PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ปริศนาธรรมจากพระพุทธรูป.



*8q*
10-26-2008, 03:32 PM
http://bp2.blogger.com/_a3eCNkfFVsU/SBbB2wpfzFI/AAAAAAAAAwE/GnssCh47srQ/s320/12183.jpg--------------------------------------------------------------------------------

ปริศนาธรรม • จากพระพุทธรูป..











พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า




ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธามากบางแห่งก็มีชื่อเรียกเฉพาะ
เช่น หลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวราราม
จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือ
พระพุทธชินราชวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
เป็นต้น

ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้น

มีตำนานเล่าขานกันมามากบ้างน้อยบ้างสุดแท้แต่ความศรัทธาของชาวบ้าน


แต่สิ่งที่เหมือนกันของรูปเปรียบหรือตัวแทนของพระพุทธเจ้านี้
ที่สังเกตเห็นได้มีอยู่ด้วย กัน 3 ประการ คือ


1. พระเศียรแหลม

มีคำถามว่า

ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์

ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม
พระเศียรที่แหลมนั้นหมายถึง
สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต
สอนให้ชาวพุทธแก้ปัญหาต่างๆ
ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้อารมณ์

หากใช้ปัญญาคิดพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนแล้วจึงทำความผิดพลาด
เกิดขึ้นน้อย หรือไม่เกิดขึ้นเลย



2. พระกรรณยาน หรือ หูยาน

เป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก
คือมีจิตใจหนักแน่นมั่นคงนั่นเอง

ไม่เชื่ออะไรง่ายๆแต่คิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย
แล้วจึงเชื่อในฐานที่เป็น
ชาวพุทธก็ต้องเชื่อในกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น
เชื่อว่าไม่มีอะไรทำให้ใครเป็นอะไรๆ

ทั้งนั้นแต่ตัวเราเองนั่นแหละทำให้เราเป็นสุขเป็นทุกข์

คนเราจะดีจะชั่วจะเสื่อมจะเจริญไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอก
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับการทำ

การพูดการคิดของตนเองนี้เป็นการเชื่อตามหลักของพระพุทธศาสนา



3. พระเนตรมองต่ำ


พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์
อย่างในพระอุโบสถของวัดทั่วไป จะนั่งมองดูพระวรกาย

ไม่ได้มองดูหน้าต่างหรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง
นี้เป็นปริศนาธรรม
สอนให้มองตนเองพิจารณาตนเอง
ตักเตือนแก้ไขตนเองไม่ใช่คอยจับผิดผู้อื่น

ซึ่งตามปกติของคนแล้วมักจะมองเห็นความผิดพลาดของบุคคลอื่น

แต่ลืมมองของตนเองทำให้สูญเสียเวลาและโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตนเอง
ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดี
กว่าตัวเราเองจึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า

"อตฺตนา โจทยตฺตาน" = จงเตือนตนด้วยตนเอง

จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนเตือนไม่ได้ใครจะเตือน
ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย

ที่กล่าวมาทั้ง 3
ประการนั้นเป็นการสอนโดยใช้ปริศนาธรรม
จากพระพุทธรูปเป็นสื่อการสอนใจตนเอง

ดังนั้น..

ชาวพุทธเมื่อมีปัญหาอะไรแก้ไขไม่ได้คิดไม่ตกก็เข้าวัดเสียบ้าง
นั่งประนมมือตรงหน้าพระพุทธรูป
หรือถ้าที่บ้านมีพระพุทธรูป
ก็นั่งประนมมือต่อหน้าพระพุทธรูป ที่บ้านนั่นแหละ
ค่อยๆเพ่งพินิจที่พระพักตร์ของพระพุทธเจ้า

ก่อนที่จะกราบ จะมองเห็นพระเศียรแหลม สอนใจตนว่า..

"อย่าแก้ปัญหาด้วยอารมณ์นะ ใจเย็นๆ ปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อยๆ คิด
ค่อยๆแก้ด้วยสติปัญญาที่เฉียบแหลม..

เหมือนพระพุทธเจ้าของเราที่พระองค์ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา"

เห็นพระกรรณยานก็บอกตนเองว่า..

"สุขุมเยือกเย็นมีเหตุผลเข้าไว้
อย่าปล่อยใจตามอารมณ์หรือหุนหันพลันแล่น
เดี๋ยวจะผิดพลาดได้ ต้องมีจิตใจหนักแน่นมั่นคง
เชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล"

เห็นสายพระเนตรที่มองต่ำก็บอกตนเองว่า..

"มองตนเองบ้างนะ
อย่าไปมองคนอื่นมากนักเลยเดี๋ยวจะไม่สบายใจ
และอาจมีปัญหาได้
การมองตนเองบ่อยๆ จะได้พิจารณาตนเองปรับปรุงตนเอง
และแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น"

จากนั้นก็ค่อยกราบ..
พระพุทธรูปด้วยสติปัญญาและจิตใจที่ชื่นบาน
นี้เรียกว่า "ยิ่งกราบยิ่งฉลาด" สมกับเป็นผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ที่แท้จริง..




:

:

:


•




ที่มาของภาพ อักษร ทุกสิ่งทุกอย่าง..


ขอได้รับความขอบคุณจาก..



ขอบคุนเพื่อนอกาลิโกครับ
..... Candle.. มา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ ^^ .......