PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ปุจิมันทชาดกว่าด้วยผู้รอบคอบ



*8q*
04-02-2009, 07:49 PM
ปุจิมันทชาดก



ว่าด้วยผู้รอบคอบ


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ทรงปรารภ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ได้ยินว่า เมื่อพระเถระเข้าไปอาศัยนครราชคฤห์ อยู่ในกุฎีที่สร้างอยู่ในป่า มีโจรคนหนึ่งเข้าไปลักของในเรือนหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ประตูเมือง ถือเอาทรัพย์ที่พอจะถือเอาไปได้ หนีไปเข้าในบริเวณกุฎีของพระเถระ แล้วนอนที่หน้ามุขบรรณศาลาของพระเถระด้วยคิดว่า ณ ที่นี้จักคุ้มครองรักษาเราได้ พระเถระรู้ว่าโจรนั้น นอนอยู่ที่หน้ามุข จึงทำความรังเกียจโจรนั้น คิดว่า ธรรมดาว่า การเกี่ยวข้องกับโจรย่อมไม่ควร จึงออกมาไล่ว่า เฮ้ย เอ็งอย่ามา นอนที่นี้ โจรจึงออกจากที่นั้น ทิ้งแต่รอยเท้าให้หลงเหลือไว้แล้วหนีไป
ชนทั้งหลาย ถือคบเพลิงมา ณ ที่นั้น ตามแนวรอยเท้าโจร เห็นที่มา ที่ยืน และที่นอนเป็นต้นของโจรนั้น จึงกล่าวกันว่า โจรมาทางนี้ ยืนที่นี้ นั่งที่นี้ หนีไปทางนี้ แต่พวกเราไม่เห็นโจร ต่างแล่นไปทางโน้นทางนี้ ก็ไม่เห็น จึงพากันกลับ วันรุ่งขึ้น เวลาเช้า พระเถระเที่ยวบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาต แล้วจึงไปยังพระเวฬุวันวิหาร กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า โมคคัลลานะ มิใช่เธอเท่านั้นจะรังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจ แม้บัณฑิตแต่ก่อนทั้งหลายก็รังเกียจแล้ว พระศาสดาอันพระเถระอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดา สิงอยู่ที่ต้นสะเดาในป่าอันเป็นป่าช้าแห่งพระนคร อยู่มาวันหนึ่ง โจรกระทำโจรกรรมในบ้านใกล้ประตูเมือง แล้วเข้าไปยังป่าช้านั้น ก็ในกาลนั้น มีต้นไม้ใหญ่ในป่าช้านั้น ๒ ต้นคือ ต้นสะเดากับต้นอัสสัตถพฤกษ์ โจรเก็บห่อทรัพย์ไว้ที่โคนต้นสะเดาแล้วจึงนอน
ในอดีตนั้น เมื่อมนุษย์ทั้งหลายจับพวกโจรได้ก็จะประหารโดยเสียบหลาวทำด้วยไม้สะเดา ครั้งนั้น เทวดานั้นจึงคิดว่า ถ้าพวกมนุษย์จักมาจับโจรนี้ ก็จักพากันตัดกิ่งสะเดาของเรานี้แหละ ทำเป็นหลาวเสียบโจรนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ต้นไม้จักพินาศ เอาเถอะ เราจักนำโจรนั้นออกไปจากที่นี้ เทวดานั้นเมื่อจะเจรจาปราศรัยกับโจรนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :
[๕๔๒] แน่ะโจร ลุกขึ้นเถิด จะมัวนอนอยู่ทำไม ท่านต้องการอะไร ด้วยการ
นอน ราชบุรุษอย่าจับท่านผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้านเลย.
เทวดาครั้นกล่าวกะโจรนั้นดังนี้แล้ว จึงทำให้กลัวหนีไป โดยพูดว่า เจ้าจงไปที่อื่นตราบเท่าที่พวกราชบุรุษยังไม่มาจับ ก็เมื่อโจรนั้นไปแล้ว เทวดาผู้สิงอยู่ที่ต้นอัสสัตถพฤกษ์ จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
[๕๔๓] ราชบุรุษทั้งหลายจ้องจับโจรผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้าน ใน
เรื่องนั้น ธุระอะไรของปุจิมันทเทวดาผู้เกิดอยู่ในป่าเล่า?
นิมพเทวดาได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :
[๕๔๔] ดูกรอัสสัตถเทวดา ท่านไม่รู้เหตุที่จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ระหว่างเรากับโจร
ราชบุรุษทั้งหลาย จับโจรผู้ทำโจรกรรมอันหยาบช้าทารุณในบ้านได้แล้ว
จะเสียบโจรไว้บนหลาวไม้สะเดา ใจของเรารังเกียจในเรื่องนั้น.
เมื่อเทวดาเหล่านั้น เจรจาปราศรัยกันและกันอยู่อย่างนี้แหละ พวกเจ้าของทรัพย์ ถือคบเพลิงมาตามรอยเท้าเห็นที่ที่โจรนอน จึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ก็บัดนี้ โจรลุกหนีไปแล้วพวกเรา ไม่ได้ตัวโจร ถ้าพวกเราจักได้ตัวโจรไซร้ จักเสียบร้อยโจรนั้นไว้บนหลาวไม้สะเดานี้ หรือแขวนไว้ที่กิ่งสะเดาแล้วจักไป แล้วแล่นไป ค้นหาทางโน้นทางนี้ ไม่พบโจรจึงพากันกลับไป อัสสัตถเทวดาได้ ฟังคำของคนเหล่านั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :
[๕๔๕] บัณฑิตพึงรังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจ พึงป้องกันภัยที่ยังไม่มาถึงตัว พิจารณา
ดูโลกทั้ง ๒ เพราะภัยในอนาคต.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า เทวดาผู้บังเกิด ณ ต้นอัสสัตถพฤกษ์ในครั้งนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร ส่วนเทวดาผู้บังเกิด ณ ต้นสะเดาในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล
จบ ปุจิมันทชาดก
http://board.agalico.com/showthread.php?t=27659

<!-- / message -->