PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน สอนโดยอาจารย์โกเอ็นก้า



peace
03-02-2009, 01:43 PM
ใครที่ยังไม่เคยเข้าอบรมในแนวทาง"อ.โกเอ็นก้า" ลองเข้าไปอ่านดูก่อนนะครับ จะได้ทราบว่าต้องสมัครอย่างไร และเขาปฏิบัติกันอย่างไร
อยากให้ทุกๆคนได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสบรรยากาศธรรมะนี้ครับ บริสุทธิ์จริงๆ

ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข มีความสงบ จงหลุดพ้นเถิด

www.thai.dhamma.org (http://www.thai.dhamma.org)
www.dhamma.org (http://www.dhamma.org)

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้เข้าอบรม

http://www.watkoh.com/kratoo/forum_posts.asp?TID=3662 (http://www.watkoh.com/kratoo/forum_posts.asp?TID=3662)

peace
03-06-2009, 12:06 PM
ตารางการอบรมหลักสูตร “อานาปานสติสำหรับเด็ก” 2552
ศูนย์ฯธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่น 15 มีนาคม 086-7135617, 084-7966069
มูลนิธิไทยยานยนต์ กรุงเทพ 4 เมษายน 02-2168888 ต่อ 6001, 6002, 6009
ศูนย์ฯธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่น 6 เมษายน 086-7135617, 084-7966069
ศูนย์ฯธรรมอาภา จ.พิษณุโลก 26 เมษายน 081-6055576, 087-1352128

peace
03-06-2009, 12:51 PM
อยากจะเขียนถึงหนังเรื่องนึง ที่ยังไม่เข้าฉายที่ไทย และก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเอามาฉายหรือเปล่า หนังเรื่องนั้นก็คือเรื่อง The Dhamma Brothers ในหนังเรื่องนี้จะเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับ การนำนักโทษในคุก Donaldson ที่ Alabama อเมริกา มาฝึกวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า เป็นเวลา 10 วัน

หลังจากผ่านคอร์สวิปัสสนานี้แล้ว นักโทษก็มีการเปลี่ยนแปลงในด้านอารมณ์ สามารถควบคุมอารมณ์โมโหได้ดีกว่าเดิม

หนังยืนพื้นจากความจริงที่ว่า ที่คุกนี้มีการจัดโปรแกรมวิปัสสนาครั้งแรกในเดือนมกราคมปี 2002 และอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน แต่หลังจากการจัดการอบรมวิปัสสนาครั้งที่สอง โปรแกรมนี้ก็ถูกระงับไปในเดือนกรกฏาคม สาเหตุที่คอร์สนี้ถูกระงับไป...ต้องติดตามชมเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการอนุญาตให้จัดโปรแกรมวิปัสสนานี้ได้อีกครั้งในเดือนธันวาคมปี 2005 และมีเรื่อยๆมา ตั้งแต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่ง prison administration

การถ่ายทำหนังได้เ้ข้าไปถ่ายทำในช่วงการอบรมวิปัสสนาครั้งที่สอง และระงับการถ่ายทำพร้อมๆ กับการที่ระงับคอร์สวิปัสสนาในเรือนจำ และสามารถกลับเข้าไปถ่ายทำได้อีกครั้งเมื่อเรือนจำอนุญาตให้มีโปรแกรมวิปัสสนานี้อีก

ในหนังยังรวมถึงการสัมภาษณ์นักโทษและผู้ที่ทำงานในคุกเกี่ยวกับเรื่องการทำวิปัสสนานี้ด้วย

หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ 3 คนคือ Andrew Kukura, Jenny Phillips, Anne Marie Stein

ผู้กำกับ Philips ยังได้เขียนหนังสือออกตามมาอีกด้วยชื่อว่า Letters from the Dhamma Brothers: Meditation Behind Bars

http://www.dhammabrothers.com/

ตัวอย่างหนัง The Dhamma Brothers
http://www.youtube.com/watch?v=zA8XFEyeMi8 (http://www.youtube.com/watch?v=zA8XFEyeMi8)
http://www.youtube.com/watch?v=E9pwkCSSnZA[/URL]
[URL=http://www.t] (http://www.youtube.com/watch?v=zA8XFEyeMi8)

DAO
03-09-2009, 10:00 AM
http://www.dhammajak.net/board/files/65_1185025159.jpg_688.jpg


ศูนย์วิปัสสนาธรรมธานี
เลขที่ 42/660 หมู่บ้านเค.ซี. การ์เด้นโฮม
ถ.นิมิตใหม่ แขวงสามวาตะวันออก
เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510
โทรศัพท์ 02-993-2711, 08-18436467
โทรสาร 02-993-2700

ศูนย์วิปัสสนาธรรมธานีแห่งนี้ อยู่ในความดูแลของสำนักงานมูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐาน ในพระสังฆราชูปถัมภ์ สอนตามแนวปฏิบัติของ “ท่านอาจารย์สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า” (S.N. Goenka) วิปัสสนาจารย์ชาวอินเดียที่ถือกำเนิดในประเทศพม่า ซึ่งท่านจึงได้ก่อตั้งและเป็นประธานสถาบันวิปัสสนานานาชาติศูนย์แรกชื่อ “ธรรมคีรี” ขึ้นที่เมืองอิกัตปุรี ใกล้ๆ กับเมืองบอมเบย์ รัฐมหาราษฎร์ ประเทศอินเดีย มีการจัดอบรมวิปัสสนาในประเทศต่างๆ กว่า 90 ประเทศทั่วโลก

มีการจัดการอบรมวิปัสสนา (หลักสูตรสติปัฏฐาน) หลักสูตร 10 วัน
สำหรับพระภิกษุ สามเณร และฆาราวาสทั่วไป รวมทั้งเด็กและเยาวชน
เริ่มต้นในเย็นวันแรก และสิ้นสุดในตอนเช้าของวันสุดท้าย ตลอดทั้งปี

คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติ

วิปัสสนาเป็นวิธีการปฏิบัติกรรมฐานที่เก่าแก่ที่สุดวิธีหนึ่งของอินเดีย ซึ่งได้สาบสูญไปจากมนุษยชาติมาเป็นเวลานาน แต่ก็ได้กลับมาค้นพบอีกครั้งโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว วิปัสสนาหมายถึง “การมองดูสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง” อันเป็นกระบวนการในการทำจิตให้บริสุทธิ์โดยการเฝ้าดูตนเอง เราจะเริ่มต้นด้วยการเฝ้าสังเกตดูลมหายใจตามธรรมชาติ เพื่อทำให้จิตมีสมาธิ เมื่อมีสติที่มั่นคง เราก็จะก้าวไปสู่การเฝ้าสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของกายและจิต ซึ่งจะทำให้ได้พบกับสัจธรรมที่เป็นสากลคือ ได้เห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความทุกข์ (ทุกขัง) และความไม่มีตัวตน (อนัตตา) การที่ได้รู้เห็นถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริงเหล่านี้จากประสบการณ์ของท่านเองโดยตรง จึงเป็นวิธีการในการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ธรรมะเป็นเรื่องสากล มีไว้สำหรับแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นสากล มิได้ผูกขาดเฉพาะศาสนาใดศาสนาหนึ่งหรือลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ด้วยเหตุนี้บุคคลทุกคนจึงสามารถจะปฏิบัติได้อย่างเสรี โดยไม่มีข้อขัดแย้งในเรื่องของเชื้อชาติ ชั้นวรรณะ หรือศาสนา ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆ คนโดยทั่วถึงกัน

กฎระเบียบ

พื้นฐานในการปฏิบัติวิปัสสนา คือ ศีล ศีลจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาสมาธิ และกระบวนการทำจิตให้บริสุทธิ์นั้นจะเกิดขึ้นจากปัญญา คือการรู้แจ้งเห็นจริง

ตารางเวลา

04:00 น. ระฆังปลุก
04:30 น. - 06:30 น. นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. - 08:00 น. อาหารเช้า
08:00 น. - 09:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. - 11:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. - 12:00 น. อาหารกลางวัน
12:00 น. - 13:00 น. พักผ่อน
13:00 น. - 14:30 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. - 15:30 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น. - 17:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. - 18:00 น. พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. - 19:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. - 20:15 น. ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. - 21:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. - 2130 น. สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น. พักผ่อน

การเดินทาง

โดยรถประจำทาง : มี 2 เส้นทางคือ

1. ทางลำลูกกา ให้ขึ้นรถโดยสารสายลำลูกกาตรงแยกลำลูกกา (ใกล้สนามกีฬาธูปเตมีย์) ไปลงหน้าตลาดใหญ่ คลอง 7 แล้วต่อรถตู้สายลำลูกกา-มีนบุรี ในตลาด

2. ทางรามอินทรา ให้ขึ้นรถสองแถว หรือรถตู้สายมีนบุรี–ลำลูกกา ที่ตลาดมีนบุรี เมื่อถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว ให้ท่านเดินเข้าไปตรงป้อมยามเพื่อต่อรถสองแถวที่วิ่งภายในหมู่บ้าน โดยบอกให้ไปส่งที่
ศูนย์ฯ

โดยรถส่วนตัว : มี 2 เส้นทางคือ
1. ทางลำลูกกา ตรงที่จะให้ออกจากถนนวิภาวดี จะเห็นป้ายที่เขียนว่า ลำลูกกา-สะพานใหม่ ให้ชิดซ้าย เลี้ยวขึ้นทางที่โค้งมาลงยังถนนพหลโยธิน แล้วเลี้ยวซ้ายทันทีที่ลงเพื่อเข้าสู่ถนนลำลูกกา (ถ้าตรงไปคือไปสะพานใหม่) จากนั้นให้แล่นตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นสัญญาณไฟจราจรอันแรก (จากแยกลำลูกกามาประมาณ 10.6 ก.ม.) พอผ่านถนนวงแหวน ซึ่งมีสัญญาณไฟจราจรอยู่ใกล้ๆ (ที่ระยะประมาณ 11.5 ก.ม.) ไปสักพัก จะเห็นป้ายซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ท อยู่ทางด้านซ้าย (ที่ระยะประมาณ 14.4 ก.ม.) จากนั้นจึงเป็นสัญญาณไฟจราจร ให้ขับต่อไปจนกระทั่งเห็นป้ายบอก นครนายก-มีนบุรี เป็นสามแยกที่มีสัญญาณไฟจราจร จึงค่อยเลี้ยวขวาเข้าถนนนิมิตใหม่ แล้วขับข้ามสะพาน 3 สะพาน ผ่านโรงเรียนสตรีวิทยาทางด้านซ้าย พอลงสะพานที่สี่ ให้ชิดซ้าย ขับมาเรื่อยๆ จะเห็นหมู่บ้าน เค.ซี.การ์เด้นโฮม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้าน (จากหัวถนนนิมิตใหม่ถึงทางเข้าหมู่บ้านประมาณ 6.2 ก.ม.)

2. ทางรามอินทรา ขับตรงมาเรื่อยๆ จนถึงประมาณ ซ.รามอินทรา 127 ซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดงใหญ่ เขียนว่าซ้ายไปฉะเชิงเทรา ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุวินทวงศ์ ตรงไปจนเห็นปั๊มป.ต.ท. แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายที่บอกว่าไปลำลูกกา เพื่อเข้าสู่ถนนนิมิตใหม่ เมื่อแล่นผ่านคลองสาม จะเห็นป้ายหมู่บ้านเค.ซี. อยู่ทางขวา ให้ยูเทิร์นรถกลับเพื่อเข้าหมู่บ้าน หลังจากที่เข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ให้ตรงไปจนสุด แล้วเลี้ยวซ้ายจนเจอวงเวียน จากนั้นจึงเลี้ยวขวาวิ่งไปเรื่อยๆ จนเห็นป้ายหมู่บ้านธรรมธานีทางด้านขวา จึงเลี้ยวซ้ายเข้าไป จะเห็นศูนย์ฯ อยู่ทางขวามือ

หมายเหตุ :

กรุณาเตรียมเสื้อผ้าให้ครบพอที่จะใช้ได้ตลอดการอบรม เนื่องจากทางศูนย์ฯ ไม่มีที่ตากผ้า และไม่มีบริการซักผ้า นอกจากนี้ควรนำรองเท้าแตะสำหรับใส่ในเรือนพัก รวมทั้งเสื้อกันหนาวบางๆ ติดตัวไปด้วย เพราะศูนย์ฯ ใช้เครื่องปรับอากาศ ส่วนเรื่องการใช้รถส่วนตัวนั้น ทางศูนย์ฯ ไม่สามารถอำนวยความสะดวกเรื่องที่จอดรถให้แก่ท่านได้ เนื่องจากสถานที่จำกัด

รายละเอียดเพิ่มเติมนอกจากนี้ สามารถสอบถามได้ที่
สำนักงานมูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐาน ในพระสังฆราชูปถัมภ์
โทร. 0-2993-2711
โทรสาร 0-2993-2700 (ในเวลาราชการ)

ศึกษาตารางการอบรมและการเดินทางจากเว็บไซต์
http://www.thai.dhamma.org/

ใบสมัคร
http://www.thai.dhamma.org/application/lay.rtf

คำแนะนำ
http://www.thai.dhamma.org/ns/code%20.html

มีศูนย์วิปัสสนาตามแนวทางของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ทั้งหมด 5 ศูนย์ ดังนี้
1. ศูนย์วิปัสสนาธรรมกมลา ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
2. ศูนย์วิปัสสนาธรรมอาภา ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
3. ศูนย์วิปัสสนาธรรมสุวรรณา ต.บ้านกง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
4. ศูนย์วิปัสสนาธรรมกาญจนา ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
5. ศูนย์วิปัสสนาธรรมธานี แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ

ศูนย์วิปัสสนาธรรมกมลา จ.ปราจีนบุรี และศูนย์วิปัสสนาธรรมอาภา จ.พิษณุโลก เป็นศูนย์ใหญ่ที่สุด ใครติดสบายหน่อยก็ลองไปดู มีความสะดวกเหมือนอยู่โรงแรมชั้นดี ถ้าคนกรุงเทพฯ ไปศูนย์วิปัสสนาธรรมธานี กรุงเทพฯ ก็จะใกล้ สะดวกดี ที่พักสบาย แต่ถ้าชอบเดินเหิน สูดอากาศธรรมชาติหน่อยก็อาจจะอึดอัดได้เพราะสถานที่ปฏิบัติอยู่ในตึก เปิดแอร์เกือบตลอด ศูนย์นี้จะสงบเงียบที่สุดเพราะตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร

ศูนย์วิปัสสนาธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่น และศูนย์วิปัสสนาธรรมกาญจนา จ.กาญจนบุรี ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ บรรยากาศดี แต่ที่ จ.ขอนแก่น จะเป็นศูนย์ที่เล็กที่สุด รับผู้ปฏิบัติได้ไม่เกิน 50 คน ความหรูอาจจะสู้ศูนย์อื่นไม่ได้ แต่ก็สะดวกและสงบทีเดียว ชาวต่างชาติชอบมาปฏิบัติกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกศูนย์ก็มีการจัดการ มีระเบียบ ข้อปฏิบัติ และคำสอนเดียวกัน ท่านจะเข้าศูนย์ไหนท่านก็จะได้ธรรมะเช่นกัน อยู่ที่ความตั้งใจในการปฏิบัติของแต่ละบุคคล ถ้าคนที่เข้าใจธรรมะแล้วมักจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสถานที่เท่าไหร่ ดังนั้น ขอให้พิจารณาจากศูนย์ไหนเดินทางใกล้สะดวก หรือตารางปฏิบัติตรงกับที่ว่างเป็นหลัก

http://www.dhammajak.net/board/files/_2_113.jpg
ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

แผนที่ศูนย์วิปัสสนาธรรมธานี
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3702

ประวัติและปฏิปทาท่านอาจารย์โกเอ็นก้า (S.N. Goenka)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13370

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

yppah
03-10-2009, 08:55 AM
ดิฉันสนใจเข้าอบรมมากเลยค่ะ เพราะได้ยินคนพูดถึงมานานมากๆ ได้เห็นคุณเหมียว-วรัตดา ภัทโรดม ออกทีวีอยู่บ่อยครั้ง แต่โทรไปเบอร์ไหนก็ไม่มีคนรับสายค่ะ มีเบอร์อื่นๆอีกไหมคะ?

yppah
03-10-2009, 09:03 AM
อ้อๆ ขออภัยค่ะ ดิฉันได้เข้าไปดูในกระทู้เก่าแล้ว

http://www.watkoh.com/kratoo/forum_topics.asp?FID=13 (http://www.watkoh.com/kratoo/forum_topics.asp?FID=13)

เค้าบอกให้โทรไปในเวลาราชการค่ะ เดี๋ยววันนี้จะลองโทรใหม่
ขอบคุณทุกคนที่ให้คำชี้แนะ ดิฉันได้เข้าอบรมเมื่อไหร่ ถ้าถูกจริต จะกลับมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/YahooIM/1.gif

peace
03-13-2009, 12:12 PM
http://61.19.248.235/uploads/cbf98baed5.jpg (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=cbf98baed5.jpg)

http://61.19.248.235/uploads/00856cabff.jpg (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=00856cabff.jpg)

http://61.19.248.235/uploads/e88bb47408.jpg (http://imagehost.compgamer.com/getimg.php?img=e88bb47408.jpg)

peace
03-13-2009, 04:49 PM
เอารูปศูนย์วิปัสสนา แนวทางอ.โกเอ็นก้า ที่ต่างประเทศ มาให้ชมกันครับ ... แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เคยไปนะครับ ภาษาไม่ค่อยแข็งเท่าไร

คลิกเข้าไปดูเลยครับ เอามาให้ชมเป็นบางศูนย์เท่านั้น

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=9&t=18314&p=98505&hilit=%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8#p98505

yppah
03-20-2009, 04:30 PM
เชิญร่วมอ่านประสบการณ์วิปัสสนา อ.โกเอ็นก้า

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/04/Y6539266/Y6539266.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/04/Y6539266/Y6539266.html)

peace
04-21-2009, 12:09 AM
ตารางการอบรม หลักสูตรอานาปานสติสำหรับเด็ก 2552
ศูนย์ฯธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่น 3 พฤษภาคม 086-7135617, 084-7966069
ศูนย์ฯธรรมธานี กทม. 16 พฤษภาคม 02-9932711

peace
05-21-2009, 11:10 AM
ในวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2552
จะมีการอบรมธรรมบริกร ที่ศูนย์ฯธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่น



กำหนดการคร่าวๆ
9.00 – 9.30 เริ่มลงทะเบียน

9.30 – 10.30 ปฏิบัติร่วมกัน 1 ชั่วโมง

10.30 – 15.30 อบรมธรรมบริกร

คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการอบรม
- เป็นผู้ที่เคยผ่านการอบรมแนวทางอ.โกเอ็นก้า อย่างน้อย 1 หลักสูตร
- มีความประสงค์ที่จะรับใช้ธรรมะ

ผู้ที่สนใจ
โทรแจ้งได้ที่เบอร์ 086-7135617, 084-7966069

peace
07-08-2009, 09:26 AM
อ่านเจอในpantipครับ

จะไป โกเอ็นก้า กับต้องดูแลแม่ ช่วยตัดสินใจที



ปัญหาคือ
ไกลจากนครศรีธรรมราช
แม่ไม่สบาย ฉุกเฉินต้องมารับไปหาหมอด่วน ICU
ห้ามสื่อสารทุกชนิด ห้ามเอาโทรศัพย์ไป

พอได้คำตอบ มาบอกแม่
(พี่ชายที่เคยไปมาแล้วบอกดีมากๆ และเปลี่ยนไปทันตาเห็น แม่เลยไม่คิดว่าเป็นลัทธิ และต้องดีแน่ๆ)

แม่บอกว่า
"ไปเถอะ คนเราไม่รู้ตายเมื่อไหร่ อย่าเสียเวลา"
"แม่ตายถ้าไม่มีมรึง ก็มีคนหามขึ้นเมรุแน่ๆ ที่ผ่านมา มรึงก็เสียเวลามาตั้ง 37-38 ปีแล้ว"

************"อย่าให้แม่เป็นข้ออ้าง ในการเข้าหาธรรมมะ"****************

ผมอึ้งน้ำตาไหล ใจนึงก็อยากดูแลแม่เต็มกำลังจนแม่จากไป (ซึ่งงก็ชักจะแย่ๆ แล้ว)
อีกใจ พอเจอประโยคสุดท้าย ถ้าไม่ไปก็เหมือน เอาบาปจะไปลงที่แม่

ตัดสินใจไม่ถูกครับ ช่วยตัดสินใจที

peace
07-08-2009, 09:41 AM
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

คุณแม่เป็นผู้ที่สำคัญยิ่ง .. เราจำเป็นต้องดูแลท่านให้ถึงที่สุด

* * * http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/YahooIM/1.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/YahooIM/25.gif * * *

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากท่านเต็มใจให้เราได้เข้าปฏิบัติจริงๆ ท่านไม่ได้พูดเพราะเกรงใจลูก แต่ท่านประสงค์อย่างนั้นจริงๆ ... แล้วเราอยู่ เราก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะเป็นหน้าที่ของหมอ ... ผมว่าก็น่าจะไปเข้าปฏิบัตินะครับ เราจะได้ไปเจริญสติเรา ได้มีพลังเมตตาส่งมาให้ท่านมากๆ ถึงท่านจะอยู่ หรือจะไป ท่านก็จะได้รับอานิสงค์อันยิ่งใหญ่จากการปฏิบัติธรรมของเรา

แต่ขอย้ำนะครับ ว่าคุณแม่จะต้องอยากให้เราได้ไปเข้าปฏิบัติจริงๆ ท่านเต็มใจและมีความสุขที่ทราบว่าเราได้ปฏิบัติธรรมจริงๆ ... ผมว่า ทำตามใจท่านเถอะครับ ได้ทั้งเรา ได้ทั้งท่าน

คุณแม่แต่ละคนไม่เหมือนกันครับ ถ้าเป็นผม คุณแม่ก็จะบอกให้ไปปฏิบัติแน่นอน เพราะคุณแม่ผมก็ผ่านการอบรมของท่านโกเอ็นก้ามาแล้ว และทราบซึ้งในรสพระธรรมมาก ... ท่านจะย้ำเสมอ ว่าอย่ารอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เร่งปฏิบัติธรรม ... ถ้าจิตสุดท้ายของชาตินี้มีธรรมะ จิตแรกของชาติหน้าก็จะเริ่มที่การมีธรรมะเช่นกัน ... พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว (คำนี้ผมจำมาจากเพื่อนคนหนึ่งของผม ที่เค้าชอบให้ผมเข้าปฏิบัติ แล้วเค้าจะพูดคำนี้ตลอด)

สรุป .. คุณต้องรู้จักคุณแม่คุณดีที่สุด ทำตามความต้องการจริงๆของท่านเถิดครับ
ถ้าท่านอยากให้อยู่ ก็อยู่ ถ้าท่านอยากให้ไป ก็ไป

สาธุ

peace
07-08-2009, 10:01 AM
อุ้ม .. สิริยากร พุกกะเวส

http://lifestyle.th.msn.com/beauty/celebrity/article.aspx?cp-documentid=3429493 (http://lifestyle.th.msn.com/beauty/celebrity/article.aspx?cp-documentid=3429493)

peace
07-08-2009, 10:13 AM
มีคำถาม

สอนโดยท่านอ.โกเอ็นก้า ???
ท่านสอนเป็นภาษา อังกฤษ พม่า หรือ ไทย ครับ ?

ตอบ

จะมีอาจารย์ที่ท่านอ.โกเอ็นก้าแต่งตั้งให้ดำเนินการอบรมในแต่ละคอร์ส มาทำหน้าที่เปิดเทปคำสอน และตอบคำถามการปฏิบัติครับ

ในเทปคำสอน จะมีเสียงของท่านอ.โกเอ็นก้าเป็นภาษาอังกฤษ และมีคำแปลเป็นภาษาไทยควบคู่ไปครับ แต่ถ้าที่ประเทศอื่นๆ ก็จะมีคำแปลเป็นภาษาของประเทศนั้นๆครับ

ส่วนอาจารย์ที่อ.โกเอ็นก้าแต่งตั้งให้มาดำเนินการอบรมในแต่ละคอร์ส ที่ประเทศไทยก็มักจะเป็นคนไทยซะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นอาจารย์ต่างชาติ ก็จะมีล่ามคอยแปลให้ครับ

ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาครับ

peace
07-08-2009, 10:27 AM
อะไรเกิดขึ้นตอนชีวิตสิ้นลง?

โดย ท่านอาจารย์ เอส เอน โกเอนก้า

(ต้นฉบับของบทความต่อไปนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Sayagyi U Ba Khin)

เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อตอนสิ้นชีวิต เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าความตายคืออะไร ความตายเปรียบเสมือนกับทางโค้งของแม่น้ำที่มีการกระแสการไหลของการเกิดอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าความตายคือจุดหมายปลายทางของกระบวนการเกิดและแน่นอนนี่มันอาจจะเป็นในกรณีของพระอรหันต์ (ผู้ที่ซึ่งละกิเลสได้ทั้งปวง) หรือ พระพุทธเจ้า แต่สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว กระแสการไหลของการเกิดนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้กระทั้งหลังจากสิ้นใจแล้วก็ตาม ความตายคือจุดจบของเหตุการณ์ของหนึ่งชีวิตและในเวลาชั่วขณะเดี๋ยวนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นละครของอีกชีวิตหนึ่ง ในด้านหนึ่งก็ความตายคือชั่วขณะจุดจบของชีวิตหนึ่งและในอีกด้านก็คือชั่วขณะของจุดเริ่มต้นของอีกชีวิตหนึ่ง ความตายเป็นเหมือนราวกับว่าพระอาทิตย์ขึ้นในทันทีที่พระอาทิตย์ตกโดยไม่มีช่องว่างของความมืดมิดในระหว่างนั้น หรือว่าชั่วขณะของความตายเปรียบเสมือนจุดจบของหนึ่งบทหนังสือและในบทต่อไปก็คือชั่วขณะของจุดเริ่มต้นของบทถัดไป


ถึงแม้ว่าไม่มีการการเปรียบเทียบที่สามารถแสดงให้เห็นถึงกระบวนการนี้อย่างแท้จริง เรายังอาจจะบอกได้ว่ากระแสของการเกิดขึ้นก็คล้าย ๆ กับรถไฟที่วิ่งอยู่บนราง มันวิ่งถึงสถานีของความตายและที่นั่นก็มีการลดความเร็วลงทีละน้อยในชั่วขณะนั้น และก็วิ่งต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิมโดยที่รถไฟไม่ได้หยุดที่สถานีแม้กระทั่งวินาทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ สถานีของความตายไม่ใช่จุดหมายปลายทางแต่มันเป็นชุมทางที่ซึ่งวิ่งต่อไปในทางต่าง ๆ กันอีกถึง ๓๑ เส้นทาง ทันทีที่รถไฟมาถึงสถานี มันก็จะเคลื่อนต่อไปตามเส้นทางเหล่านี้และก็ดำเนินต่อไป ความเร็วของ “ขบวนรถไฟของการเกิดนี้” มีเชื้อเพลิงคือ กรรม หรือการกระทำในอดีต มันวิ่งไปเรื่อย ๆ จากสถานีหนึ่งไปอีกสถานีหนึ่ง จากรางหนึ่งไปอีกรางหนึ่ง และดำเนินตามเส้นทางต่อไปโดยไม่มีการหยุดเลย

การเปลี่ยนแปลงเส้นทางหรือรางรถไฟนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เสมือนกับว่าน้ำแข็งที่ละลายไปเป็นน้ำและความเย็นของน้ำเกิดขึ้นเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ ตามกฏของธรรมชาติเหล่านี้รถไฟไม่เพียงแต่เปลี่ยนเส้นทางเองเท่านั้น มันยังคงวางพื้นแนวทางของรางต่อไปด้วยตัวของมันเอง สำหรับขบวนการเกิดนี้ชุมทางสถานีของความตายที่ซึ่งมีการเปลี่ยนเส้นทางเกิดขึ้นมีความสำคัญมาก ที่นี่ชีวิตในปัจจุบันถูกละทิ้งไป (เรียกว่า cuti จุติ การสูญหาย หรือความตาย) ความตายของร่างกายเกิดขึ้นและทันทีทันใดนั้นชีวิตต่อไปก็เริ่มต้นขึ้น (ขบวนการที่เรียกว่า patisandhi ปฏิสนธิ ตั้งครรภ์ หรือ การเกิดขึ้นของชีวิตใหม่ ) ชั่วขณะของการปฏิสนธินั้นคือผลพวงของชั่วขณะของความตาย หรือชั่วขณะของความตายทำให้เกิดชั่วขณะของการปฏิสนธิ เพราะว่าทุก ๆ ชั่วขณะของความตายทำให้เกิดชั่วขณะของการเกิดขึ้น ความตายไม่เพียงแต่คือความตาย แต่มันคือความเกิดในเวลาเดียวกัน ที่สถานีนี้ ชีวิตเปลี่ยนไปเป็นความตายและความตายเปลี่ยนไปเป็นการกำเนิด

เพราะฉะนั้นทุก ๆ ชีวิตก็คือการเตรียมตัวสำหรับชีวิตต่อๆ ไป ถ้าบางคนฉลาด เขาหรือเธอจะใช้ชีวิตนี้อย่างดีที่สุดและเตรียมตัวสำหรับความตายที่ดี ความตายที่ดีที่สุดก็คือความตายครั้งสุดท้ายที่ไม่ใช่เหมือนเป็นชุมทางสถานีแต่เป็นจุดหมายปลายทางหรือความตายของพระอรหันต์ ที่นี่มันจะไม่มีรางที่รถไฟสามารถวิ่งต่อไปได้ แต่จนกว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดเราสามารถทำให้แน่ใจว่าความตายต่อไปนี้จะทำให้เป็นการกำเนิดใหม่ที่ดีและสถานทีปลายทางนั้นจะถึงภายในเวลาเร็วขึ้น ทั้งหมดนี้มันขึ้นอยู่กับเราทั้งนั้น ขึ้นกับความพยายามของเรา เราคือผู้กำหนดอนาคตของเราเอง เราสร้างความราบรื่น ความหายนะ และความหลุดพ้นของเราเอง

แล้วทำอย่างไรล่ะที่เราซึ่งเป็นผู้สร้างรางรถไฟที่รองรับการเคลื่อนตัวของขบวนรถของการกำเนิด เพื่อที่จะตอบปัญหานี้ เราจะต้องเข้าใจว่าอะไรคือ กรรม (การกระทำ)

เจตนาที่ดีหรือไม่ดีของจิตใจของเราคือ กรรม ก่อนที่เราจะกระทำการใด ๆ ทางใจ ทางคำพูด หรือทางกาย เจตนาอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ที่เกิดขึ้นในจิตใจก็คือรากโคนของการกระทำ สติเกิดขึ้นเนื่องจากผัสสะที่ประตูประสาทสัมผัส(อายตนะ) แล้วสัญญา (ความจำได้หมายรู้) ประมวลผลประสบการณ์นั้น ความรู้สึก(เวทนา)จึงเกิดขึ้น และการกระทำ (สังขารการปรุงแต่ง) ก็ดำเนินไป การกระทำที่เกิดจากเจตนาเหล่านี้มีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับเจตนาที่แข็งแกร่ง ขึ้นกับความช้า ความลึก ความตื้น ความหนัก หรือเบา ฉะนั้นความรุนแรงของการกระทำนี้จะไม่เหมือนกัน การกระทำบางอย่างก็อาจเหมือนกับการขีดเส้นบนน้ำ บางอย่างก็เหมือนกับเส้นที่วาดบนทราย และบางอันก็เหมือนกับเส้นที่วาดลงบนหิน ถ้าเป็นเจตนาที่ดีมี ผลของมันก็จะมีประโยชน์ และถ้าเจตนาของมันไม่ดีการกระทำนั้นก็จะส่งผลที่มีแต่ความหายนะ

กรรมทั้งหมดไม่ได้ส่งผลสู่การกำเนิดใหม่ กรรมซึ่งตื้นบางก็จะไม่ส่งผลมากมายนัก ส่วนที่หนักหน่อยก็จะถูกใช้ไปในชีวิตปัจจุบัน มันจะไม่ส่งผลต่อไปสู่ชีวิตถัดไป ส่วนการกระทำหรือกรรมที่หนักขึ้นอาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงชีวิตภายหน้าแต่มันไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดการกำเนิดใหม่ อย่างไรก็ตามมันสามารถเพิ่มพูนสะสมอย่างต่อเนื่องในระหว่างชีวิตปัจจุบันและชีวิตต่อไป กรรมหลาย ๆ อย่างที่เป็นกรรมหนัก (bhava-kammas) หรือ สังขารหนัก (bhava-sankharas) ที่ทำให้เกิดภพชาติ กรรมเหล่านี้ (การกระทำที่ส่งผลทำให้เกิดกระบวนการเกิดภพชาติ) มีพลังงานแม่เหล็กไฟ้ฟ้าซึ่งปรับเข้ากับกระแสสั่นสะเทือนของแนวระดับ (bhava-loka) ของชีวิตใหม่ กระแสสั่นสะเทือนของกรรมนั้นๆ จะเชื่อมต่อกับกระแสสั่นสะเทือนของโลกที่มีความรุนแรงเท่ากันและทั้งสองจะดึงดูดซึ่งกันและกันตามกฏสากล ตามแรงของกรรม

ทันทีที่หนึ่งในหลาย ๆ ภาวะกรรม (bhava-kammas) ถูกสร้างขึ้น ขบวนรถไฟของการเกิดจะถูกดึงดูดเข้าไปไม่รางใดก็รางหนึ่งใน ๓๑ ราง ณ สถานีของความตาย จริง ๆ แล้วเส้นทางหมดนี้คือ ๓๑ อณาเขตของการมีชีวิตอยู่ ทั้งหลายนั้นมี ๑๑ อณาเขตของความมักมากในกาม (kama lokas) คือ ๔ ขอบเขตของสิ่งมีชีวิตที่ต่ำและ ๗ ขอบเขตของมนุษย์และของสวรรค์ อีก ๑๖ อณาเขตสำหรับ รูปพรหม (rupa-brahma lokas ที่ซึ่งมีวัตถุละเอียดคงอยู่) และอีก ๔ อณาเขตสำหรับ อรูปพรหม ( arupa-brahma lokas อณาเขตที่ไม่มีสิ่งหรือวัตถุ คงมีแต่จิตอยู่)

ในชั่วขณะสุดท้ายของชีวิตนี้ สังขาร (bhava-sankhara ) จำเพาะหนึ่งจะผุดขึ้นมา สังขารนี้ซึ่งสามารถทำให้เกิดการกำเนิดใหม่จะเชื่อมต่อกับความสั่นสะเทือนของพื้นที่ของอณาเขตที่มีอยู่ ที่เกี่ยวข้อง ณ ขณะสิ้นชีวิตพื้นที่ทั้ง ๓๑ อณาเขตจะเปิดขึ้นมาและมันขึ้นอยู่กับว่าสังขารแบบไหนจะผุดขึ้นมาเป็นรางของขบวนการเกิดให้วิ่งต่อไป ในทางเดียวกันที่รางรถไฟสับเปลี่ยนไปสู่รางใหม่ แรงของกรรมหนัก (bhava-kamma) ก็จะเพิ่มแรงผลักดันให้เกิดการไหลของสติต่อไปในสิ่งมีชีวิตใหม่ ตัวอย่างเช่น กรรมหนักของความโกรธหรือความมุ่งพยาบาทร้าย ซึ่งมีคุณลักษณะของความร้อนและปั่นป่วน ก็จะเชื่อมต่อกับการมีชีวิตใหม่ที่ต่ำกว่า ในทำนองเดียวกันถ้าเรามีเมตตาเป็นธรรมชาติ มีความสงบสุขและความเย็น ความสั่นสะเทือนก็จะเชื่อมต่อกับภพของพรหมเท่านั้น (brahma-loka) นี่คือกฏของธรรมชาติ และกฏเหล่านี้ได้ถูกคำนวณไว้อย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติซึ่งไม่มีวันที่จะล่มเสียได้เลย

ในชั่วขณะที่จะตาย สังขารหนักบางอย่างก็จะค่อย ๆ ผุดขึ้นมา มันอาจจะเป็นสังขารที่ดีหรือไม่ดี ตัวอย่างเช่น ถ้าเราได้เคยฆ่าพ่อหรือแม่ของบางคนหรือบางทีนักบวชบางคนในชีวิตปัจจุบันนี้ แล้วความจำของตอนฆ่านี้จะผุดขึ้นมาในชั่วขณะที่ตาย ทำนองเดียวกันถ้าเราได้ปฏิบัติกรรมฐานถึงระดับลึก สภาวะของจิตใจที่ได้จากการปฏิบัติก็จะผุดขึ้นมา
เมื่อมันไม่มีกรรมหนักที่หนาแน่นนั้นผุดขึ้นมา ก็จะมีกรรมที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าผุดมาแทน ความจำได้อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจะก่อตัวเป็นกรรม ตัวอย่างเช่น เราอาจจะจำการกระทำที่ดีคือการบริจาคอาหารให้กับนักบวช หรือเราอาจจะจำเหตุการณ์ที่ไปฆ่าคนอื่น ผลกระทบของการกระทำเหล่านั้นอาจจะผุดขึ้นมา ไม่เช่นนั้นแล้ววัตถุที่เกี่ยวข้องกับกรรมบางอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นมา เราอาจจะเห็นอาหารจานใหญ่ที่ซึ่งถูกให้เป็นทาน หรือปืนซึ่งเราใช้ฆ่าคนอื่น และนี่เรียกว่า สัญลักษ์ หรือนิมิตกรรม (kamma-nimittas)

ในอีกกรณีหนึ่งซึ่งสัญลักษ์ของชีวิตถัดไปอาจจะผุดขึ้นมา หรือที่เรียกว่าสัญลักษ์การจากไปหรือ กาตินิมิต (gati-nimitta) ถ้านิมิตรเหล่านี้ไปตรงกับแนวระดับของชีวิตใหม่ (bhava-loka) อะไรก็ตามที่กระบวนการไหลถูกดึงดูดไปหา เช่น ฉากของสรวงสวรรค์ หรือบางทีอาจจะเป็นโลกของสัตว์ ผู้ที่จะสิ้นใจนี้มักจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นลางบอกเหตุบ่อย ๆ คล้าย ๆ กับไฟหน้ารถไฟข้างหน้า ความสั่นสะเทือนของนิมิตรเหล่านี้ก็จะตรงกับความสั่นสะเทือนของสิ่งมีชีวิตใหม่

นักปฏิบัติวิปัสสนาที่ดีจะมีความสามารถที่จะละเว้นเส้นทางที่ซึ่งนำไปสู่ภพกำเนิดที่ต่ำกว่า เขาจะเข้าใจกฏของธรรมชาติอย่างถ่องแท้ และปฏิบัติเพื่อที่จะรักษาให้ตัวเขาเองมีความพร้อมกับความตายตลอดเวลา ถ้าเขามีอายุมากหรือชราภาพก็จะมีเหตุผลมากมายที่เขาจะต้องมีสติอยู่ตลอดชั่วขณะนั้น อะไรล่ะที่เราเตรียมการณ์กันอยู่ เราปฏิบัติวิปัสสนา คงความมีอุเบกขาต่อความรู้สึกเวทนาใด ๆ ก็ตามที่จะผุดขึ้นมาในร่างกาย และเราก็หยุดพฤติการณ์ที่จะตอบโต้ต่อเวทนาที่ไม่ดี ดังนั้นจิตใจที่มักจะสร้างสังขารที่ไม่ดีใหม่ ๆ อยู่เสมอ จะถูกพัฒนาให้คงอยู่กับอุเบกขา มีอยู่บ่อย ๆ ที่เมื่อขณะตอนสิ้นชีวิตถ้าไม่มีสังขารหนักมาก ๆ ผุดขึ้นมา การตอบโต้ตามสันดานก็จะเกิดขึ้น และเมื่อสังขารใหม่เกิดขึ้นมาและอันเก่าจากที่เก็บไว้ผุดขึ้นมาบนพื้นผิวจิต มันก็จะได้รับความแข็งแกร่งขึ้น

ณ ชั่วขณะของความตาย เรามักจะต้องประสบกับเวทนาที่ไม่ดีมาก ๆ ความแก่ ความเป็นโรค และความตายคือ ความทุกข์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเวทนาที่ไม่ดีแบบหยาบ ๆ ถ้าเราไม่มีความชำนาญเพื่อที่จะสังเกตุดูเวทนาเหล่านี้ด้วยอุเบกขา เมื่อนั้นเรามักจะตอบโต้มันด้วยความรู้สึกโกรธ ปั่นป่วน รุนแรงหรืออาจจะพยาบาท ที่จะทำให้สังขารหนักมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างความสั่นสะเทือนผุดขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับนักปฏิบัติกรรมฐาน เราสามารถฝึกเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้กับความรู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ นี้โดยการวางอุเบกขาในชั่วขณะที่ตายนั้น แล้วแม้ว่าพวกสังขารหนัก (bhava-sankharas ) ซึ่งอยู่ลึกมาก ๆ ในส่วนของกรรมที่ทำให้มีการเกิดใหม่ (bhavanga) ก็จะไม่ผุดขึ้นมาได้ โดยมากคนทั่วไปจะมีความกลัว แม้กระทั่งความสยดสยองเมื่อเข้ามาถึงความตาย ดังนั้นก็อาจจะทำให้สังขารแบบความกลัวเกิดขึ้นมาถึงพื้นผิวได้ ในทำนองเดียวกัน ความเศร้าโศก ความทุกข์ ความห่อเ่หี่ยวยวใจ หรือความรู้สึกอื่น ๆ อาจจะผุดขึ้นมาในความคิดเมื่อต้องจากผู้ที่เรารัก และเมื่อนั้นสังขารที่เกี่ยวข้องก็จะผุดขึ้นมาและมีอำนาจครอบงำจิตใจ

นักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยการสังเกตุดูเวทนาที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยอุเบกขา จะทำให้สังขารนั้น ๆ อ่อนกำลังลงและจะไม่ผุดขึ้นมาในชั่วขณะเวลาที่ตาย การเตรียมตัวจริง ๆ สำหรับการตายนี้คือ การพัฒนาพฤติกรรมอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกที่จะสังเกตุดูเวทนาที่เกิดขึ้นในร่างกายและจิตใจด้วยอุเบกขาและด้วยความเข้าใจในความเป็นอนิจจัง

ณ ขณะเวลาสิ้นชีวิต ด้วยความมีอุเบกขาที่แข็งแกร่งจะทำให้ขบวนของการกำเนิดใหม่เชื่อมต่อกับเส้นทางที่จะมีโอกาสที่จะไปปฏิบัติวิปัสสนาในชีวิตใหม่โดยอัตโนมัติ และด้วยวิธีนี้เราจะรักษาตัวเราเองจากการเกิดในภพที่ต่ำกว่าและได้อยู่ในขอบเขตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะวิปัสสนาไม่สามารถถูกปฏิบัติในภพที่ต่ำกว่าได้

ผู้ปฏิบัติกรรมฐานซึ่งจะถึงจุดถึงแก่กรรม ถ้าโชคดีมีญาติหรือเพื่อนสนิทอยู่ใกล้ ๆ ที่สามารถช่วยรักษาสภาวะธรรมมะที่ดี ให้ปราศจากความโศกเศร้าเสียใจ คนที่ซึ่งสามารถปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานและสร้างกระแสสั่นสะเทือนของความเมตตา ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมมาก ๆ สำหรับการสิ้นใจอย่างสงบ

ผู้ที่ไม่ปฏิบัติกรรมฐานจะสามารถได้รับการเกิดใหม่ที่ดีเหมาะสมนั้น เกิดขึ้นได้ถ้ามีการเพิ่มพูนสังขารที่ดี เช่น ความใจดีมีเมตตา มีศีลธรรมและความมีคุณภาพจิตใจดีมาก ๆ อื่น ๆ แต่สิ่งที่เป็นความสำเร็จเฉพาะสำหรับนักปฏิบัติวิปัสสนานั้นคือจะสามารถทำให้เรานั้นได้รับการเกิดใหม่ที่ซึ่งเราสามารถปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานต่อไปได้ ด้วยวิธีนี้โดยการกำจัดสังขารหนักเก่า ๆ ที่สะสมไว้เรื่อย ๆ ในส่วนลึกของจิตใจของกระแสของสติ เขาสามารถลดระยะทางของการกำเนิดใหม่ได้และถึงเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น

เราได้มาสู่ธัมมะในชีวิตนี้ก็เพราะผลบุญอย่างยิ่งใหญ่ที่เราได้สร้างไว้ในภพก่อน ๆ จงทำให้ความเป็นมนุษย์ในชาตินี้สำเร็จด้วยการปฏิบัติวิปัสสนา แล้วเมื่อไรก็ตามที่ความตายมาถึง มันจะมาพร้อมกันประสบการณ์การวางใจเป็นอุเบกขา เพื่อพาเราไปสู่ชีวิตในอนาคตที่ดี

หมายเหตุ การอุปมาอุปมัยของรถไฟที่วิ่งเปลี่ยนเส้นทางรางรถไฟไม่ควรจะเป็นการเข้าใจผิดว่าเป็น วิญญาณ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะถูกส่งจากชีวิตหนึ่งไปสู่ชีวิตต่อไป ไม่มีสิ่งใดผ่านสู่ชีวิตถัดไปนอกจากแรงผลักดันของกรรมสังขารที่สะสมมา

มานี:
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติ และการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของท่านอาจารย์โกเอนก้า ดูได้ที่นี่ค่ะ :)

www.thai.dhamma.org

yppah
07-09-2009, 03:59 PM
วิทยาศาสตร์ที่แท้
บทสัมภาษณ์ เอส.เอ็น.โกเอ็นก้า

http://www.skyd.org/html/sekhi/50/goenka.html (http://www.skyd.org/html/sekhi/50/goenka.html)

incarity
12-28-2009, 11:47 AM
อืมดีครับ ขอบคุณมากครับ

peace
01-14-2010, 10:22 AM
ใครเคยไปที่ศูนย์ฯธรรมสุวรรณา จ.ขอนแก่นคงคุ้นเคยกับรูปข้างล่างนี้ดีนะครับ

เผอิญผมไปเห็นผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งเค้าถ่ายรูปเส้นทางไปศูนย์เอาไว้ ผมก็เลยขอเค้ามาลงเว็บนี้ครับ

เริ่มจากโรงเรียนจระเข้วิทยายนเลย ถ้าขับรถไปจากตัวเมืองขอนแก่นพอถึงหลักกิโลเมตรที่ 31 ก็จะเห็นโรงเรียนนี้แหละครับอยู่ทางซ้ายมือ ติดกับสะพานลอย

http://www.uppicweb.com/i/ir/ig001.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=3c8cd2bf9ed224b7b8741627420cd61f)
[SIZE=1]

แล้วก็จะมีป้ายทางหลวงบอกให้กลับรถ

http://www.uppicweb.com/i/ib/yl002.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=f22382644d0aedde6d5bbce14ff9caab)
[SIZE=1]

พอกลับรถแล้วก็จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้าย ... ตรงนี้แหละครับที่ชอบหลงกัน เพราะเห็นป้ายแต่ไม่เห็นทางเลี้ยว ก็เลยเลยไปเลย ???
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์เค้าจะย้ำว่า "พอเห็นปั๊บ เลี้ยวปุ๊บ" เป็นทางลูกรังครับ

http://www.uppicweb.com/i/ie/7s003.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=77f04031dcea74293e8cb4156fa242dc)
[SIZE=1]

ข้างทางก็จะเป็นทุ่งนา / ป่าอ้อย / ป่ายูคา ก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ ซัก 1.5 กม. ก็จะพบกับ 3 แยก ต้องเลี้ยวขวานะครับ ไปทางหมู่บ้านหนองแสง ... ถ้าตรงก็จะหลงไปบ้านดอนโมง

http://www.uppicweb.com/i/il/c3005.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=78734ba854c841c66100bfff3f4cad5c)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/in/py006.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=08f86820027b5426e41b9d52ae68fcd4)
[SIZE=1]

ทีนี้ก็ตรงตลอดครับ มีบ้านชาวบ้านอยู่ประปรายซ้ายขวา ศูนย์อยู่ขวามือนะครับ

http://www.uppicweb.com/i/ii/kt011.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=ef09d623d46d724244766ab698f1374b)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/im/v8007.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=db1cd5aaa48af88afd930704e2262eb0)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/ij/f7013.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=16ff5acf7f75d7b5fa571561a0ab17ab)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/ir/f6017.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=d2d2108ad187730a48554bc847f21d3c)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/ij/ap019.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=e02efdc8864639e83f4119309ba15ddc)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/it/06w008.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=50a3dbb72be114744521a142c7d436a6)
[SIZE=1]

บรรยากาศในเขตปฏิบัติช่างแตกต่างจากข้างนอกจริงๆครับ มีแต่ต้นไม้ มีเสียงร้องของนกนานาพันธุ์ :)


http://www.uppicweb.com/i/is/fb016.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=b04f3d3437a1e09cbbf18f40ee354b3e)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/ii/rn018.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=2768eecbdb6baf187bded99851abfc71)
[SIZE=1]

http://www.uppicweb.com/i/ij/e5020.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=f65ceca1bf6274ed3c2b2182e459a6ac)
[SIZE=1]

สถานที่น่าปฏิบัติจริงๆครับ
สงบมาก ร่มรื่น มีลมธรรมชาติพัดผ่านตลอด

http://www.uppicweb.com/i/iv/az009.jpg (http://www.uppicweb.com/show.php?id=157b30950f33980d33ff6585b93c5eab)
[SIZE=1]

pridkhem
12-01-2011, 10:44 PM
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ มากเลยครับ