PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : แพทย์เผยกิน "ปลาทู 2 ตัว" ชะลอ "ความแก่



*8q*
08-02-2009, 09:00 PM
http://us.mg3.mail.yahoo.com/ya/download?mid=1%5f59875%5fAG3HtEQAAWlySkDJlA1mW0Ejk5Y&pid=2&fid=Inbox&inline=1&stationery=1

แพทย์เชี่ยวชาญอายุรวัฒน์นานาชาติแนะ 3 วิธีง่ายๆ ช่วยคนไทยลดสังขารเสื่อมก่อนวัย อย่านอนดึก

เลี่ยงแป้งน้ำตาลคุมน้ำหนัก
กินผักใบเขียววันละ 5 กำมือ ปลาทู 2 ตัว มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ

ซิตอัพวันละ
30 ครั้ง ฝึกหายใจลึกช่วยสติดีขึ้นชะลอแก่เร็ว

กรณีนายสำอาง สืบสมาน หัวหน้าโครงการวิจัยสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
(มสธ.)

เปิดเผยผลงานวิจัยคนไทยประสบปัญหาภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควร
สาเหตุจากโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง

เบาหวาน การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมในการบริโภคที่เสี่ยง


ขณะที่ชายไทยฮิตเป็นโรคความดันโลหิตและโรคตับ


ส่วนหญิงเป็นโรคคอพอกและหืดหอบนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นพ.กฤษดา ศิรามพุช

ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
(International Anti-Aging Institute: IAAI) กล่าวว่า

การเข้าสู่ภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควรกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะจะนำไปสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น

มีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า
ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

"สาเหตุของภาวะเสื่อมสังขาร แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย คือ
1.ปัจจัยภายในที่เกิดจากการสะสมของความเครียด ยิ่งขณะนี้ปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ยิ่งทำให้คนไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น
การก้าวสู่ภาวะแก่ก่อนวัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากนี้ ปัญหาความเครียด

จะพบมากในคนเมืองหลวง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร
(
กทม.) เพราะเป็นเมืองที่มีแต่การแข่งขัน มลภาวะสูง และ


2.ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม

มลภาวะเป็นพิษต่างๆ
รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง

น้ำตาล กาแฟ
จะมีสารที่ทำให้แก่สูงหรือที่เรียกว่า สารอนุมูลอิสระ

"พฤติกรรมการนอนหลับยังทำให้คนไทยแก่เร็วด้วย เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมนอนช่วงเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป

ทั้งๆ
ที่เวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนมากที่สุด คือ ช่วง 4 ทุ่ม และตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ธาตุหนุ่มสาวหรือ

โกรท ฮอร์โมน (
growth hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว

แต่หากเรานอนหลับหลังจากนั้นก็จะลดการหลั่งของธาตุหนุ่มสาว
สังเกตได้ว่าคนกรุงจะแก่เร็วมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะนอนดึกๆ กัน

แต่หากลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ แค่เพียง
1 สัปดาห์ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที"


นพ.กฤษดากล่าวว่า สำหรับวิธีชะลอความเสื่อมของสังขารนั้นไม่ยาก
ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยใช้วิธีง่ายๆ

ที่เรียกว่า
3 H ประกอบด้วย

1.Healthy Weight รู้จักควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วน โดยการเลี่ยงแป้งและน้ำตาล

โดยเฉพาะในอาหารจำพวกขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ ส่วนน้ำตาล หลายคนหันมาบริโภคสารให้ความหวานแทน


ซึ่งสารเหล่านี้ข้อควรระวังคือ
ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร หรือถูกความร้อนสูงๆ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นทั้งใน

และต่างประเทศระบุว่า เมื่อสารให้ความหวาน
ประเภทน้ำตาลเทียมได้รับความร้อนสูงๆ อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งได้

ดังนั้น การจะบริโภคน้ำตาลเทียมควรเลือกสารให้ความหวานที่ผลิตจากธรรมชาติ อาทิ
ชะเอมเทศ หรือหญ้าหวาน เป็นต้น

"2.Healthy diet and Lifestyle บริโภคผักใบเขียวโดยควรบริโภคประมาณวันละ 5 กำมือ และปลาทูอีก 2 ตัว

อาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารที่ช่วยต้านพวกสารแอนตี้ออกซิแดนซ์
หรืออนุมูลอิสระได้ และควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และ

3.Healthy Mind คือต้องมีกำลังใจที่ดี มีจิตและสมาธิอยู่กับปัจจุบัน โดยให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องป่อง

และกลั้นหายใจสัก
4 วินาที จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจะช่วยให้มีสติดีขึ้น"


นพ.กฤษดากล่าวว่า ที่สำคัญควรรู้จักฝึกการใช้สมอง
2 ซีกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่ใช้สมองเพียงซีกเดียวจะทำให้เกิดความเสื่อมตามมา หากเราถนัดมือขวาก็แสดงว่า สมองซีกซ้ายเราเด่น เราต้องทำให้สมองซีกขวาเด่นด้วย โดยการฝึกใช้มือซ้าย หรือให้ฝึกการใช้สัมผัสอื่นๆ ที่เราไม่ถนัด นอกจากนี้การที่เรารู้สึกหิวนิดๆ ก็จะทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งออกมามากด้วย เพราะเมื่อร่างกายเริ่มหิวจะสั่งไปที่สมองให้หลั่งสารให้สมองรู้สึกโล่ง จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น การที่รู้สึกดีก็จะทำให้จิตใจดีช่วยชะลอความแก่ไปในตัว

"ที่สำคัญการออกกำลังกายจะช่วยได้มากในเรื่องนี้ ยิ่งการซิตอัพจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขึ้น เพราะจะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ดังนั้น ในแต่ละวันควรซิตอัพอย่างน้อย 30 ครั้ง" นพ.กฤษดา กล่าว และว่า ปัจจุบันคนทำงานนิยมดื่มกาแฟกันมาก ทั้งๆ ที่กาแฟเป็นตัวทำลายความอ่อนเยาว์ แต่จะให้เลิกกาแฟคงยาก ดังนั้น ไม่ควรทานกาแฟเกินวันละ 1 แก้ว หรือควรทานกาแฟเพียงวันละ 2 ช้อนชาก็เพียงพอ ที่สำคัญอย่าลืมว่า กาแฟยิ่งร้อนเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้กับคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวอนุมูลอิสระที่สำคัญ

ขอบคุนครับคุนพง