให้เราได้คิดได้สงสัย การมีหลักฐานที่เป็นวัตถุพยานทางวิทยาศาสตร์ แบบที่ตาเนื้อเราเห็นได้ชัดๆ และมือของเราสัมผัสได้ แบบที่อายตานะของเรารับรู้ได้จริงๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า แต่ถ้าใครสักคนมาบอกว่าเห็นเปรต ข้าพเจ้าก็จะสงสัยก่อนว่า ตาฝาดรึเปล่า ? คิดไปเองมั๊ง?
ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธแบบไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ กัลยาณมิตรของข้าพเจ้าหลายท่าน ต่างมีศรัทธาสูง แน่นอนพวกเขาเชื่อเรื่องชาติภพ การกลับชาติมาเกิด การมีเทวดา การมีเปรต และ พวกเขาเชื่อเรื่องเวรกรรมด้วย ถามว่าข้าพเจ้าเชื่อเรื่องนี้หรือไม่แน่นอนว่าข้าพเจ้าเชื่อเรื่องเวรกรรม แต่เรื่องชาติภพ และการเวียนว่าตายเกิด ชาตินี้ชาติหน้า ข้าพเจ้าเพียงแต่กล่าวว่า มีความเป็นไปได้
http://upload.dhammakid.com/f.php/5dc086f544cb039a.jpg
หลัง จากเข้าสู่หนทางแห่งการปฎิบัติธรรม ได้เรียนรู้เรื่องราวทางอภิธรรมมาบ้างประปราย ข้าพเจ้าทึ่งที่ในคำสอนของพระพุทธองค์มีคำกล่าวถึงการกำเนิดของโลกและ จักรวาล และมีกล่าวถึง 31 ภพภูมิด้วย ทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจปฎิเสธได้ว่า 31 ภพภูมิ นั้นไม่มีจริง อย่างไรก็ดีข้าพเจ้าไม่ได้สนใจมากมายนัก การมีหรือไม่มีไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพิสูจน์ยืนยัน การรู้ว่ามีหรือไม่มีไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นความทุกข์ เพราะพุทธองค์ให้เราสนใจใบไม้ที่อยู่ในหนึ่งกำมือเดียวที่พระองค์เน้นย้ำ มากกว่า สิ่งนอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องของอจินไตย เราไม่ควรจะสนใจ และไม่ใช่วิสัยของเราที่จะรู้ได้ เพราะมันไม่สามารถรับรู้ได้ในวิสัยตาเนื้อของเรา ไม่อาจเข้าใจได้ในวิสัยคนธรรรมดาแบบโลกๆอย่างเรา
.
มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าสนใจก็คือ การกำเนิดของโลกและจักรวาลท่านว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ อจินไตยเช่นกันแต่นักวิทยาศาสตร์ก็สนใจอย่างมาก การเกิดบิ๊กแบงในครั้งนั้นที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงและอธิบายมันน่าทึ่งมากแต่มันอธิบายได้เพียงการเกิดขึ้นของวัตถุธาตุเท่านั้นบอกถึงการเกิดของดวงดาวต่างๆแต่บอกไม่ได้ชัดเจนถึงการเกิดของชีวิตต่างๆบนโลก การเกิดของจิตวิญญาน ...
http://upload.dhammakid.com/f.php/32445fc2a8a74c05.jpg
หลังเข้าสู่หนทางแห่งการปฎิบัติธรรมข้าพเจ้าก็ยังสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และก็ยังวนเวียนหาความรู้ว่า การเกิดของโลกนี้ จักรวาลนี้เป็นมาอย่างไรแต่อาจจะยุ่งยากไปอีกว่า การกำเนิดของจิตวิญญานมาอย่างไรเพราะในทางบิ๊กแบงไม่ได้อธิบายไว้ เพราะในทางพุทธศาสนามนุษย์เรานั้นประกอบด้วยกายกับจิต กายนั้นเราพอจะทราบที่มาแต่จิตเรานั้นมาจากไหนกัน ก่อนที่จะมีเราก่อนที่กายกับจิตเรามารวมกันในครรภ์มารดา จิตเรานั้นมาจากไหนเราเป็นใครมาก่อน เราคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรืออย่างไร มาแล้วก็ไปถ้าเราคิดว่าเรามาด้วยความบังเอิญ เมื่อพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน มีเราขึ้นกายเรามาจากพ่อและแม่อย่างละครึ่ง แล้วจิตเรามาจากไหนจิตเราคือจิตใหม่ที่เป็นผลิตผลมาจากการทำงานของสมองใหม่ๆในร่างกายนี้ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น เราก็มีชาตินี้ชาติเดียวอย่างแน่นอนพอกายเสื่อม สมองเสื่อมเราก็จากไป นั่นคือเรามาจากสิ่งไม่มีอะไรมาโดยบังเอิญ จากนั้นก็จากไปสู่ความไม่มีอะไร จบแล้วจบเลย ตายแล้วตายเลยนั่นคือข้อสรุปของคนรุ่นใหม่ที่ชัดเจนมากและอาจจะเป็นความคิดของนักวิทยาศาสตร์หลายๆท่านด้วย พวกเขาต่างคิดว่าชาตินี้ชาติเดียว และคนบางคนถึงขั้นคิดว่า ถ้าชาตินี้ชีวิตนี้มันทุกข์นักก็ฆ่าตัวตายเสีย จบชีวิตลงเสีย เมื่อจบชีวิตลงเราก็จะพ้นทุกข์จบแล้วจบเลยเช่นกัน แล้วเรื่องเวรกรรมล่ะ ?
<!-- / message --><!-- sig -->