Butsaya
11-27-2009, 09:50 AM
อานิสงส์ปฏิบัติกรรมฐาน
เอื้อมทิพย์ คงเพ็ชร
๒๖ ต.ค. ๒๕๓๒
ดิฉันชื่อ น.ส. เอื้อมทิพย์ คงเพ็ชร ปัจจุบันเป็นนิสิตปริญญาโท จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยา และมนุษย์วิทยา และนักศึกษาปริญญาโท จาก
สถาบันเทคโนโลยีสังคม ดิฉันไม่ใช่เป็นคนดีมาตั้งแต่เด็ก อะไรเป็นสาเหตุให้ดิฉันเรียนปริญญาโททั้ง ๒ แห่งนี้ได้ และอะไรเป็นสาเหตุให้ดิฉันหันมาปฏิบัติกรรมฐาน อานิสงส์
ของการปฏิบัติกรรมฐานทำให้นิสัยใจคอของดิฉันเปลี่ยนไป ลองอ่านดูซิคะ
ดิฉันเป็นลูกของ พ.อ.(พิเศษ) ประเวศน์ และ นางอัครเนตร คงเพ็ชร คุณพ่อคุณแม่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ ตั้งแต่ดิฉันยังเล็กอยู่มาก ดิฉันจำได้ทุกครั้งที่
มาวัดจะได้ยินหลวงพ่อเทศน์อยู่เสมอว่า บุญบาป สามารถจะเพิ่มขึ้นและหมดไปได้ บุญเปรียบเสมือนกระแสไฟที่อยู่ในหม้อแบตเตอรี่ ถ้าเราใช้ไปเรื่อย ๆ กระแสไฟก็จะค่อย
ๆ หมดไปเพราะเราใช้บุญเก่า บุญใหม่ไม่เคยสร้าง เมื่อบุญหมดเหลือแต่บาป ชีวิตก็จะแตกแหลกเหลวหาที่ดีไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรรีบชาร์ตไฟเข้าหม้อแบตเตอรี่ซะ ดิฉันไม่
เคยคิดเลยว่าหลวงพ่อพูดให้ดิฉันเพราะความตายกำลังมาถึงดิฉันแล้ว ลางร้ายเริ่มปรากฏเข้ามาในชีวิตของดิฉัน อะไรเป็นสิ่งบอกเหตุให้ดิฉันหันมาปฏิบัติกรรมฐาน
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อยู่มาวันหนึ่ง ดิฉันทะเลาะกับน้องสาวอย่างแรง ดิฉันโกรธมากที่น้องสาวเถียง จึงผลักอกน้องเซถลาหกล้มส่งเสียงร้องไห้ลั่นบ้าน คุณแม่ทนไม่ไหว หยิบไม้
มาหวดดิฉันอย่างแรง ๒ ที ความรู้สึกในขณะนั้นเจ็บมากและเสียใจที่แม่ตีดิฉันคนเดียว จึงเถียงแม่ไปทันทีว่า “แม่ไม่ยุติธรรม ทำไมตีหนูคนเดียว หนูเถียงคนเดียวได้หรือ
ทำไมแม่ไม่ตีทั้งคู่ ถ้างั้นพี่ก็ไม่เป็นพี่นะซิ” คุณแม่ว่า “ยังเถียงอีก” พูดแล้วยกไม้จะตีดิฉันอีก ดีที่ดิฉันหลบได้ทัน จึงเถียงแม่ต่อไปอีกว่า “ต่อไปนี้จะไม่อยู่บ้านนี้แล้ว จะไปอยู่
กับพี่ที่เมืองจันท์” แล้วก็ไปเก็บเสื้อผ้า
ตกดึกยิ่งคิดยิ่งกลัว ความกล้าหายไป ความกลัวเข้ามาแทนที่ ดิฉันคิดว่าเมืองจันท์มันอยู่ตรงไหน จะต้องไปขึ้นรถที่เอกมัย แล้วเอกมัยอยู่ตรงไหน ดิฉันไม่รู้จัก ยิ่งคิดยิ่งกลัว
จะไปอยู่กับเพื่อนก็คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่กับใคร จึงตัดสินใจไปจุดธูปเทียนหน้าพระว่า “ท่านเข้าขา ช่วยหนูด้วยหนูไม่อยากอยู่บ้าน แม่ไม่รักหนูรักน้องหนู หนูไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
ดี หลวงพ่อช่วยชี้ทางให้หนูด้วยว่าหนูควรจะไปอยู่กับใคร หนูง่วงนอน ตื่นเช้าขึ้นมา หนูนึกถึงสิ่งไหนก่อนหนูจะไปที่นั่นทันที” ตอนเช้าดิฉันอาบน้ำ ในจิตใจของดิฉันนึกถึงแต่ไป
วัดอัมพวัน ไปวัดอัมพวัน ดิฉันตกใจนึกขึ้นได้เมื่อคืน เราอธิษฐานจิตต่อหน้าพระ ขอให้ท่านชี้ทางให้ แต่ทำไมต้องไปวัดด้วย ไม่สนุกเลยเพื่อนก็ไม่มี จิตมันก็ค้านว่า ถ้าไปไป
เดี๋ยวพระหักคอเอานะ จึงแต่งตัวออกจากบ้านไปโดยที่พ่อแม่ ไม่ทราบว่าดิฉันไปไหน
เมื่อมาถึงวัดเหมือนหลวงพ่อจะทราบล่วงหน้า ท่านอยู่คอยดิฉัน ทั้ง ๆ ที่มีแขกมาคอยรับหลวงพ่อไปกทม. ทันทีที่มาถึงหลวงพ่อพูดว่า “อีหนูทานข้าวมาหรือยัง” “ยังค่ะ”
“สมประสงค์หาข้าวให้อีหนูทานเดี๋ยวหลวงพ่อกลับ” พี่สมประสงค์หาข้าวให้ดิฉันทานจนอิ่ม ดิฉันจึงเล่าความทุกข์ที่มีอยู่ในใจให้พี่สมประสงค์ฟัง พร้อมทั้งพูดว่า แมวตั้งใจจะ
มาอยู่วัด จะมาช่วยหลวงพ่อล้างจาน จะมาทำงานที่วัด พี่สมประสงค์ตอบว่าไม่ได้หรอกเดี๋ยวแม่แก่มาเล่นงานหลวงพ่อตาย ถ้างั้นไปเข้ากรรมฐาน
ดิฉันไม่รู้ว่ากรรมฐานเป็นอย่างไร ชุดขาวก็ไม่มี ต้องไปยืมชุดแม่ชีใส่ ในขณะนั้นกุฏิกรรมฐานสร้างเสร็จใหม่ ๆ แม่ชีดรุณี สามคำ เป็นผู้สอนกรรมฐานให้ดิฉัน วันแรกในการ
ปฏิบัติเห็นเขานั่งหลับตากันโดยกำหนดลมหายใจเข้าท้องพองหายใจออกท้องยุบ นั่งได้ ๑ นาทีมันแสนจะนานสำหรับดิฉัน เดินจงกรมก็อาเจียนเลย แม่ชีดรุณีต้องคอย
พยาบาล วันแรกดิฉันไม่ได้อะไรมาก วันที่ ๒ จิตใจเริ่มดีขึ้น เริ่มกำหนดพองยุบได้ ๑๐-๑๕ นาที จิตใจเริ่มคิดถึงแม่ ร้องไห้เลย ในใจคิดว่า แม่จ๋าหนูคิดถึงแม่ หนูรักแม่ หนูขอ
โทษที่ทำให้แม่เสียใจ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว ดิฉันเริ่มเดินร้องไห้ไปหาแม่ชี ขออนุญาตกลับบ้าน แม่ชีตอบว่าไหน ๆ ก็มาแล้วปฏิบัติให้ได้ ๓ วัน ดิฉันคิดถึงแม่ใจจะขาด นอน
ร้องไห้ทุกคืน เมื่อวันที่ ๓ มาถึง ดิฉันดีใจที่พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน ระหว่างที่คิดอยู่นั้นมีเสียงเคาะประตูเหลือบดูนาฬิกา ๕ ทุ่มแล้ว เมื่อเปิดประตูออกมาพบพี่อุ่นเรือนพูดกับดิฉัน
ว่า “หลวงพ่อให้กลับบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปพบที่กุฏิหลวงพ่อ” เมื่อไปถึงได้ยินเสียงหลวงพ่อสั่งพี่อุ่นเรือนว่า “อุ่นเรือนส่งให้ถึงบ้านนะ ส่งให้ถึงบันไดหน้าบ้านได้ยิ่งดี ต้องให้
พ่อแม่เขาออกมารับรู้ก่อนนะว่าใครมาส่ง แล้วพรุ่งนี้มารายงานด้วยว่าเรียบร้อยหรือเปล่า” ดิฉันตื้นตันใจ น้ำตาไหลพรากในความเมตตาที่หลวงพ่อให้ดิฉัน
เอื้อมทิพย์ คงเพ็ชร
๒๖ ต.ค. ๒๕๓๒
ดิฉันชื่อ น.ส. เอื้อมทิพย์ คงเพ็ชร ปัจจุบันเป็นนิสิตปริญญาโท จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยา และมนุษย์วิทยา และนักศึกษาปริญญาโท จาก
สถาบันเทคโนโลยีสังคม ดิฉันไม่ใช่เป็นคนดีมาตั้งแต่เด็ก อะไรเป็นสาเหตุให้ดิฉันเรียนปริญญาโททั้ง ๒ แห่งนี้ได้ และอะไรเป็นสาเหตุให้ดิฉันหันมาปฏิบัติกรรมฐาน อานิสงส์
ของการปฏิบัติกรรมฐานทำให้นิสัยใจคอของดิฉันเปลี่ยนไป ลองอ่านดูซิคะ
ดิฉันเป็นลูกของ พ.อ.(พิเศษ) ประเวศน์ และ นางอัครเนตร คงเพ็ชร คุณพ่อคุณแม่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ ตั้งแต่ดิฉันยังเล็กอยู่มาก ดิฉันจำได้ทุกครั้งที่
มาวัดจะได้ยินหลวงพ่อเทศน์อยู่เสมอว่า บุญบาป สามารถจะเพิ่มขึ้นและหมดไปได้ บุญเปรียบเสมือนกระแสไฟที่อยู่ในหม้อแบตเตอรี่ ถ้าเราใช้ไปเรื่อย ๆ กระแสไฟก็จะค่อย
ๆ หมดไปเพราะเราใช้บุญเก่า บุญใหม่ไม่เคยสร้าง เมื่อบุญหมดเหลือแต่บาป ชีวิตก็จะแตกแหลกเหลวหาที่ดีไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรรีบชาร์ตไฟเข้าหม้อแบตเตอรี่ซะ ดิฉันไม่
เคยคิดเลยว่าหลวงพ่อพูดให้ดิฉันเพราะความตายกำลังมาถึงดิฉันแล้ว ลางร้ายเริ่มปรากฏเข้ามาในชีวิตของดิฉัน อะไรเป็นสิ่งบอกเหตุให้ดิฉันหันมาปฏิบัติกรรมฐาน
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อยู่มาวันหนึ่ง ดิฉันทะเลาะกับน้องสาวอย่างแรง ดิฉันโกรธมากที่น้องสาวเถียง จึงผลักอกน้องเซถลาหกล้มส่งเสียงร้องไห้ลั่นบ้าน คุณแม่ทนไม่ไหว หยิบไม้
มาหวดดิฉันอย่างแรง ๒ ที ความรู้สึกในขณะนั้นเจ็บมากและเสียใจที่แม่ตีดิฉันคนเดียว จึงเถียงแม่ไปทันทีว่า “แม่ไม่ยุติธรรม ทำไมตีหนูคนเดียว หนูเถียงคนเดียวได้หรือ
ทำไมแม่ไม่ตีทั้งคู่ ถ้างั้นพี่ก็ไม่เป็นพี่นะซิ” คุณแม่ว่า “ยังเถียงอีก” พูดแล้วยกไม้จะตีดิฉันอีก ดีที่ดิฉันหลบได้ทัน จึงเถียงแม่ต่อไปอีกว่า “ต่อไปนี้จะไม่อยู่บ้านนี้แล้ว จะไปอยู่
กับพี่ที่เมืองจันท์” แล้วก็ไปเก็บเสื้อผ้า
ตกดึกยิ่งคิดยิ่งกลัว ความกล้าหายไป ความกลัวเข้ามาแทนที่ ดิฉันคิดว่าเมืองจันท์มันอยู่ตรงไหน จะต้องไปขึ้นรถที่เอกมัย แล้วเอกมัยอยู่ตรงไหน ดิฉันไม่รู้จัก ยิ่งคิดยิ่งกลัว
จะไปอยู่กับเพื่อนก็คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่กับใคร จึงตัดสินใจไปจุดธูปเทียนหน้าพระว่า “ท่านเข้าขา ช่วยหนูด้วยหนูไม่อยากอยู่บ้าน แม่ไม่รักหนูรักน้องหนู หนูไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
ดี หลวงพ่อช่วยชี้ทางให้หนูด้วยว่าหนูควรจะไปอยู่กับใคร หนูง่วงนอน ตื่นเช้าขึ้นมา หนูนึกถึงสิ่งไหนก่อนหนูจะไปที่นั่นทันที” ตอนเช้าดิฉันอาบน้ำ ในจิตใจของดิฉันนึกถึงแต่ไป
วัดอัมพวัน ไปวัดอัมพวัน ดิฉันตกใจนึกขึ้นได้เมื่อคืน เราอธิษฐานจิตต่อหน้าพระ ขอให้ท่านชี้ทางให้ แต่ทำไมต้องไปวัดด้วย ไม่สนุกเลยเพื่อนก็ไม่มี จิตมันก็ค้านว่า ถ้าไปไป
เดี๋ยวพระหักคอเอานะ จึงแต่งตัวออกจากบ้านไปโดยที่พ่อแม่ ไม่ทราบว่าดิฉันไปไหน
เมื่อมาถึงวัดเหมือนหลวงพ่อจะทราบล่วงหน้า ท่านอยู่คอยดิฉัน ทั้ง ๆ ที่มีแขกมาคอยรับหลวงพ่อไปกทม. ทันทีที่มาถึงหลวงพ่อพูดว่า “อีหนูทานข้าวมาหรือยัง” “ยังค่ะ”
“สมประสงค์หาข้าวให้อีหนูทานเดี๋ยวหลวงพ่อกลับ” พี่สมประสงค์หาข้าวให้ดิฉันทานจนอิ่ม ดิฉันจึงเล่าความทุกข์ที่มีอยู่ในใจให้พี่สมประสงค์ฟัง พร้อมทั้งพูดว่า แมวตั้งใจจะ
มาอยู่วัด จะมาช่วยหลวงพ่อล้างจาน จะมาทำงานที่วัด พี่สมประสงค์ตอบว่าไม่ได้หรอกเดี๋ยวแม่แก่มาเล่นงานหลวงพ่อตาย ถ้างั้นไปเข้ากรรมฐาน
ดิฉันไม่รู้ว่ากรรมฐานเป็นอย่างไร ชุดขาวก็ไม่มี ต้องไปยืมชุดแม่ชีใส่ ในขณะนั้นกุฏิกรรมฐานสร้างเสร็จใหม่ ๆ แม่ชีดรุณี สามคำ เป็นผู้สอนกรรมฐานให้ดิฉัน วันแรกในการ
ปฏิบัติเห็นเขานั่งหลับตากันโดยกำหนดลมหายใจเข้าท้องพองหายใจออกท้องยุบ นั่งได้ ๑ นาทีมันแสนจะนานสำหรับดิฉัน เดินจงกรมก็อาเจียนเลย แม่ชีดรุณีต้องคอย
พยาบาล วันแรกดิฉันไม่ได้อะไรมาก วันที่ ๒ จิตใจเริ่มดีขึ้น เริ่มกำหนดพองยุบได้ ๑๐-๑๕ นาที จิตใจเริ่มคิดถึงแม่ ร้องไห้เลย ในใจคิดว่า แม่จ๋าหนูคิดถึงแม่ หนูรักแม่ หนูขอ
โทษที่ทำให้แม่เสียใจ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว ดิฉันเริ่มเดินร้องไห้ไปหาแม่ชี ขออนุญาตกลับบ้าน แม่ชีตอบว่าไหน ๆ ก็มาแล้วปฏิบัติให้ได้ ๓ วัน ดิฉันคิดถึงแม่ใจจะขาด นอน
ร้องไห้ทุกคืน เมื่อวันที่ ๓ มาถึง ดิฉันดีใจที่พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน ระหว่างที่คิดอยู่นั้นมีเสียงเคาะประตูเหลือบดูนาฬิกา ๕ ทุ่มแล้ว เมื่อเปิดประตูออกมาพบพี่อุ่นเรือนพูดกับดิฉัน
ว่า “หลวงพ่อให้กลับบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปพบที่กุฏิหลวงพ่อ” เมื่อไปถึงได้ยินเสียงหลวงพ่อสั่งพี่อุ่นเรือนว่า “อุ่นเรือนส่งให้ถึงบ้านนะ ส่งให้ถึงบันไดหน้าบ้านได้ยิ่งดี ต้องให้
พ่อแม่เขาออกมารับรู้ก่อนนะว่าใครมาส่ง แล้วพรุ่งนี้มารายงานด้วยว่าเรียบร้อยหรือเปล่า” ดิฉันตื้นตันใจ น้ำตาไหลพรากในความเมตตาที่หลวงพ่อให้ดิฉัน