PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สัยหชาดกว่าด้วยการแสวงหาที่ประเสริฐ



*8q*
02-27-2009, 04:56 PM
ว่าด้วยการแสวงหาที่ประเสริฐ

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ ภิกษุผู้กระสันจะสึก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถี เห็น หญิงตกแต่งประดับประดามีรูปร่างงดงามคนหนึ่ง เป็นผู้กระสันอยากสึก ไม่ยินดีในพระศาสนา ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลาย จึงพากันนำภิกษุนั้นมาแสดงแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อภิกษุนั้นถูกพระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันอยากสึกจริงหรือ จึงกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า เมื่อพระศาสดาตรัสว่า ใครทำให้เธอกระสันอยากสึก จึงกราบทูลเนื้อความนั้น พระศาสดาตรัสว่า เธอบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้ เพราะเหตุไรจึงกระสันอยากสึก บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน แม้จะได้ตำแหน่งปุโรหิต ก็ยังปฏิเสธตำแหน่งนั้นแล้วไปบวช ครั้นตรัสแล้วจึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในท้องนางพราหมณีของปุโรหิต คลอดในวันเดียวกันกับพระโอรสของพระราชา พระราชาตรัสถามอำมาตย์ทั้งหลายว่า มีผู้เกิดในวันเดียวกันกับโอรสของเราหรือไม่หนอ ?
อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช มีพระเจ้าข้า คือบุตรของปุโรหิต
พระราชาจึงทรงสั่งเอาบุตรของปุโรหิตนั้นมามอบให้แม่นมทั้งหลาย ให้ประคบประหงมร่วมกันกับพระราชโอรส เครื่องประดับและเครื่องดื่ม เครื่องบริโภคของกุมารแม้ทั้งสอง ได้เป็นเช่นเดียวกันทีเดียว พระราชกุมารและกุมารเหล่านั้นเจริญวัยแล้วไปเมืองตักกศิลา เรียนศิลปะทั้งปวงร่วมกันแล้วกลับมา พระราชาได้พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระโอรส พระโพธิสัตว์ได้มียศยิ่งใหญ่ นับแต่นั้นมา พระโพธิสัตว์กับพระราชโอรสก็กินร่วมกัน ดื่มร่วมกัน นอนร่วมกัน ความวิสาสะคุ้นเคยกันและกันได้มั่นคงแน่นแฟ้น
ในกาลต่อมา เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว พระราชโอรสได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติ ทรงเสวยสมบัติใหญ่ พระโพธิสัตว์คิดว่า สหายของเราได้ครองราชย์ ก็ในขณะที่ทรงกำหนดตำแหน่งนั่นแหละ คงจักพระราชทานตำแหน่งปุโรหิตแก่เรา เราจะประโยชน์อะไรด้วยการครองเรือน เราจักบวชพอกพูนความวิเวก พระโพธิสัตว์นั้นไหว้บิดามารดาให้อนุญาตการบรรพชาแล้วสละสมบัติใหญ่ ออกไปหิมวันตประเทศแต่ผู้เดียวเท่านั้น สร้างบรรณศาลาอยู่ในภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ บวชเป็นฤๅษี ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้วเล่นฌานอยู่
ในกาลนั้น พระราชาหวนระลึกถึงพระโพธิสัตว์นั้นจึงถามว่า สหายของเราไม่ปรากฏ เขาไปไหนเสีย อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลถึงความที่พระโพธิสัตว์นั้นบวช แล้วกราบทูลว่า ได้ยินว่า สหายของพระองค์อยู่ในไพรสณฑ์อันน่ารื่นรมย์ พระราชาตรัสถามตำแหน่งแห่งที่อยู่ของพระโพธิสัตว์นั้นแล้ว ตรัสกะสัยหอำมาตย์ ท่านจงมา จงพาสหายของเรามา เราจักให้ตำแหน่งปุโรหิตแก่สหายของเรานั้น
สัยหอำมาตย์ นั้นรับพระดำรัสแล้วออกจากนครพาราณสี ถึงปัจจันตคามโดยลำดับ แล้วตั้งค่าย ณ บ้านปัจจันตคามนั้น แล้วไปยังสถานที่อยู่ของพระโพธิสัตว์พร้อมกับพวกพรานป่า เห็นพระโพธิสัตว์นั่งอยู่ที่ประตูบรรณศาลา เหมือนรูปทอง จึงไหว้แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง กระทำปฏิสันถารแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พระราชามีพระประสงค์จะพระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่ท่าน ทรงหวังให้ท่านกลับมา
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ตำแหน่งปุโรหิตจงพักไว้ก่อน เราแม้จะได้ราชสมบัติในแคว้นกาสี โกศล และชมพูทวีปทั้งสิ้น หรือเฉพาะสิริแห่งพระเจ้าจักรพรรดิก็ตาม ก็จักไม่ปรารถนา ก็บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่กลับ ถือเอากิเลสทั้งหลาย ซึ่งละแล้วครั้งเดียวอีก เพราะสิ่งที่ละทิ้งไปแล้วครั้งเดียว เป็นเช่น กับก้อนเขฬะที่ถ่มไปแล้ว จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :
[๕๓๘] บัณฑิตไม่พึงปรารถนาพื้นแผ่นดิน มีสัณฐานดุจกุณฑลท่ามกลางสาคร
มีมหาสมุทรล้อมอยู่โดยรอบ พร้อมด้วยการนินทา ดูกรสัยหอำมาตย์
ท่านจงรู้อย่างนี้เถิด
[๕๓๙] ดูกรพราหมณ์ เราติเตียนการได้ยศ การได้ทรัพย์ และความประพฤติ
เลี้ยงชีวิต ด้วยการทำตนให้ตกต่ำ หรือด้วยการประพฤติไม่เป็นธรรม
[๕๔๐] ถึงแม้เราบวชเป็นบรรพชิต ถือภาชนะเที่ยวภิกขาจาร ความประพฤติ
เลี้ยงชีวิตนั้นแหละประเสริฐกว่า การแสวงหาโดยไม่เป็นธรรมจะประเสริฐอะไร
[๕๔๑] ถึงแม้เราออกบวช ถือภาชนะเที่ยวภิกขาจาร ไม่เบียดเบียนผู้อื่นในโลก
นั้น ประเสริฐกว่าราชสมบัติเสียอีก
พระโพธิสัตว์นั้นห้ามปราม สัยหะอำมาตย์ผู้เฝ้าอ้อนวอนให้กลับอยู่อย่างนั้น ฝ่ายสัยหะอำมาตย์ครั้นไม่ได้ความตกลงปลงใจของพระโพธิสัตว์ จึงไหว้พระโพธิสัตว์แล้วไปกราบทูลแก่พระราชาถึงความที่พระโพธิสัตว์นั้นไม่กลับมา
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้ กระสันจะสึก ได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ชนเป็นอันมากแม้อื่นอีกได้ กระทำให้แจ้งโสดาปัตติผลเป็นต้น แล้วประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นพระอานนท์ สัยหะอำมาตย์ในครั้งนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร ส่วนบุตร ของปุโรหิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล
จบ สัยหชาดก



http://board.agalico.com/showthread.php?t=27569

<!-- / message -->