PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : หมอแฉน้ำอัดลมชนิดน้ำตาล 0% ดื่มแล้วเตี้ย



DAO
02-27-2009, 01:10 PM
หมอแฉน้ำอัดลมชนิดน้ำตาล 0% ดื่มแล้วเตี้ย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2550 17:02 น.



หมอแฉ “น้ำอัดลม” ทุกชนิดสุดอันตราย ทำให้ “อ้วน-ผอม ฟันผุ จนเตี้ย กระดูกสึก” ส่วนชนิดน้ำตาล 0% เสี่ยงโรคไม่แพ้กัน เพราะอัดแก๊สทำท้องอืด ดื่มแล้วเตี้ย ไม่ช่วยลดความอ้วนแต่ทำให้ขาดสารอาหาร พร้อมเผยผลสำรวจโรงเรียนที่มีน้ำอัดลมขาย เด็กดื่มมากกว่าโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม 7.3 แนะเด็กควรดื่มน้ำหวานที่มีส่วนผสมน้ำตาล ไม่เกิน 5% แถมเตือนระวังขนมเยลลี่ นมเปรี้ยว นมรสหวานน้ำตาลสูงปรี๊ด


วันนี้ (10 ก.ค.) ที่โรงเรียนวิชูทิศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน จัดงาน “แต้มสีสันโรงเรียนอ่อนหวาน 7 วัน 7 สี ไม่มีน้ำอัดลม” โดย นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ในฐานะโฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า น้ำอัดลมคือบ่อเกิดของโรคหลายชนิด อาทิ โรคอ้วน โรคผอม โรคฟันผุ กระดูกกร่อน โดยในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 10-14 ช้อนชา ทำให้ทุกกระป๋องเพิ่มโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ 1-2% ประกอบกับเด็กในปัจจุบันมักไม่ค่อยออกกำลังกายแต่ติดเกม โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ยิ่งทำให้มีไขมันสะสมและเป็นโรคอ้วนได้ง่าย

นพ.สุริยเดว กล่าวต่อว่า ส่วนน้ำอัดลมที่โฆษณาว่ามีน้ำตาล 0% ยิ่งเป็นโทษต่อร่างกาย ทำให้เป็นโรคผอม เพราะขาดสารอาหาร เนื่องจากเครื่องดื่มที่ไม่มีสารอาหารใดๆ มีแต่แก๊ส เมื่อดื่มเข้าไปจะลดความหิว ท้องอืด ไม่อยากอาหาร ส่วนคนอ้วนที่คิดว่าดื่มน้ำอัดลมประเภทนี้ จะลดความอ้วนได้ เป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากหากดื่มน้ำอัดลมชนิดนี้คนอ้วนจะกลายเป็นคนอ้วนเตี้ยขาดสารอาหาร เพราะกรดคาบอนิคในน้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกจากร่างกาย โดยเฉพาะวัยรุ่น 9-14 ปี ต้องการแคลเซียมเพื่อสร้างความเติบโตมากที่สุด ถ้าดื่มน้ำอัดลมมาก จะขับแคลเซียมออกจากร่างกายจนหมด จึงสูงไม่เต็มที่ และเกิดภาวะพร่องแคลเซียม เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ จะเป็นโรคกระดูกคดงอ สึกกร่อนเร็ว

“น้ำอัดลมที่โฆษณาว่า มีน้ำตาล 0% ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เครื่องดื่มเหล่านี้อาจไม่เห็นผลในระยะสั้นแต่จะมีผลในระยะยาว โดยเด็กที่มีปัญหาด้วยโรคอ้วนส่วนมาก เมื่อสอบประวัติ พฤติกรรมการกิน ก็พบว่า ชอบดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก และไม่ดื่มนม หรือเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ โทษของการกินน้ำอัดลม ทำให้อ้วนผอม ฝันผุ จนเตี้ย กระดูกสึก การดื่มน้ำอัดลมเป็นเพียงการตอบสนองความสุขในการบริโภคเท่านั้น แม้แต่ความเชื่อที่ว่าน้ำอัดลมช่วยชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียจากการออกกำลังกาย แท้จริงแล้วกลับไม่ได้เกลือแร่ใดๆ เลย เพราะในน้ำอัดลมมีเกลือแร่น้อยมาก ดังนั้น หากต้องการความสดชื่น นอกจากน้ำเปล่าที่ถือว่ามีประโยชน์ที่สุดแล้ว น้ำผลไม้ที่ทุกๆ 100 ซีซี มีน้ำตาลไม่เกิน 5% ก็สามารถเลือกดื่มได้”นพ.สุริยเดว กล่าว

นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า ขณะนี้เด็กที่เข้ารักษาเพราะน้ำหนักตัวเกิน หายใจไม่ออก นอนไม่ได้ ไปโรงเรียนไม่ได้ มากกว่าเดิม 2-3 เท่า จากพฤติกรรมชอบกินหวาน อาหารมัน เค็ม ไม่ออกกำลังกาย ซึ่งการรักษาต้องใช้เวลานาน เพราะต้องปรับพฤติกรรม และใช้หมอเฉพาะทาง 4-5 คน ช่วยกันดูแล สิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาลมาก ดังนั้น เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานจึงเห็นว่า โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ควรพิจารณาขยายนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม เพื่อคุ้มครองสุขภาพของเด็กๆ

ด้าน ผศ.ทพญ.ปิยะนารถ จาติเกตุ นักวิชาการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า จากการสำรวจการบริโภคเครื่องดื่มของนักเรียน จากกลุ่มตัวอย่าง 9,300 คน ในโรงเรียน 14 จังหวัด แบ่งเป็นนักเรียน 8,400 คน ผู้ปกครอง 700 คน ครู 273 คน น่าตกใจที่พบนักเรียนในโรงเรียนที่ขายน้ำอัดลม ดื่มน้ำอัดลมบ่อยกว่านักเรียนโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมถึง 7.3 เท่า ซึ่งนักเรียนมัธยมจะดื่มน้ำอัดลมมากกว่าประถม 3.9 เท่า หญิงดื่มบ่อยกว่าชาย 1.4 เท่า นอกจากน้ำเปล่าแล้วหากเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ ที่มีน้ำอัดลม เด็กจะดื่มน้ำอัดลมมากกว่าเครื่องดื่มอื่น 37.3% ส่วนโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมไม่มีเด็กคนไหนตอบว่าดื่มน้ำอัดลมเลย

“หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการดื่มน้ำอัดลมของนักเรียน ส่วนหนึ่งเกิดจากการขายน้ำอัดลมในโรงเรียน ซึ่งผู้ขายเครื่องดื่มในโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมส่วนใหญ่ คือ สหกรณ์หรือร้านค้าของโรงเรียน 44% ส่วนโรงเรียนที่มีน้ำอัดลม มีทั้งแม่ค้าและสหกรณ์หรือร้านค้าของโรงเรียน 47.2% โดยโรงเรียนปลอดและไม่ปลอดน้ำอัดลมได้รับเงินสนับสนุนจากผู้จำหน่ายเครื่องดื่ม โรงเรียนไม่ปลอดน้ำอัดลมได้ถึง 81.3% โรงเรียนปลอดน้ำอัดลมได้เพียง 59.3% แต่หากโรงเรียนจะเลิกขายน้ำอัดลม มีโรงเรียนเพียง 26.8% ที่บอกว่าจะส่งผลกระทบต่อโรงเรียน” ผศ.ทพ.ปิยะนารถ กล่าว

ขณะที่ นางเสาวนีย์ เสือพันธ์ ผอ.โรงเรียนวิชูทิศ กล่าวว่า นโยบายของโรงเรียนวิชูทิศนอกจากจะไม่จำหน่ายน้ำอัดลมในโรงเรียน ยังไม่อนุญาตให้เด็กนำน้ำอัดลมเข้ามาดื่มในโรงเรียนด้วย ทำให้นักเรียนประมาณ 1,900 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงม.6 ไม่ติดน้ำอัดลม สอดคล้องกับนโยบายของ กทม.ที่รณรงค์ให้โรงเรียนในสังกัดปลอดน้ำอัดลม และโรงเรียนยังมีน้ำทางเลือกเป็นน้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร ที่ควบคุมความหวานจำหน่ายแทน และรณรงค์ให้ดื่มน้ำเปล่าจากตู้น้ำดื่มฟรีด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากงานวิจัย รายงานข้อมูลน้ำตาลในขนมและเครื่องดื่ม ของกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการจำแนกปริมาณน้ำตาลอย่างละเอียด ในหมวดขนมชนิดเยลลี่นิ่ม มีส่วนผสมคาราจีแนนหรือเจลาติน ที่มีการโฆษณาว่าสามารถกินแล้วไม่อ้วนได้นั้น พบว่า เจเล่ไลท์ มีปริมาณน้ำตาลถึง 12.75 ช้อนชา ไดนาแฟนซี มีปริมาณน้ำตาล 15 ช้อนชา

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในหมวดของนมเปรี้ยว ขนาด 450 มิลลิลิตร ยี่ห้อ เมจิ ไพเกน มีปริมาณน้ำตาล 14.63 ช้อนชา บีทาเก้น รสนมสด 12.95 ช้อนชา, บีทาเก้น รสส้ม 12.93 ช้อนชา, เมจิ ไขมันต่ำ รสผลไม้รวม รสสตรอเบอรี่ รสส้ม ดัชมิลล์ รสส้ม รสสตรอเบอรี่ รสบลูเบอรี่ รสสับปะรด ชนิดละ 9 ช้อนชา ส่วนนมเปรี้ยวขนาด 180 มิลลิลิตร ยี่ห้อ คันทรีเฟรชรสบลูเบอรี่ มีปริมาณน้ำตาล 5.18 ช้อนชา ยี่ห้อไอวี่ รสส้ม ไฮแคลเซียมรสธรรมชาติ รสสตรอเบอรรี่ รสบลูเบอรี่ มีน้ำตาล 4.95 ช้อนชา

ทั้งนี้ งานวิจัยยังพบว่า นมรสหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลมาก เช่น ไมโล เนสท์เล่ ขนาด 450 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 8.77 ช้อนชา นมหมีแอดวานซ์ รสช็อคโกแลต 6 พลัส ปริมาณ 200 มิลลิลิตร 8.4 ช้อนชา นมถั่วเหลือง ไวตามิ้ลค์ ชนิดขวด มีปริมาณน้ำตาล 6 ช้อนชา แลคตาซอย เอ็กซ์ตร้า 300 ยูเอสที และแลคตาซอย เอ็กซ์ตร้า และชนิดขวด 5.25 ช้อนชา ยูเอสที ไวตามิลค์ ขนาด 250 มิลลิลิตร 5 ช้อนชา และในส่วนของโยเกิร์ต พบว่า เมจิ รสวุ้นมะพร้าว ปริมาณ 150 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 9.28 ช้อนชา เมจิ รสธัญญาหาร ขนาด 150 มิลลิลิตร มี 8.5 ช้อนชา ขณะที่น้ำอัดลมกลุ่มน้ำดำ ขนาด 325 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 8-8.5 ช้อนชาเท่ากัน



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sayings&month=07-2007&date=20&group=1&gblog=9

terryh
03-07-2009, 10:59 PM
ลองรู้จักน้ำอัดลม กันหน่อย แน่นอนน้ำอัดลมรสชาติอันยอดเยี่ยม ในหลายๆทัวร์นาเม้นของการแข่งขัน มีนักกีฬาว่าย
น้ำของบ้านเราไม่ว่า รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่หลายคน มักจะซดน้ำอัดลมหลังจากขึ้นจากสระว่ายน้ำมา เพราะคิดว่าจะทำให้สดชื่นและผู้ปกครองหลายๆท่านยังเข้าใจว่า การทานน้ำอัดลมจะไปช่วยเติมน้ำตาลให้เด็กมีพลังงานก่อนการแข่งขัน ลองกลับมาดูบทความนี้หน่อยใหมครับก่อนที่จะให้เด็กทานน้ำอัดลม


ท่านทราบไหมว่า

มีการใช้คุณสมบัติของน้ำอัดลม

1. ตำรวจทางหลวงของอเมริกาจะบรรทุกน้ำอัดลมในประเภทน้ำดำไว้ 2 แกลลอน ในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีอุบัติเหตุรถชนกันสามารถเอา น้ำอัดลม ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา ( อันนี้ไม่แนะนำให้บอกคนที่เป็นอาชญากรนะ เพราะหลักฐานจะหายเกลี้ยงเลย )


2. มีการทดลองเอาเนื้อสเต๊ก ชนิดT-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำอัดลมเต็ม จะพบว่าเนื้อสเต๊ก จะถูกละลายไปหมดใน 2 วัน (หมายถึงไม่อยู่ในสภาพการเป็นเนื้อเลย )
3. รินน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดอะซิตริกในน้ำอัดลม

จะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
4. ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมียมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบน้ำอัดลม ขัดสนิมจะออกหมด
5. ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำน้ำอัดลม ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
7. ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
8. ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทน้ำอัดลม 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำอัดลมในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
9. การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซักปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
10 ท่านสามารถผสมน้ำอัดลม ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริก แอซิกในน้ำอัดลม จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
11. น้ำอัดลมมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
12.เวลาขนย้ายน้ำอัดลมเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถบรรทุก จะต้องติดป้ายไว้ว่า “มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้

เป็นอันตราย”

13. บริษัทขายน้ำอัดลม ใช้น้ำน้ำอัดลมทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรบรรทุก มานานประมาณ 20 ปีแล้ว


ส่วนผสมของน้ำอัดลม
ลองอ่านส่วนผสมของน้ำอัดลม จากข้างขวดดู แล้วคุณจะพบว่าหนึ่งในส่วนผสมนั้นคือ

กรดฟอสฟอริก และ เอธีลีน ไกลคอล อีกเล็กน้อย

ที่น่าตกใจก็คือเจ้าสาร เอธีลีนไกลคอล นี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการน้ำอัดลมว่า

เป็นตัวทำให้น้ำอัดลมเย็นจัด และช่วยป้องกันการ แข็งตัวที่อุณหภูมิ 0 องศา

โดยจะทำให้น้ำอัดลมแข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่านั้น คือ –4 หรือ –5 องศา
สารเคมีตัวนี้เป็นสารพิษอย่างอ่อนๆ ที่จัดอยู่ใน กลุ่มของสารหนู

เพราะฉะนั้น ถ้าคุณดื่มน้ำอัดลม 4 ลิตร ภายในเวลาประมาณ 1 ชม. คุณอาจตายได้ (บรื๊วๆๆๆ )เน้น เพียง 4 ลิตร


ลองทายกันดูสิว่า ค่า pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) ของน้ำอัดลมมีค่าเท่าใด คำตอบคือ 3.4!

ความเป็นกรดขนาดนี้สามารถทำให้กระดูกและฟันผุกร่อนได้ (น่าเสียดายที่ว่าร่างกายคนเรา

จะหยุด หมายถึงหยุดสร้างกระดูกที่อายุ 30 เท่านั้นเอง)

เอนไซม์ย่อยอาหารจะทำงานได้ดีที่ระดับอุณหภูมิ 37 องศา แต่อุณหภูมิน้ำอัดลมแช่เย็นจะต่ำกว่านี้มาก

บางครั้งอาจต่ำจนเกือบถึง 0 องศา ซึ่งความเย็นขนาดนี้ทำให้เอนไซม์เจือจาง และระบบย่อยอาหารผิดปกติ อาหารที่เรากินเข้าไปจะไม่ย่อย ซ้ำยังหมักหมม จนเกิดแก๊สและของเสียที่จะกลายเป็นพิษ สารพิษนี้จะถูกดูดซึมไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดโรคต่างๆ นานาตามมา แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกเมื่อเราดื่มน้ำ “อัดลม” ลมนั้นก็คือคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง


น้ำอัดลมไม่ได้ให้สารอาหารใดๆ ที่มีคุณค่าต่อร่างกายเลย ซ้ำยังมีน้ำตาล กรดคาร์บอนิก และ สารเคมีอื่น เช่น สีผสมอาหาร เป็นต้น บางคนชอบดื่มน้ำอัดลมหลังอาหาร โดยที่ไม่รู้ว่าผลกระทบของมันเป็นอย่างไรบ้าง


ตามปกติแล้ว ไม่มีใครแนะนำให้คุณดื่มคาร์บอนไดออกไซด์หรอก เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยเดลลี มีการแข่งขัน “ใครจะดื่มน้ำอัดลมได้มากที่สุด” ผู้ชนะดื่มน้ำไป 8 ขวดรวด แล้วล้มฟุบบนเวทีแข่งขันนั้นเองเนื่องจากว่ามีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงมากเกินไป อธิการบดีจึงสั่งห้ามขายน้ำอัดลมทุกยี่ห้อในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย นี่อาจเป็นตัวอย่างของคน ที่ดื่มมากจนถึงขีดสุด แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คงเป็นอุทธาหรณ์สำหรับคนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้ำอัดลม

จะเป็นอันตรายมากเพียงนี้


มีคนเคยทดลองใส่ฟันลงไปในขวดน้ำอัดลม เชื่อหรือไม่ว่า ภายในเวลาเพียง 10 วัน ฟันนั้น ถูกกัดกร่อนจนละลายไปทั้งๆ ที่ฟันและกระดูกเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายมนุษย์ ถึงแม้ร่างกาย จะเน่าเปื่อยผุพังไป ฟันและกระดูกก็ยังคงสภาพอยู่เป็นปีๆ

แล้วคิดสิว่า ลำไส้และกระเพาะที่อ่อนนุ่มของเราจะถูกกัดกร่อนมากเพียงใด


งานวิจัยทั่วโลกบอกว่า น้ำอัดลมเป็นสาเหตุทำให้เด็กติดหวานและกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคอ้วน

ซึ่งนักกีฬาว่ายน้ำคงไม่อยากมีหุ่น เป็นตุ่ม เวลากระโดดน้ำที คนเรียกกันว่าตุ่มตกน้ำ และหมายถึงความแข็งแรง ทนทาน ความสมดุลของร่างกายที่ใช้ในการแข่งขัน จะถูกรบกวนสมดุลจนเกิดความผิดปกติ ไม่สามารถอยู่ในภาวะสมดุลอย่างยิ่งที่นักกีฬาว่ายน้ำต้องการอย่างแน่นอน



แล้วที่สำคัญ นักกีฬาว่ายน้ำที่สุดยอดนั้น

ต้องการความสมดุลย์ ของระบบของร่างกายเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งหมายถึงการมีความพร้อมของร่างกายในเรื่องการสร้างความทนทานและความเร็วของกล้ามเนื้อ

ซึ่งจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการฝึกซ้อม หมายถึงชัยชนะในสนามแข่ง

และอนาคตของการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ

ก็คงจะพิจารณาเองนะครับว่าจะยังคงที่จะเลือกดื่มน้ำอัดลมอีกต่อไปหรือเปล่าครับ


ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลนี้เถิด ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ใส่ใจในสุขภาพ!!!

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ปกครองจะช่วยกันให้ข้อมูลที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมกันเสียที




จาก ....
http://www.daraswim.com/น้ำอัดลม.htm (http://www.daraswim.com/น้ำอัดลม.htm)