PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : นิสัย พฤติกรรมที่ต่างกันอะไรเป็นปัจจัย



Butsaya
08-07-2009, 04:45 PM
http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Thinking/4.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Thinking/2.gif
มีคำถามที่อยากรู้อะค่ะ ว่าคนเราที่เกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน อะไรที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความต่างกันอะค่ะ แล้วคนเราก็มีนิสัย และพฤติกรรมที่แตกต่างกันด้วย สิ่งพวกนี้มาจากปัจจัยอะไรอะค่ะ อืม... ถ้าเกิดว่าในปัจจุบันเราต้องทำเหตุ ทำปัจจัยเพื่อให้ส่งผลในภพชาติต่อไปในทางที่ดี เราควรที่จะรู้และเลือกทำอย่างไหนบ้างอะค่ะ เพื่อเตรียมความพร้อมอะค่ะ อิอิ...

D E V
08-08-2009, 06:47 AM
การเกิดมาในสถานะแตกต่างกัน
ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ก็เพราะแต่ละคนกระทำเหตุมาต่างกัน (กรรม)
ผล (วิบาก) ที่เกิดขึ้นจึงต่างกันอ่ะคับ


************************************************


สมบัติ 4...วิบัติ 4

องค์ประกอบต่างๆ
อันเป็นผลจากกรรมดี
ส่งเสริมนำมาซึ่งสมบัติ 4
ที่เกื้อหนุนกรรมดี ปิดกั้นกรรมชั่ว ได้แก่

1. คติสมบัติ คือ การเกิดในภพภูมิที่ดี ในภูมิประเทศที่ดี ในสภาพแวดล้อมที่ดี
2. อุปธิสมบัติ คือเกิดมามีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง งามสง่า บุคลิกรูปร่างหน้าตาดี
3. กาลสมบัติ คือ เกิดมาในยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรือง บ้านเมืองสงบสุข อุดมสมบูรณ์
4. ปโยคสมบัติ คือ มีความขยันหมั่นเพียร มีความพยายาม ไม่ขี้เกียจ ไม่งอมืองอเท้า

ในทางตรงข้าม
องค์ประกอบอันเป็นผลจากกรรมชั่ว
ก็ย่อมนำมาซึ่ง วิบัติ 4 ประการ
อันเกื้อหนุนกรรมชั่ว ปิดกั้นกรรมดี ได้แก่

1. คติวิบัติ คือ เกิดในภพภูมิที่ไม่ดี ในภูมิประเทศที่ไม่ดี ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี
2. อุปธิวิบัติ คือ เกิดมามีร่างการทุพพลภาพ อ่อนแอ ไม่สง่างาม บุคลิกรูปร่างหน้าตาไม่ดี
3. กาลวิบัติ คือ เกิดมาในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง บ้านเมืองระส่ำระสาย กลียุค
4. ปโยควิบัติ คือ ไม่ขยันหมั่นเพียร ขาดความพยายาม ขี้เกียจ งอมืองอเท้า




http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/cool.gif เดฟ

D E V
08-08-2009, 06:58 AM
การที่แต่ละคนมีพฤติกรรมต่างๆ กันไป
ย่อมเป็นไปตามการสั่งสมของแต่ละคน
ซึ่งได้สั่งสมกันมาเนิ่นนานในสังสารวัฏ
จนกลายเป็นอุปนิสัยติดตัวอ่ะคับ

อย่างเช่น
ผู้ที่สั่งสมโทสะมาก
ก็จะมีอุปนิสัยเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ใจร้อน
ผู้ที่สั่งสมเมตตามาก
ก็จะมีอุปนิสัยเป็นคนที่อ่อนโยน ไม่ถือโทษ ใจเย็น
ฯลฯ เป็นต้น

เวลาที่โทสะเกิดขึ้นครั้งนึง
ก็เท่ากับเป็นปัจจัยให้โทสะสั่งสมเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง
และเช่นกัน เวลาที่เมตตาเกิดขึ้นครั้งนึง
ก็เป็นปัจจัยให้เมตตาสั่งสมเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง

เราทุกคนกระทำอย่างไรบ่อยๆ
ก็จะคุ้นชินกับพฤติกรรมอย่างนั้น
ทำให้น้อมไปที่จะกระทำเช่นนั้นเป็นอุปนิสัยนั่นเองคับ



http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/cool.gif เดฟ

D E V
08-08-2009, 07:06 AM
ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ก็เป็นผลมาจากการกระทำในอดีต
และอนาคตเป็นอย่างไร
ก็เป็นผลมาจากการกระทำในปัจจุบัน

หากปัจจุบันหมั่นเจริญกุศลทุกประการ
ทาน ศีล สมาธิ สติ ปัญญา
ก็ย่อมส่งผลนั้นเองในอนาคตอ่ะคับ




http://www.watkoh.com/board/Smileys/default/cool.gif เดฟ

Butsaya
08-12-2009, 10:16 AM
http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Word_Positive/3.gif

อืม...ม ขอบคุณค่ะพี่เดฟ อ่านๆ ดูแล้วเหมือนพวกเรา ๆ จะอยู่ในยุคสุดท้ายของพุทธศาสนาแล้วหรือเปล่าอะค่ะ อิอิ

vini
08-23-2009, 12:04 PM
ยังครับคุณบุษยายุคสุดท้ายคือกลียุคมีอาวุธเกิดขึ้นในมือ ตอนนี้ผมดูแล้วก็ยังดีอยู่นะครับ

Butsaya
08-25-2009, 10:04 PM
http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Other/12.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Other/22.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Other/25.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Other/13.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Other/22.gif

อืม...ม บุษคิดว่าตอนนี้มากึ่งพุทธกาลแล้วอะค่ะ เพราะทางภาคใต้ของเรา ประชาชนก็ต้องมีอาวุธป้องกันตัวซึ่งก็ต้องถืออาวุธในมือ ส่วนพวกทหารก็ต้องคอยปกป้องประชาชนเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย อาวุธก็จะมีอยู่ในมือตลอดเวลาอะค่ะ อิอิ.... คุณวินิ ว่าจิงม่ะค่ะ อิอิ...

http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Word_Positive/3.gif

Butsaya
11-06-2009, 12:02 AM
??? ??? ??? ??? ??? ??? ;) ;) ;) ;) ;)


อืมมม การที่เราจะล้างหรือลบพฤติกรรมที่เราติดเป็นนิสัยนี่ทำได้อย่างไรอะค่ะ
เช่น ชอบคิด ชอบปรุงไปเรื่อย(โดยที่เกิดเพราะความกังวลในใจ) แบบนี้เป็นต้นอะค่ะ

D E V
11-06-2009, 09:39 AM
อ่ะคับ คำตอบมีอยู่ในกระทู้แล้วน่ะคับ
ลองพิจารณาเทียบเคียงจากที่กล่าวไว้นี้อีกทีนะคับ


การที่แต่ละคนมีพฤติกรรมต่างๆ กันไป
ย่อมเป็นไปตามการสั่งสมของแต่ละคน
ซึ่งได้สั่งสมกันมาเนิ่นนานในสังสารวัฏ
จนกลายเป็นอุปนิสัยติดตัวอ่ะคับ

อย่างเช่น
ผู้ที่สั่งสมโทสะมาก
ก็จะมีอุปนิสัยเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ใจร้อน
ผู้ที่สั่งสมเมตตามาก
ก็จะมีอุปนิสัยเป็นคนที่อ่อนโยน ไม่ถือโทษ ใจเย็น
ฯลฯ เป็นต้น

เวลาที่โทสะเกิดขึ้นครั้งนึง
ก็เท่ากับเป็นปัจจัยให้โทสะสั่งสมเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง
และเช่นกัน เวลาที่เมตตาเกิดขึ้นครั้งนึง
ก็เป็นปัจจัยให้เมตตาสั่งสมเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง

เราทุกคนกระทำอย่างไรบ่อยๆ
ก็จะคุ้นชินกับพฤติกรรมอย่างนั้น
ทำให้น้อมไปที่จะกระทำเช่นนั้นเป็นอุปนิสัยนั่นเองคับ


พอจะเทียบเคียงได้มั้ยคับ....

ผู้ที่ชอบคิดฟุ้งปรุงไปเรื่อยแล้วก็กังวลใจ
ก็เพราะกระทำอย่างนั้นบ่อยๆ อยู่เป็นประจำจนคุ้นชินเป็นนิสัย
เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นอกุศลจิต นำความเดือดร้อนใจมาให้
ก็ค่อยๆ ลด ละ เลิก พฤติกรรมอย่างนั้น
หัดวางคลาย เจริญสติอยู่กับปัจจุบันบ่อยๆ เนืองๆ
ก็เป็นการค่อยๆ สร้างพฤติกรรมใหม่ ละลายพฤติกรรมเก่า
จนกว่าจะคุ้นชินเป็นนิสัย
ซึ่งนิสัยเดิมเรายังใช้เวลาสั่งสมมาเนิ่นนานในสังสารวัฏ
นิสัยใหม่ก็ต้องใช้เวลาสั่งสมประมาณกัน
จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ชาติ ก็แล้วแต่...แต่ละบุคคล
จะให้ทุกอย่างปุ๊บปั๊บเป็นได้อย่างใจ...ก็คงเป็นไปไม่ได้น่ะคับ

ดังนั้น การที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยเดิม
ก็คือกระทำพฤติกรรมใหม่....ที่ตรงข้าม
จนกว่าจะเสพคุ้นในพฤติกรรมใหม่ ห่างหายจากพฤติกรรมเก่า
หากสั่งสมโทสะมามาก...ก็เจริญเมตตาบ่อยๆ เนืองๆ
หากชอบคิดฟุ้งซ่าน...ทันทีที่รู้ตัวก็กลับมาอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับปัจจุบัน
หากชอบกินจุ...ก็หัดกินแค่พออิ่ม
หากชอบนอนดึกตื่นสาย...ก็หัดนอนหัวค่ำตื่นเช้า
ชอบดูหนังฟังเพลง...ก็หันมาอ่านฟังธรรมะ
ฯลฯ กระทำเช่นใดบ่อยๆ ก็ได้เช่นนั้นเป็นนิสัย
ซึ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปน่ะคับ



8) เดฟ

ปล. จริงๆ ประเด็นนี้ หากเปรียบเทียบเป็นโจทย์เลข
ก็คล้ายกับถามว่ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อขนมไป 5 บาท จะเหลือเงินกี่บาท
คำตอบคือ ก็เอา 10 ลบ 5 สิ...ก็จะเหลือเงิน 5 บาท

จากนั้นก็เกิดความสงสัยใหม่ว่า...เอ๋ แล้วถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท
ซื้อท๊อฟฟี่ไป 5 บาท จะเหลือเงินกี่บาทล่ะ งงจัง คิดไม่ออก
คำตอบก็คือ...ก็เอา 10 ลบ 5 สิ...ก็จะเหลือเงิน 5 บาท

แล้วก็อาจจะสงสัยต่อไปว่า...อื่มม แล้วถ้ามีเงิน 10 บาท
ซื้อเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดไป 5 บาท จะเหลือเงินกี่บาทอ่ะ งงแหะ คิดไม่ออก
คำตอบก็คือ...ก็เอา 10 ลบ 5 สิ....เหลือ 5 บาทไงล่ะ

สังเกตเห็นอะไรมั้ยคับ
คือประเด็นหลักไม่ได้ต่างกัน
ถ้าเราพิจารณาทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถี่ถ้วน
พอจับหลักอันเป็น key point ได้
ไม่ว่า model ในโจทย์จะเปลี่ยนไปอย่างไร
แต่ key point ก็อันเดียวกันนั่นเอง
เราก็สามารถที่จะพิจารณาได้กว้างขวางทั่วถึงยิ่งขึ้น
และได้คำตอบด้วยตนเองน่ะคับ



8) เดฟ

Butsaya
11-06-2009, 12:29 PM
http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Happy/1.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Happy/5.gif

http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Happy/21.gif http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Happy/21.gif

ขอบคุณค่ะ พี่เดฟ http://www.watkoh.com/board/richedit/smileys/Happy/19.gif
เคลียร์แย้วอะค่ะ
เน้นย้ำให้กระจ่างเลยอะค่ะ
สาธุค่ะ พี่เดฟ

suwit02
11-12-2009, 04:54 PM
ขออนุโมทนาครับ