PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ชิคุนกุนยา” ไวรัสสายพันธ์ใหม่แพร่จากยุงลาย



*8q*
05-24-2009, 07:37 PM
“ชิคุนกุนยา” ไวรัสสายพันธ์ใหม่แพร่จากยุงลาย

ชี้ไม่มียารักษาแค่ประคับประคองตามอาการเท่านั้น
http://www.thaihealth.or.th/files/u1490/13551000006344201.jpg

ระบาดอีกแล้ว!!! โรคที่มาพร้อมกับยุง.... เมื่อบอกอย่างนี้หลายคนคงนึกถึงโรคไข้เลือดออก ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไข้มาเลเรีย ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค แต่ที่น่าตกใจเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้นแต่กลับมีโรคที่มีชื่อแปลกๆ ว่า “ชิคุนกุยา” มาทำความรำคาญและแพร่ระบาดหนักอยู่ในภาคใต้ของประเทศเราอยู่

สถานการณ์ล่าสุด!!! หลังจากพบผู้ป่วยที่มีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสชิคุกุนยา ใน 2 จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค เร่งส่งเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังโรคดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางยุติการแพร่ระบาดของโรคนี้

... เชื่อได้เลยว่าหลายคนยังคงไม่คุ้นหูกับโรคชิคุนกุนยา ไม่รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร???? บ้างก็แตกตื่นคิดว่าเป็นโรคสายพันธ์ใหม่ แต่จริงๆ แล้วโรคนี้มีมานานแล้ว โดยถิ่นกำเนิดแรกของมันอยู่ที่ทวีปอาฟริกา และแพร่ระบาดไปหลายประเทศๆ ทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็รวมประเทศไทยของเราด้วย ซึ่งตรวจพบโรคชิคุนกุนยาครั้งแรกพร้อมกับที่มีไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย

น.พ.หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาบอกถึงโรคดังกล่าวว่า “ชิคุนกุนยา” เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ ซึ่งอาการที่เด่นชัดในผู้ใหญ่คืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis) อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก ที่อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้

สาเหตุการติดต่อ!! โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุงและเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลายเมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัดทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้

ระยะการฟักตัว!!! โดยทั่วไปจะมีการฟักตัวประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน ระยะติดต่อคือระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก สำหรับอาการและอาการแสดง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว

แม้อาการนำของโรคชิคุนกุนยา จะคล้ายโรคไข้เลือดออกหรือหัดเยอรมัน แต่ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นช็อก หรือเลือดออกมาก โรคชิคุนกุนยาพบมากในฤดูฝน และทุกกลุ่มอายุ ซึ่งต่างจากโรคไข้เลือดออกและหัดเยอรมันที่มักพบในผู้อายุน้อยกว่า 15 ปี

ดูแล้วเหมือนมันอาจจะไม่ค่อยรุนแรงเหมือนโรคไข้เลือดออกสักเท่าไหร่ แต่ถึงแม้มันจะไม่สามารถคร่าชีวิตคนเราไปได้ แต่เราก็ควรที่จะระมัดระวังเอาไว้ โดยเฉพาะลูกเด็กเล็กแดงที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ง่าย อีกทั้งช่วงนี้ฝนตกบ่อยทำให้มีน้ำขัง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคอีกด้วย

ส่วนวิธีป้องกันนั้น!!! ถึงแม้ทุกวันนี้ยังไม่ยาหรือวัคซีนตัวใดที่ใช้รักษาได้โดยตรงทั้งโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกุนยา ดังนั้นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ถ้ามีไข้สูง ก็ให้ยาลดไข้ หรือลดอาการปวดข้อ และพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถบรรเทาอาการไปได้ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันการแพร่พันธุ์ของยุงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ต้องหมั่นตรวจดูที่เก็บกักน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บ่อ กะละมัง เพราะเป็นแหล่งที่ยุงออกไข่ จึงจำเป็นต้องมีฝาปิด ที่ใดที่จำเป็นต้องมีน้ำขังอยู่ก็ให้ใส่ทรายอะเบทลงไปเพื่อป้องกันการวางไข่ และควรเลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพราะปลาจะกินลูกน้ำเป็นอาหาร

แต่นอกเหนือจากการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงแล้ว ตัวเราเองก็ต้องป้องกันตัวเราไม่ให้ถูกยุงกัดด้วย ควรติดมุ้งลวดในบ้าน หรือทายากันยุงขณะทำงานและออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดตอนกลางวัน และที่สำคัญต้องเฝ้าสังเกตคนในบ้านว่ามีไข้และอาการคล้ายกับโรคชิคุนกุนยาหรือไม่ หากมีก็ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน

ถึงแม้ว่าวันนี้ โรคชิคุนกุนยาจะเป็นโรคใหม่ที่มีชื่อไม่คุ้นหูนัก แต่หากปล่อยให้แพร่ระบาดไปสู่วงกว้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจได้ ... วันนี้เพียงป้องกันยุงลาย นอกจากจะป้องกันไข้เลือดออกแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคชิคุนกุนยาได้ด้วยนะค่ะ

*8q*
05-24-2009, 07:38 PM
ปราบชิคุนกุนยาด้วยสมุนไพร


http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/57471.jpg


สรรพคุณของสมุนไพร มาสกัดทำน้ำมันหม่องและยาหม่อง บรรเทาอาการปวดตามข้อและลดผื่นแดงอันเกิดจากไข้ชิคุนกุนยา

แม้ไข้ปวดข้อหรือไข้ชิคุนกุนยาจะระบาดหนัก แต่ก็ใช่จะไม่มีทางแก้ไข!!! นี่คงเป็นเสมือนการย้ำเตือนที่ว่าไม่มีอะไรที่ยากไปกว่าความสามารถของมนุษย์

ตามที่เราทราบกันดีว่า โรคชิคุนกุนยาและโรคไข้เลือดออกนั้น มีพาหะชนิดเดียวกัน คือ “ยุงลาย” แต่ต่างกันที่โรคชิคุนกุนยานั้นร้ายแรงน้อยกว่าไข้เลือดออก ตรงที่ไข้เลือดออกนั้นทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนชิคุนกุนยานั้นทำให้เกิดอาการปวดข้อต่างๆ อย่างรุนแรงและแสนทรมานแต่ไม่ทำให้เสียชีวิต

การป้องกันโรคทั้ง 2 โรคนั้น จึงเป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจเพราะทำได้ไม่ยาก หากมีการวางแผนรับมือกับยุงลายตั้งแต่เนิ่นๆ การแพร่ระบาดก็จะลดลง

เริ่มต้นได้ภายในบ้านของเราเอง อย่างเช่น การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ต้นตอสำคัญของการเกิดยุง ด้วยการคว่ำถ้วย ชาม กะละมัง กะลา ยางรถยนต์ ไม่ให้มีน้ำขัง ปิดภาชนะทุกครั้งหลังใช้งาน แม้แต่กระถางปลูกไม้น้ำ หรือกระถางต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ หรือแจกันประดับบ้าน ก็ควรจะหาปลาหางนกยูงหรือปลากัดมาเลี้ยงเพื่อช่วยกินลูกน้ำยุง และควรหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของลูกน้ำยุงลาย

สมุนไพรในบ้านเมืองเราหลายชนิด สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการกำจัดยุง ทั้งยังปลอดภัยกว่าสารเคมีฉีดพ่นแบบกระป๋องหรือแบบขดเป็นไหน ๆ

ที่เรารู้จักกันอย่างแพร่หลายก็คือ ตะไคร้หอมไล่ยุง ที่มีทั้งแบบธูปและแบบสเปรย์ฉีด ในตะไคร้หอมนั้นจะมีน้ำมันหอมระเหยที่เป็นสารออกฤทธิ์ไล่ยุง บ้านใครที่ยุงเยอะแนะนำให้ปลูกต้นตะไคร้ไว้รอบ ๆ บ้าน จะช่วยลดปริมาณยุงมากวนใจได้อย่างมากเลยทีเดียว สมุนไพรอื่นๆ นอกจากตะไคร้หอมที่ยุงเกรงกลัว ยังมีกะเพรา ดอกดาวเรือง ขมิ้น และพืชในตระกูลส้ม เช่น มะกรูด ส้มโอ เป็นต้น พืชที่กล่าวมานี้สามารถนำไปใช้ในการไล่ยุงและกำจัดลูกน้ำได้ทั้งสิ้น อีกทั้งยังได้ผลเกินคาดเสียด้วย
http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/57472.jpg

ยกตัวอย่างใน กะเพรา ผักประจำบ้านของไทยนั้น มีน้ำมันหอมระเหยที่สามารถไล่ยุงได้ แค่นำกะเพราไปเป็นส่วนผสมในธูป เทียน หรือนำใบกะเพรามาขยี้ให้น้ำมันหอมระเหยออกมา

จากนั้นนำมาวางใกล้ๆ ตัว ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยในใบกะเพราจะระเหยออกมากำจัดยุงได้เช่นกัน ดอกดาวเรือง ดอกไม้กลิ่นฉุนนั้นสามารถใช้ไล่แมลงได้ดีนัก เพียงปลูกไว้ใกล้ๆ บ้าน ประสิทธิภาพความฉุน (มาก) ของดอกดาวเรือง จะช่วยไล่ทั้งยุงและแมลงไม่พึงประสงค์ได้ อีกทั้งสารสกัดจากดอกดาวเรืองนั้นยังใช้ในการกำจัดลูกน้ำได้ดีอีกต่างหาก

พืชในตระกูลส้มทั้งหลาย อย่างส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะกรูด เมื่อทานหรือคั้นเอาแต่น้ำไปใช้แล้วอย่าทิ้ง นำเปลือกมาตากแห้งเผาไฟไล่ยุงได้ดีนัก แต่เวลาที่จะเผาใช้งานควรคำนึงถึงที่อยู่อาศัยและกะปริมาณในการใช้งานให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง โดยขณะที่เผาน้ำมันหอมระเหยจะทำให้ยุงไม่กล้าเข้ามาใกล้

สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ โรคชิคุนกุนยานั้นยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่รักษาได้โดยตรงและอาจเกิดการกลายพันธุ์เป็นเชื้อตัวใหม่ได้ ที่ทำได้ตอนนี้แค่เพียงแต่ประคับประคองอาการป่วยเท่านั้น

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ทางศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา ได้นำพืชสมุนไพรมากกว่า 20 ชนิด มาสกัดทำน้ำมันหม่องและยาหม่องสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อและลดผื่นแดงอันเกิดจากไข้ชิคุนกุนยา

นางดวงแก้ว อัลภาชน์ ครูชำนาญการ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา กล่าวว่า ได้ทำการทดลองสรรพคุณของตัวยาสมุนไพร ซึ่งพบว่าสามารถบรรเทาอาการปวดข้อและลดอาการผื่นแดงได้ภายใน 1 ชั่วโมง และทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ก็ได้รับเงินงบประมาณจากจังหวัดยะลา ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการทำยาหม่องให้กับประชาชนที่สนใจทุกคน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสียงต่อการระบาดของโรคไข้ชิคุนกุนยา หากสนใจก็สามารถติดต่อไปได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดยะลา

ชิคุนกุนยาแม้ไม่ร้ายแรงถึงตาย แต่ความทรมานยามป่วยนั้นเจ็บปวดไปถึงใจกับเพียงแค่ยุงลายตัวเดียว เหมือนกับที่โบราณมักกล่าวไว้ว่า “ยุงร้ายกว่าเสือ” นั้นเห็นจะจริง!!



http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=159064#post159064